NOVEL / The Signal Beyond the Veil · November 23, 2024 0

009- แล็ปท็อปผีสิงจากต่างแดน (บทสรุป)

เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดสาดส่องผ่านตรอกแคบๆ ของกรุงเทพฯ แหวกอากาศชื้นด้วยลำแสงสว่างจ้าจนเกือบจะมากเกินไป หลังจากคืนอันยาวนานที่ผมต่อสู้กับวิญญาณดื้อรั้นที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย ผมเดินทางไปยังหอพักของปรีชาพร้อมกับแล็ปท็อปที่ตอนนี้—นับว่าโชคดี—ที่ปลอดวิญญาณเรียบร้อยแล้ว หนีบมันไว้ใต้แขน พร้อมที่จะปิดฉากการผจญภัยผีๆ นี้ให้สิ้นสุดลงเสียที

Sponsored Ads

ปรีชาเปิดประตู ดูเหมือนว่าเขาเองก็แทบไม่ได้นอนเช่นกัน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็นเมื่อมองไปที่แล็ปท็อป ความโล่งใจของเขาแทบจะสัมผัสได้

“มัน… ไปแล้วใช่ไหม?” เขาถามขึ้น พลางเกาศีรษะเบาๆ

ผมพยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้มเบาๆ ยื่นแล็ปท็อปให้ “ไปแล้ว เท่าที่จะไปได้ ไม่มีเสียงกระซิบ ไม่มีใบหน้าผี และแน่นอนว่าไม่มีอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความแค้นพยายามจะกลับมาชิงชีวิตหลังความตายคืนแล้ว” ผมวางแล็ปท็อปลงบนโต๊ะของเขาอย่างพอใจ

ปรีชาถอนหายใจอย่างโล่งอก “ขอบคุณมากนะ นาวิน ตอนแรกผมนึกว่าจะต้องเอามันไปโยนลงแม่น้ำเสียแล้ว”

“ระวังน้ำด้วย” ผมตอบด้วยรอยยิ้มเยาะ “บางครั้งวิญญาณพวกนี้มีนิสัยชอบลอยกลับมานะ” ผมจ้องมองเขาอย่างมีเลศนัย “แต่เอาจริงๆ คราวหน้า หัดใช้ของในประเทศดูบ้าง? วิญญาณจากต่างประเทศ… เอาเป็นว่าพวกมันไม่ค่อยจะยินดีข้ามพรมแดนเสียเท่าไหร่”

Sponsored Ads

ปรีชาหัวเราะเบาๆ ด้วยความเขิน “ผมจะจำไว้ คราวหน้าไม่มีแล็ปท็อปมือสองจากร้านลึกลับอีกแล้ว ผมสัญญา”

“ดีแล้ว” ผมกล่าว ยื่นมือออกไป “ส่วนเรื่องค่าบริการ… เคสนี้ซับซ้อนกว่าที่ผมรับมาปกติ ผมคงต้องขอเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เราตกลงกันไว้นะ”

ปรีชารีบควักกระเป๋าสตางค์ออกมา ยื่นเงินให้ด้วยใบหน้าที่เขินๆ “ถือว่าคุ้มทุกบาทเลยครับ”

ผมรับเงินแล้วเก็บเข้ากระเป๋าด้วยรอยยิ้ม “ครั้งหน้าอย่าลืมเช็กค่าธรรมเนียมนำเข้าผีก่อนจะซื้อของนะ?”

ปรีชาหัวเราะ แม้ว่าในใจเขาจะรู้สึกโล่งใจมากกว่าที่จะสนุกกับเรื่องนี้ “ขอบคุณมากนะ นาวิน ขอบคุณจริงๆ”

“ยินดีเสมอ” ผมตอบ ขณะเดินออกไปทางประตู “ถ้ามีเทคโนโลยีผีสิงโผล่มาอีกก็รู้ว่าจะหาผมได้ที่ไหน ถึงจะหวังว่าเราจะไม่เจอเหตุการณ์ระหว่างประเทศอีกก็เถอะนะ”

Sponsored Ads

———————

ทบทวน

กลับมาที่ร้าน ผมพลิกป้ายเป็นคำว่าปิดทำการ พร้อมกับดื่มด่ำกับความเงียบของช่วงบ่าย เหตุการณ์เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด ใบหน้าของวิญญาณที่เต็มไปด้วยความโกรธ พลังอำนาจของควายธนู และข้อความเยาะเย้ยสุดท้าย ทุกๆ การเผชิญหน้ากับโลกวิญญาณทำให้ผมตระหนักถึงความไม่แน่นอนและความแปลกประหลาดในงานของผม

ผมมองไปรอบๆ ร้าน ที่ซึ่งเต็มไปด้วยพระเครื่อง เครื่องราง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เรียงรายอยู่ตามชั้นวาง แต่ละชิ้นมีเรื่องราวของตัวเอง มีจุดประสงค์ที่ลึกซึ้งในตัวมันเอง แต่ถึงจะมีเครื่องมือและการฝึกฝนมากแค่ไหน ผมก็ยังคงได้เรียนรู้อยู่เสมอ ผีใหม่แต่ละตัวมักนำมาพร้อมกับความท้าทายใหม่ เทคนิคใหม่ และมันทำให้ผมรู้ว่ากฎของโลกวิญญาณไม่ได้ตายตัวอย่างที่คิดเสมอไป

ย่าน้อยเคยพูดว่า “เมื่อไหร่ที่เราคิดว่าเข้าใจแล้ว เมื่อนั้นแหละวิญญาณจะเริ่มสอนบทเรียนใหม่* และย่าก็พูดถูก วิญญาณ คำสาป และการผูกมัด แต่ละงานที่รับมักจะเปิดเผยสิ่งใหม่ที่น่าพิศวงและยากจะเข้าใจเสมอ ผมทำงานนี้มานานพอที่จะรู้ว่าผมจะไม่มีวันมีคำตอบทั้งหมด แต่บางทีนั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของความท้าทายและความตื่นเต้น

Sponsored Ads

เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นทำลายความเงียบ ผมเงยหน้าขึ้น เตรียมตัวที่จะปฏิเสธลูกค้าที่มาสายไปแล้ว แต่กลับเห็นธนาเดินเข้ามาด้วยท่าทางเหมือนเป็นเจ้าของร้าน พร้อมถุงอาหารในมือและรอยยิ้มกว้างของเขา

“นายไม่เห็นป้ายเหรอ?” ผมพูดพลางชี้ไปที่ป้ายปิด

“เห็นสิ” เขาโบกมือปัดๆ พร้อมวางถุงบนเคาน์เตอร์ “แต่นายไม่ได้ล็อคประตู เพราะฉะนั้นถือเป็นความผิดนาย”

“ถือว่าฉันกำลังจะคิดค่ารบกวน”

“นายขี้หงุดหงิดทุกครั้งหลังจบงานใหญ่เลยนะ” ธนาแซวพลางเปิดถุงเอากล่องอาหารออกมา “เอาน่า ฉันเอาอาหารมาให้นาย นายต้องการมันแน่ๆ ต่อสู้กับวิญญาณคงเผาผลาญแคลอรีเยอะใช่ไหม?”

ผมถอนหายใจ เอนตัวพิงเก้าอี้ “ฉันไม่ได้ต่อสู้กับวิญญาณ ธนา ฉันแค่เจรจากับพวกมัน มันต่างกันเยอะ”

ธนาเปิดกล่อง เผยให้เห็นเส้นผัดซีอิ๊วที่ยังคงร้อน “ไม่ว่านายจะเรียกว่าอะไร แต่นายดูเหมือนต้องการคาร์โบไฮเดรต คำขอบคุณไม่ต้องพูดหรอก ฉันรู้”

Sponsored Ads

———————

ปริศนายังคงอยู่

ขณะที่เรานั่งกิน ธนาเหลือบมองไปรอบๆ ร้าน สายตาของเขาจับจ้องไปที่เครื่องรางและของโบราณบนชั้นวาง “นายไม่เคยสงสัยเหรอว่ามีบางชิ้นที่แอบมีคำสาปอยู่ แต่นายเก็บมันไว้เล่นๆ?”

“ทุกวัน” ผมตอบขณะเคี้ยวคำสุดท้าย “แต่ฉันคิดว่าถ้ามันยังไม่พยายามฆ่าฉัน ก็น่าจะปลอดภัย”

ธนาหัวเราะพรืด “นั่นคือตัวชี้วัดความปลอดภัยของนายเหรอ?”

หลังจากเรากินเสร็จ ธนาเอนตัวพิงเก้าอี้ พลางไขว้แขนไว้ด้านหลังหัว “แล้วต่อไปล่ะ? โทรศัพท์ต้องสาปอีกเครื่อง? หรือเครื่องปั่นผีสิง?”

ผมมองไปที่ชั้นวาง คิดถึงคดีแปลกๆ ที่มักจะมาหาผม “ใครจะรู้? กรุงเทพเต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดฝัน เมืองนี้มีชีวิต และคนตายก็ไม่เคยสงบ”

ธนาเลิกคิ้ว “ฟังดูเป็นคำพูดที่ดูมีปรัชญานะสำหรับนาย”

“ฉันก็มีช่วงเวลาที่ดูดีบ้าง” ผมพูดพลางลุกขึ้นยืน ปัดเศษอาหารออกจากมือ “แต่จริงๆ แล้ว ฉันแค่รอหายนะครั้งต่อไปที่จะเดินเข้ามาในร้าน”

เหมือนจะเป็นลาง โทรศัพท์บนเคาน์เตอร์สั่นขึ้นมา เบอร์ที่แสดงเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก ก่อนจะรับสาย ผมหันไปมองธนา “นายพกโชคร้ายมาด้วยเหรอ?”

Sponsored Ads

“ฉันเอาแต่พลังบวกมาเท่านั้น สาบานได้”

ผมส่ายหัวก่อนจะกดรับสาย อะไรก็ตามที่มันเป็น ผมรู้สึกได้เลยว่าบ่ายอันสงบสุขของผมจบลงแล้วอย่างเป็นทางการ