006-หายนะกะดึกครั้งแรกของกรณ์ (และการกลับมาของคาวบอยตอนตีสาม)

มี สองกฎสากล ของการทำงานกะดึกในร้านสะดวกซื้อ:

✔ หลังเที่ยงคืน ไม่มีคนปกติเข้ามาในร้าน
✔ คุณจะมีเวลาคิดทบทวนชีวิตตัวเองเยอะมาก—และทุกการตัดสินใจล้วนเป็นหายนะ

Sponsored Ads

พอฉันมาถึง 7-Twelve อากาศข้างนอกเย็นลงพอให้หายใจสะดวกขึ้นนิดหน่อย ไฟนีออนในร้านกระพริบเบา ๆ ให้บรรยากาศที่ทำให้ทุกอย่างดูหดหู่กว่าเดิม

“มาสาย”

เสียงบ่นดังขึ้นจาก อาร์ม เพื่อนร่วมงานกะคืนนี้ ขณะที่ฉันเดินเข้ามา

“ฉันมาตรงเวลาพอดีเลยนะ” ฉันเถียง

เขาพยักพเยิดไปทางนาฬิกาเหนือแคชเชียร์ ซึ่งบอกเวลา 21:58 น.

“ตรงเป๊ะเลย” อาร์มพูด “มาก่อนสองนาทีถือว่าตรงเวลา มาตรงเวลาแปลว่ามาสาย”

ฉันจ้องเขา “นี่มันร้านสะดวกซื้อ ไม่ใช่ค่ายฝึกทหารนะคุณพี่”

อาร์มพึมพำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับ “เด็กสมัยนี้” ทั้งที่หน้าตาแก่กว่าฉันไม่เกินสามปี จากนั้นโยนผ้ากันเปื้อนให้

“พยายามอย่าตายนะ” เขาพูดก่อนจะเดินออกไป ทิ้งฉันให้อยู่กับค่ำคืนอันแสนทรมานตามลำพัง

Sponsored Ads

———————

ความสุขของทุนนิยม (และลูกค้าผู้มีปัญหาตอนเที่ยงคืน)

ชั่วโมงแรก ๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งหมายความว่าฉันสามารถทำในสิ่งที่ พนักงานร้านสะดวกซื้อค่าแรงต่ำทุกคนทำ—ยืนเหม่อที่เคาน์เตอร์ ครุ่นคิดถึงการมีอยู่ของตัวเอง และสงสัยว่า ชีวิตมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

ฉันใช้เวลาพักรอบแรกไปกับ ขีด ๆ เขียน ๆ เนื้อเพลงลงบนใบเสร็จเก่า ๆ ค่อย ๆ ดึงเอาความทรงจำจากโลกก่อน มาปรับจังหวะให้มันพอดี

🎶 “เขามองไม่เห็นค่า อย่าไปสนปล่อยเขาช่างเขาไป
เสียแล้วก็เสียไป ไม่ต้องคิดสิ่งใดให้หนักหนา…”
🎶

ฉันเคาะปากกากับเคาน์เตอร์เบา ๆ

“กอดฉันไว้” เนื้อเพลงเน้นการปล่อยวางอดีต ไม่จมอยู่กับความล้มเหลว และเชื่อมั่นในการเริ่มต้นใหม่ เหมือนกำลังบอกพวกเขาว่า คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระของเมื่อวาน คุณยังคู่ควรกับความรัก คุณยังมีอนาคต

ฉันพ่นลมหายใจ มองเนื้อเพลงที่เขียนไว้ อันนี้น่าจะได้ ทำนองมันลอยอยู่ในหัวแล้ว เหลือแค่จูนอารมณ์ให้มันพอดี

และนั่นคือตอนที่หายนะเดินเข้ามาในร้าน

Sponsored Ads

———————

การกลับมาของคาวบอย (และความวุ่นวายของกะดึก)

03:07 น. ฉันได้ยินเสียง รองเท้าบูทหนัก ๆ กระแทกพื้นกระเบื้อง

…ไม่เอาน่า

ฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นจากกระดาษเนื้อเพลง และตรงหน้าฉัน ก็คือลุงคาวบอยอีกแล้ว

หมวกใบเดิม บูทคู่เดิม และตรานายอำเภอพลาสติกอันเดิม ที่ติดอยู่บนหน้าอกอย่างภาคภูมิใจ เหมือนเขากำลังจะรักษากฎหมายในดินแดนตะวันตก—ยกเว้นว่ากฎหมายนั้น คงไม่ใช่หลักสามัญสำนึกแน่ ๆ

เขาวาง หมากฝรั่ง ลงบนเคาน์เตอร์ เหมือนกำลังเคลียร์บิลในบาร์ซาลูน ก่อนจะพยักหน้าให้ฉัน

“โค้ก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ดูทุ้มลึกแบบหนังคาวบอย

ฉันถอนหายใจ หยิบขวดโค้กจากตู้เย็นด้านหลัง “ลุง… ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย?”

เขาจัดเข็มขัดตัวเองให้เข้าที่ เหมือนกำลังเตรียมตัวดวลปืน “ต้องคงคาแรกเตอร์ไว้ว่ะ เพื่อน”

ฉันสแกนสินค้า พลางพยายาม ไม่ให้เซลล์สมองของตัวเองหลุดออกจากร่าง

“ทั้งหมด 35 บาท”

เขาเลื่อนเหรียญมาให้ 36 บาทพอดี แล้วเคาะเคาน์เตอร์สองที ก่อนจะเอียงหมวกให้ฉัน “ไม่ต้องทอน”

ฉันหยิบเหรียญบาทขึ้นมา จ้องมันเหมือนเป็นการดูถูกส่วนตัว

“ว้าว” ฉันพูดเสียงเรียบ “ด้วยเงินนี้ ฉันสามารถเกษียณได้เลยนะเนี่ย”

“ไม่เป็นไร” เขาตอบ ก่อนจะกระดกโค้กขึ้นจิบ อย่างกับเป็นคาวบอยในซาลูน ทั้งที่เขาอยู่ในร้านสะดวกซื้อแฟรนไชส์ของบรรษัทอเมริกัน กลางกรุงเทพฯ

03:20 น. – ลูกค้าประเภท “มาเพื่ออะไร?” เริ่มทยอยเข้ามา

✔ ผู้ชายที่อยากซื้อบุหรี่แค่มวนเดียว – “ไม่ต้องทั้งซองหรอกพี่ ขอมวนเดียวได้ไหม?”
✔ ชายท่าทางมีพิรุธในเสื้อฮู้ด – ยืนอยู่หน้าตู้ ATM 10 นาทีเต็ม ไม่กดเงิน แล้วเดินออกไป
✔ คู่รักเมาที่ทะเลาะกันในโซนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป – “เธอเลือกแต่ มาม่าต้มยำกุ้ง ทุกที แต่ฉันชอบ เย็นตาโฟ! ทำไมเธอไม่เคารพการตัดสินใจของฉันบ้าง อ้อม!?”

ถึงจุดนี้ ฉันหมดศรัทธาในมนุษยชาติไปแล้ว

Sponsored Ads

———————

ศิลปะแห่งการแต่งเพลงระหว่างจัดการวิกฤตชีวิต

04:00 น. ความวุ่นวายเริ่มซาลง

ลุงคาวบอยหายไปในความมืด คู่รักเมาออกจากร้านไปโดยที่ยังทะเลาะกันอยู่
ฉันมีเวลาหันกลับมาโฟกัสที่เนื้อเพลงอีกครั้ง

ฉันกวาดตามองเนื้อเพลงที่เขียนไว้ มันยังขาดอะไรบางอย่าง คำที่เขียนไว้มันโอเค แต่ถ้าไม่มีเมโลดี้อัดเก็บไว้ ฉันก็ไม่สามารถปรับแก้มันให้ลงตัวได้ และนั่นคือตอนที่ ความจริงอันเจ็บปวดโผล่มาตบหน้าฉัน

ฉันไม่มีไมค์

ห้องเช่าโทรม ๆ ของฉัน—เต็มไปด้วยกลิ่นหนี้สินและความสิ้นหวัง—ไม่มีอุปกรณ์อัดเสียงแม้แต่ชิ้นเดียว

แน่นอน… ก็ต้องเป็นแบบนี้สิ

ลาเต้มีชามอาหารสุดหรู มีอาณาเขตส่วนตัวบนเตียง แต่ ฉันไม่มีแม้แต่ไมค์สักตัว

…ยอดเยี่ยม ฉันเหลือบมองเนื้อเพลงอีกครั้ง

🎶 “สบตากับฉัน เชื่อในฉัน เรื่องของวันวาน ไม่ต้องมาใส่ใจ…”🎶

มันยังไม่สมบูรณ์ แต่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว เรื่องอัดเสียง ไว้แก้ทีหลัง ตอนนี้ เอาตัวรอดจากกะคืนนี้ก่อนก็พอ

Sponsored Ads

ชั่วโมงสุดท้าย (และปริศนาของคุณลุงที่พกหมาเข้าร้าน)

05:00 น. ร้านเงียบสนิท ไม่มีลูกค้าเลย

ฉันกำลังจะได้ผ่อนคลายสักที แต่แล้วประตูก็เลื่อนเปิดออกเป็นครั้งสุดท้าย

ชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามา สวมแว่นกันแดดในที่ร่ม และ อุ้มปอมเมอเรเนียนตัวเล็กที่ใส่เสื้อกันหนาว Gucci

ฉันกระพริบตาปริบ ๆ

คุณลุงเดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ จ้องฉันอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้นว่า—

“ไอ้หนู เอ็งรู้ไหมว่าจะหากาแฟจริง ๆ ได้จากที่ไหน?”

ฉันจ้องกลับ “คุณลุงครับ… ลุงกำลังยืนอยู่ในร้านที่ขายกาแฟ”

เขาเหลือบมองเครื่องชงกาแฟ ที่มีโลโก้บริษัทติดเต็มเครื่อง ซึ่งอัดแน่นไปด้วยน้ำตาล 80% ก่อนจะ ถอนหายใจหนัก ๆ แล้วส่ายหน้า

“นั่นมันไม่ใช่กาแฟจริง ๆ นะ นั่นมันน้ำแห่งความเสียใจ”

ปอมเมอเรเนียนจามหนึ่งทีเหมือนจะเห็นด้วย

ฉันถอนหายใจ “เดินออกไปสองบล็อก จะมีรถเข็นสีน้ำเงิน ลุงลองไปดู ‘กาแฟโบราณ’ แก้วละ 20 บาท”

ชายชราพยักหน้า เหมือนฉันเพิ่งให้กุญแจสู่ความลับของชีวิตแก่เขา

“เอ็งเป็นเด็กดีนะ” ลุงพูด ก่อนจะเดินออกไปโดย ไม่ซื้ออะไรเลย

ปอมเมอเรเนียนหันกลับมามองฉันตอนที่มันเดินออกจากร้าน ราวกับจะบอกว่า สู้ ๆ นะเพื่อน

พอเลิกงาน พระอาทิตย์เริ่มขึ้น และฉันก็หมดแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ ฉันเดินกลับห้องเงียบ ๆ ความรู้สึกค้างคาเรื่องเพลงที่ยังแต่งไม่เสร็จยังคาอยู่ในหัว

สิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้:

✔ นอน
✔ ไมค์สักตัว
✔ และไม่ต้องเจอไอ้คาวบอยอีกเลย

พอกลับถึงห้อง ลาเต้ก็ยังคงแผ่บนหมอนของฉัน อย่างไม่สนใจว่าฉันจะผ่านค่ำคืนที่บ้าคลั่งแค่ไหน ฉันทิ้งตัวลงบนฟูก จ้องเพดานนิ่ง ๆ พรุ่งนี้ค่อยคิดเรื่องก้าวต่อไป ตอนนี้ แค่ได้เลิกงานก็ถือว่าดีแล้ว

ลาเต้หาวยาว ก่อนจะหลับต่อ ชีวิตดีจังเลยนะ

Sponsored Ads

กอดฉันไว้ (เพลงประกอบภาพยนตร์ สามชุก)
Paradox