๒๕๖๘ สัปตศกปีมะเส็ง พ่อเมืองนี้หาใคร่ใจในใจ เสอะหาลายสือไทยนี้จึ่งมีเพื่อไพร่ใส่ไว้ ให้ฝูงท่วย ลูกเจ้า ลูกขุน ฝูงท่วยถือบ้านถือเมืองกัน

เพลง, นิยาย, และแมวชื่อลาเต้
Rewind Bangkok: Songs, Stories, and a Cat Named Latte
(SSL)
Authors : S.J. Raventide
Original
Status : Ongoing
ฝนตกเบา ๆ เหมือนบทเพลงที่ไม่มีใครเคยเขียน
สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้ก่อนตาย คือเสียงเพลงที่เปิดในวิทยุออฟฟิศ “ไม่เปลี่ยนเลย (Best Luck)” เพลงเนิบ ๆ เจ็บ ๆ จากวงชื่อ fellow fellow
ฉันชอบเพลงนั้นเสมอ มันฟังเหมือนความเจ็บปวดที่เราไม่รู้ตัว จนกระทั่งผ่านไปครึ่งแก้วของงกาแฟเย็นถูก ๆ ไปแล้ว ฉันเริ่มสงสัยว่า ไอ้อาการแน่นหน้าอกนี่…มันมาจากหัวใจ หรือแค่กรดไหลย้อน
แน่นอน ฉันไม่ได้คาดว่าจะตาย ไม่มีใครคาดหรอก โดยเฉพาะตอนที่เรายังนั่งง่วงอยู่หน้ากองรายงานค่าใช้จ่าย กาแฟเย็นชืด และความฝันที่ไม่เคยพ้นคำว่า “ไว้วันหลัง”
แต่ฉันก็ตายไป และเมื่อฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ฉันก็อยู่ที่อื่นแล้ว
มันยังคงเป็นกรุงเทพฯ อยู่ มันยังร้อน มันยังเสียงดัง ยังชื้นพอจะทำให้จิตวิญญาณเปียกโชก แต่…มันไม่เหมือนเดิม
ปีที่นี่คือ 2543 ตามปฏิทินไทย หรือปี 2000 ถ้าใช้แบบฝรั่ง แต่ปี 2000 ที่นี่มันมีบางอย่างแปลกไป ประเทศไทยแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง แล้วถูกพับรวมเข้ากับจักรวรรดิอเมริกันเหมือนผ้าเช็ดปากใต้เบอร์เกอร์
ตอนนี้เด็กนักเรียนต้องยืนเคารพธงชาติในห้องเรียน ที่มีภาพเรแกนอยู่ข้างในหลวง มีแมคโดนัลด์แบบวัด ๆ อยู่ที่รัชดา และมีใครบางคน คิดว่าตั้งชื่อร้านสะดวกซื้อว่า “7-Twelve” จะฟังดูเท่กว่าของเดิม
ครั้งแรกที่ฉันมองกระจกในไทม์ไลน์นี้ ฉันสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะกระจกมันแตก—ถึงแม้ตรงมุมจะมีรอยร้าวเหมือนผ่านศึกมาไม่น้อยก็ตาม แต่เพราะหน้าในกระจก หน้าของฉัน มันยังไงก็ไม่ใช่ฉัน
ฉันก็กลับมาอายุยี่สิบห้าอีกครั้ง ในทางทฤษฎี ผมสีดำตัดสั้นกว่าที่ฉันเคยชอบ คิ้วเรียว ดูเหมือนกำลังทะเลาะกันเบา ๆ อยู่ตลอดเวลา หนวดอ่อน ๆ บาง ๆ แบบที่บอกกับคนทั้งโลกว่า “ฉันขี้เกียจโกนต่อให้เสร็จ” ดวงตาเฉียบคม แต่ไม่ใช่แบบพระเอก ไม่ใช่แบบนักกวี มันคือสายตาของคนที่สงสัยตลอดเวลาว่า “ลืมถอดปลั๊กหม้อหุงข้าวหรือเปล่าวะ” ฉันสูง 178 เซนติเมตร น้ำหนักราว ๆ 68 กิโล ขึ้น ๆ ลง ๆ ตามจำนวนมื้อที่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือลืมกินข้าว ไม่ได้ล่ำ แต่ก็ไม่ถึงกับนิ่ม พอจะแบกข้าวหอมมะลิขึ้นบันไดสองชั้นได้โดยไม่ตายกลางทาง (แค่เกือบตายก็พอ)
และที่โหดร้ายที่สุดก็คือ… หน้านี้—ร่างกายนี้—มันไม่ใช่ตัวฉันที่ฉันจำได้จากอดีต มันเหมือนเวอร์ชันรีเมกจากจักรวาลข้างเคียง
หนึ่งชีวิตที่หมดตัว แฟนทิ้ง มีหนี้กู้เรียนกับหนี้นอกระบบห้อยคอฉัน เหมือนเชื้อราเกาะพัดลมเพดาน และในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ แถวอ่อนนุช ห้องที่มีแค่ผนังลอก ๆ กับกลิ่นมาม่าที่ตายไปนานแล้ว ฉันเจอสิ่งเดียวที่รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องตลกร้าย แมวอ้วนสีกาแฟครีมคาราเมล ตัวหนึ่ง มันมองฉันเหมือนฉันมาสายสำหรับอะไรบางอย่าง
ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้กลับมา บางทีจักรวาลอาจมีอารมณ์ขัน หรือชีวิตหลังความตายมันงบน้อย หรือบางที—แค่บางที—มันอยากให้ฉันเริ่มต้นใหม่
แต่จะเป็นอย่างไรหากการเริ่มต้นใหม่ไม่ได้หมายถึงการรีเซ็ต จะเป็นอย่างไรหากมันเกี่ยวกับการจดจำที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ฉันสามารถท่องประโยคจากหนังสือ จากบทกวี ที่ไม่มีใครที่นี่เคยได้ยินชื่อ หน้ากระดาษของหนังสือและบทกวีเหล่านั้นสลักอยู่ในสมองฉัน มันวางซ้อนกันเหมือนชั้นหนังสือในหอสมุดแห่งชาติส่วนตัวที่ยุ่งเหยิงและไม่มีเลขหมู่ มีแค่ “ความรู้สึก”
แล้วดนตรีล่ะ? โอ้… ดนตรี ฉันร้องเพลงไม่เป็น เอาจริง ๆ คือร้องแย่มากด้วย แต่ทำนอง? มันยังอยู่ ชัดเจน สมบูรณ์แบบ บทเพลงที่ไม่เคยถูกเขียนขึ้นในโลกใบนี้ ฉันไม่ได้เขียนพวกมันในโลกเดิม แต่ที่นี่? ที่นี่พวกมันเป็นแค่ “ผี” เพลงที่ไม่มีใครอ้างสิทธิ์ ยังไม่เคยถูกเขียน เพลงเหล่านั้นยังรออยู่ และฉันอาจจะเป็นคนที่ปลุกพวกมันกลับมา
มันแปลกดีนะ การที่เราถือความทรงจำของประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครจำได้ การที่เราพกหอสมุดของอารมณ์ บรรทัดจากวัฒนธรรม และซาวด์แทร็กทั้งชีวิตที่ไม่เคยมีอยู่จริงในโลกนี้
มันไม่ใช่แค่ “ความคิดถึง” แต่มันคือ “พลัง” พลังที่น่ากลัว พลังที่ยั่วเย้า พลังที่กระซิบว่า บางทีคราวนี้… บางทีคุณไม่ได้เกิดมาเพื่อกลมกลืน แต่เพื่อเขียนเรื่องราวขึ้นใหม่
นี่ไม่ใช่เรื่องราวของการย้อนเวลา และก็ไม่ใช่เรื่องราวของการไถ่บาป แต่มันคือเรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง แมวตัวหนึ่ง เมืองหนึ่งที่ไม่รู้ตัวว่ามันพังไปแล้ว แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร… เพลงก็ยังอยู่ในตัวฉัน นิยายก็อยู่ในตัวฉัน บทกวี—ที่ปนเปื้อนด้วยความเศร้า วัยหนุ่ม และกลิ่นบุหรี่—ยังคอยฉันอยู่ สิ่งที่ฉันต้องทำก็แค่ “จำ” พวกมันให้ได้
และแกล้งทำเป็นว่า ฉันนี่แหละ… เป็นคนเขียนมันขึ้นมาก่อนใคร
มา… ให้ฉันเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับ กรุงเทพฯ อภิวัฒน์ และทำไมบางครั้ง… ถ้าเราอยากจะก้าวไปข้างหน้า เราต้อง “ย้อนกลับ” ก่อน
“นิยายเรื่องนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายไปเผยแพร่หรือกระทำการใด ๆ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำละเมิดอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้น“
Latest Chapters
- 025-ดีลที่ไม่มีฉัน (หรือ เมื่อเพลงของฉันถูกเซ็นสัญญาขณะฉันกำลังเรียงบะหมี่ถ้วย) April 30, 2025
- 024-กรุงเทพมหานคร สามบทเพลง (หรือ คืนที่ฉันแอบหนีงานเพื่อดูเมืองนี้ร้องตอบกลับ) April 29, 2025
- 023-เช็คเสียงกลางกรุง (หรือ บทเพลงในคีย์ E Minor ที่กรุงเทพฯ ร้องพร้อมกัน) April 28, 2025
Chapters
- 025-ดีลที่ไม่มีฉัน (หรือ เมื่อเพลงของฉันถูกเซ็นสัญญาขณะฉันกำลังเรียงบะหมี่ถ้วย)
- 024-กรุงเทพมหานคร สามบทเพลง (หรือ คืนที่ฉันแอบหนีงานเพื่อดูเมืองนี้ร้องตอบกลับ)
- 023-เช็คเสียงกลางกรุง (หรือ บทเพลงในคีย์ E Minor ที่กรุงเทพฯ ร้องพร้อมกัน)
- 022-กรุงเทพยามค่ำ เดโมยามเช้า (หรือ…ฉันจ่ายห้าร้อยเพื่อให้คนเชื่ออีกแล้ว)
- 021-บทกลอน สายโทรศัพท์ และดีลจากค่ายเพลง (หรือ เรื่องราวของการได้ค่าตอบแทนเป็นความเคารพและกองทุนงานแต่งในอนาคต)
- 020-ไปรษณีย์และเพลงในผับ (หรือ เมื่อฉันไล่ตามรางวัล ในขณะที่เพลงของฉันมีชีวิตเป็นของตัวเอง)
- 019-กรณ์ หนี้ และบทกวีถึงแม่ (หรือฉันกลายเป็นนักกวีโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่สภาพจิตใจก็แอบพัง)
- 018-กรณ์หยุดกะกลางคืน (หรือ คืนแรกที่ฉันได้ยินเพลงตัวเองแบบสด ๆ แล้วไม่อยากฝังหน้าลงพื้น)
- 017-กรณ์ส่งเดโม (หรือ วิธีทำให้วงดนตรีตกใจด้วยเสียงเพี้ยนอย่างไพเราะของฉัน)
- 016-ห้องนอนสตูดิโอของกรณ์ (หรือ จะทำเดโมแบบโลว์ไฟและโน้มน้าวใครไม่ได้เลยได้ยังไง)
- 015-กรณ์กลายเป็นนักแต่งเพลงตัวจริง (หรือ บทเรียนการอยู่รอดผ่านระบบราชการ)
- 014-การต่อรองยามดึกของกรณ์ (หรือ วิธีกลายเป็นโปรดิวเซอร์เพลงโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างเรียงของบนชั้น)
- 013-บทกวีใหม่ของกรณ์ (หรือ ความจริงมักโทรมาในจังหวะที่เลวร้ายที่สุดเสมอ)
- 012-กรณ์พบบ้านใหม่บนอินเทอร์เน็ต (หรือ บทกวีออนไลน์และสงครามที่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเริ่ม)
- 011-แผนสุดบ้าของกรณ์ (หรือวิธีขายเพลงของตัวเองกลับคืนให้โลก ด้วยการขายเสียงเรียกเข้าผ่าน MIDI ทีละเพลง)
- 010-การเจรจาแบบงง ๆ ของกรณ์ (หรือ วิธีทำให้เจ้าหนี้เลิกสนใจใน 10 วัน)
- 009-วันดี ๆ หนี้แย่ ๆ และเหตุผลที่เจ้าหนี้นอกระบบไม่เห็นคุณค่าของศิลปะ
- 008-กรณ์กับภารกิจตามหาเครื่องไรท์ CD (และลางร้ายจากแมวอ้วนก่อนส่งเพลง)
- 007-กรณ์กับภารกิจตามหาไมค์ราคาถูก (และทำไมร้านขายของมือสองถึงเป็นฝันร้าย)
- 006-หายนะกะดึกครั้งแรกของกรณ์ (และการกลับมาของคาวบอยตอนตีสาม)
- 005-ความพยายามแต่งเพลงครั้งแรกของกรณ์ (และทำไมลาเต้ถึงเป็นนักวิจารณ์เพลงที่โหดที่สุดในโลก)
- 004-คู่มือไล่ล่าความฝันฉบับคนถังแตก (และวิธีทำให้แมวของฉันเงียบซะที)
- 003-กรณ์, พนักงานกะดึก (และทำไมลูกค้าตอนตีสามถึงเป็นสายพันธุ์แห่งความวุ่นวายที่แตกต่าง)
- 002-ความสุขของกะดึกที่ 7-Twelve! (และทำไมแมวของฉันถึงมีศักดิ์ศรีมากกว่าฉัน)
- 001-ฉันตายไปพร้อมกับเพลง “ไม่เปลี่ยนเลย (Best Luck)” แล้วตื่นขึ้นมาในปี 2543