NOVEL / The Signal Beyond the Veil · January 23, 2025 0

067-ยอดคงเหลือเป็นศูนย์ (พิธีกรรมเปิดเผย)

บรรยากาศอบอุ่นของบาร์โฮสต์สาทรแท็ปรูมที่เคยมีเปลี่ยนไปกลายเป็นความกดดัน แสงนีออนที่กระพริบอยู่นอกหน้าต่างแทบไม่สามารถทะลุผ่านความมืดที่เกาะอยู่ตามผนัง และแสงจาง ๆ จากสัญลักษณ์บนหน้าจอ POS ยิ่งทำให้เงารอบตัวดูเหมือนมีชีวิต

Sponsored Ads

ผมกระชับมีดหมอในมือแน่น แล้วเหลือบมองบอสหนูที่ยังดูซีดเซียว แต่ตอนนี้นั่งตัวตรงได้แล้ว สายสิญจน์ที่พันรอบข้อมือเขาเรืองแสงจาง ๆ ช่วยกั้นพลังที่พยายามดึงเขาเข้าไป

“ผมต้องตัดการเชื่อมต่อของมันกับเครือข่ายวิญญาณ” ผมพูดด้วยเสียงต่ำแต่หนักแน่น “อย่าขัดจังหวะเด็ดขาด”

บอสหนูพยักหน้า แม้สายตาเขาจะมองไปทางประตูด้วยความกังวล “แล้วถ้ามัน… เอ่อ… สู้กลับล่ะ?”

“ก็ภาวนาให้มันไม่ทำ” ผมพึมพำ ขณะย่อตัวลงตรวจสอบสายไฟใต้เครื่อง POS

ทันใดนั้น ประตูบาร์ก็ส่งเสียงเอี๊ยดเปิดออก หัวใจผมหล่นวูบ

ชายคนหนึ่งในชุดพนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามา มือถือถาดเครื่องดื่มไว้ ตอนแรกเขาดูเหมือนพนักงานธรรมดา—ตัวเตี้ย ผอมบาง ผมเรียบลื่นไปด้านหลัง และท่าทางนิ่งเฉยเหมือนมืออาชีพ แต่มีบางอย่างผิดปกติกับเขา การเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นเกินไป ตั้งใจเกินไป เหมือนเขากำลังเล่นบทบาทที่เขาแทบไม่เข้าใจเลย

Sponsored Ads

“ไม่มีพนักงานในคืนนี้” บอสหนูพูดเสียงแผ่ว “บาร์ปิดแล้ว”

ชายคนนั้นไม่สนใจ วางถาดลงพร้อมเสียงโลหะกระทบ จากนั้นเขาหันมามองผม รอยยิ้มของเขาเฉียบคมและดูลึกลับ

“ถอยออกจากเครื่องนั้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่เย็นชา

ผมลุกขึ้นยืน มีดหมอในมือสะท้อนแสงเล็กน้อย “ขอเดานะ คุณคงไม่ได้มาเพื่อถามเมนูเครื่องดื่ม”

รอยยิ้มของชายคนนั้นกว้างขึ้น และในเสี้ยววินาที เขาชักมีดออกมาจากกระเป๋า ใบมีดนั้นเปล่งแสงจาง ๆ พร้อมสัญลักษณ์ที่สลักไว้เหมือนกับที่เต้นกระพริบบนหน้าจอ POS

“พิธีต้องเสร็จสมบูรณ์” เขาตะโกนเสียงดัง ก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหาผม!

Sponsored Ads

———————

การต่อสู้ในบาร์โฮสต์

ผมหลบการโจมตีแรกของเขา มีดพุ่งผ่านอากาศเฉียดจุดที่ผมยืนอยู่เมื่อครู่

“จริงจังเหรอ?” ผมบ่น พลางหมุนตัวไปหลังเคาน์เตอร์ “ลัทธิปลอมตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟ? นี่มันเหมือนบทละครที่ขี้เกียจเขียนสุด ๆ”

ชายคนนั้นไม่ตอบ สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง ขณะที่เคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดคุย—เขามาเพื่อหยุดผม และดูเหมือนเขาไม่สนว่ามันจะเลอะเทอะแค่ไหน

“บอสหนู รีบออกไปจากที่นี่!” ผมตะโกน พร้อมปัดการโจมตีอีกครั้งด้วยใบมีดของมีดหมอ ประกายไฟแตกกระจายเมื่อสัญลักษณ์บนอาวุธทั้งสองปะทะกัน พลังงานของพวกมันปะทะกันจนเกิดแสงวาบ

บอสหนูชะงัก มองสลับระหว่างผมกับประตู แต่แทนที่จะวิ่งหนี เขาคว้าเก้าอี้แล้วเหวี่ยงใส่ชายลึกลับ

เก้าอี้ไม่โดนเป้าหมาย แต่เพียงพอที่จะทำให้เขาเสียสมาธิ ผมฉวยโอกาสบิดข้อมือเขา ทำให้มีดหลุดจากมือ กระเด็นไปตามพื้น

“ขว้างได้ดีนะ” ผมพูดพร้อมส่งยิ้มให้หนู

“อย่าเพิ่งขอบคุณผมเลย” เขาตอบ เสียงยังสั่นอยู่

ชายลึกลับไม่เสียเวลาเก็บมีด เขาพุ่งไปที่เคาน์เตอร์ที่เครื่อง POS ตั้งอยู่ มือของเขาเปล่งแสงจาง ๆ ขณะเอื้อมไปหาสายสิญจน์

“ไม่มีทาง!” ผมตะโกน กระโจนเข้าใส่เขา

แต่ผมช้ากว่าไปเพียงเสี้ยววินาที มือของเขาปัดสายสิญจน์จนขาดสะบั้น ทำให้พลังป้องกันรอบเครื่อง POS ถูกทำลาย!

Sponsored Ads

———————

การคืบคลานของความมืด

ทันทีที่สายสิญจน์ขาด ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืดสนิท แสงสลัวจากป้ายไฟนีออนด้านนอกหายไป ถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าที่กดดันมาจากทุกทิศทาง

ชายลัทธิก้าวถอยหลัง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยินดี “สายไปแล้ว ม่านกั้นบางเกินกว่าจะหยุดสิ่งที่กำลังมาได้”

หน้าจอ POS สว่างวาบ ตราสัญลักษณ์เรืองแสงสว่างขึ้นยิ่งกว่าที่เคย คำว่า

[ทำพิธีกรรมให้เสร็จสิ้น]

 ปรากฏซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกการกระพริบส่งคลื่นพลังงานเย็นยะเยือกกระจายไปทั่วห้อง

แล้วบาร์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง

ผนังไม้ที่คุ้นเคยบิดเบี้ยวเปลี่ยนเป็นพื้นผิวสีดำมืดมันเงาเหมือนน้ำมัน รูปร่างเงามัวปรากฏขึ้นจากมุมห้อง พวกมันไร้รูปร่างที่ชัดเจน แต่แผ่รังสีความอาฆาตออกมาอย่างชัดเจน

“ไม่ดีแล้ว” ผมพึมพำ ถอยไปหาบอสหนูที่ดูเหมือนจะยืนนิ่งตัวแข็ง

เงาร่างหนึ่งเลื้อยเข้ามาใกล้ แขนยาวของมันเอื้อมไปยังเครื่อง POS มันไม่ได้แค่ต้องการพลังงาน—มันต้องการทะลุผ่านมิติ

ชายลัทธิหัวเราะ เสียงของเขาดังก้องผิดธรรมชาติ “ประตูกำลังจะเปิด วิญญาณจะตื่นขึ้น แกไม่มีทาง—”

ผมไม่ปล่อยให้เขาพูดจบ ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ผมขว้างขวดน้ำมนต์ลงบนพื้นใต้เท้าของเขา สัญลักษณ์บนตัวเขาเรืองแสงก่อนจะมืดลง ส่งเขาเซถอยหลัง

“บอสหนู!” ผมตะโกน “ได้สติแล้วใช่ไหม!”

เขากะพริบตา สติเริ่มกลับมา “อะไร—ผมต้องทำอะไร?”

“ช่วยผมกันไม่ให้มันหลุดออกมา” ผมตอบ ขณะหยิบสายสิญจน์อีกม้วนจากกระเป๋า “เราจะไม่ปล่อยให้มีอะไรผ่านประตูนี้ไปได้อีก”

Sponsored Ads

———————

ความมืดที่ลึกลง

อากาศเต็มไปด้วยพลังงานที่ก่อตัวเพิ่มขึ้น คลื่นความสั่นสะเทือนไร้เสียงเจาะลึกเข้ามาในสมองของผม เงามืดเบียดเข้ามาใกล้ รูปทรงบิดเบี้ยวพุ่งเข้าหาสัญลักษณ์ที่เรืองแสงบนหน้าจอ POS ชายลัทธิเต็มไปด้วยความสิ้นหวังในทุกการเคลื่อนไหว เขาพุ่งไปที่เครื่อง POS อีกครั้ง

ผมกระโจนไปข้างหน้า มีดหมอในมือสะท้อนแสงสลัว ขณะที่ผมเหวี่ยงมีดหวังจะหยุดเขา แต่เขาเร็วกว่า หลบการโจมตีของผมได้อย่างเฉียดฉิวก่อนจะฟันสายสิญจน์ที่เหลือขาดสะบั้น เส้นด้ายที่เคยเรืองแสงและเป็นเกราะป้องกันแตกกระจายเหมือนสายไฟขาด พลังป้องกันสลายไปในทันที

“ไม่!” ผมตะโกน เสียงของผมแทบจะจมหายไปในเสียงแตกดังสนั่นที่ก้องกังวานไปทั่วห้อง

ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความโกลาหล

เครื่อง POS ปล่อยแสงสว่างจ้าออกมา แสงสว่างมากพอที่จะเผารูปร่างทุกอย่างรอบตัวผมให้ติดอยู่ในสายตา ผมถอยหลังไป เอามือป้องตาเพื่อกันแสง ขณะที่ความเย็นยะเยือกกดทับจนแทบทนไม่ไหว ความเย็นที่ไม่ใช่เพียงอุณหภูมิ แต่มันผิดปกติ ผิดธรรมชาติ

เมื่อแสงสว่างจางหายไป ชายลัทธิก็หายตัวไป

ผมหันหัวมองไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว “บอสหนู!” ผมตะโกน เสียงของผมแทบจะไม่ได้ยินจากเสียงหึ่งในหู

บอสหนูนั่งยอง ๆ อยู่หลังเคาน์เตอร์ มือจับขอบเคาน์เตอร์แน่นเหมือนเกาะไว้เพื่อเอาชีวิตรอด เขาเงยหน้ามองผม สีหน้าซีดเผือด เหงื่อท่วมตัว “นี่… มันเกิดอะไรขึ้น?”

ผมหันกลับไปมองเครื่อง POS สายสิญจน์หายไปแล้ว เหลือเพียงเศษด้ายกระจัดกระจายที่ไม่มีพลังใดหลงเหลืออยู่ หน้าจอสั่นไหวอย่างรุนแรง สัญลักษณ์บนหน้าจอเปล่งแสงแรงขึ้นจนผิดปกติ ก่อนจะปรากฏข้อความหนึ่งขึ้นมา ตัวอักษรคมกริบตัดกับพื้นหลังมืดสนิท

[มันกำลังตื่นขึ้น]

เงามืดพุ่งเข้ามาใกล้มากขึ้น รูปร่างเริ่มชัดเจนขึ้น ลักษณะบิดเบี้ยวและผิดธรรมชาติอย่างน่ากลัว ผนังของบาร์เริ่มบิดเบือนและยืดยาวออกไป ราวกับว่าอวกาศในห้องกำลังถูกดึงไปสู่บางสิ่งที่มองไม่เห็น

“เขาหายไปแล้ว” ผมพึมพำกับตัวเอง สายตากวาดไปทั่วห้องอีกครั้ง ชายลัทธิหายไปในความโกลาหล

แต่ความรู้สึกหนาวลึกในใจบอกผมว่า เขาไม่ได้ไปไหนไกลนัก