วิทยุส่งเสียงแทรกดังขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงกระซิบหลอน ๆ ที่ทำให้ขนลุกซู่ที่หลังคอของธนา
“นายเลือกของเก่งจริง ๆ” ธนาพูดพลางมองเครื่องวิทยุเก่าเหมือนมันอาจจะงอกขาแล้วกระโจนใส่เขา
Sponsored Ads
“พูดให้น้อย แต่มืออย่าแตะอะไรเลยจะดีกว่า” นาวินตอบ โดยที่ดวงตายังคงจดจ่ออยู่กับไขควงเล็กในมือ ขณะที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงสัญลักษณ์เรืองแสงที่จาง ๆ บนตัวเครื่องวิทยุ
ธนาเอนตัวพิงเคาน์เตอร์ กอดอก พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก “นี่มันทำให้ฉันนึกถึงครั้งแรกที่เราเจอกันเลย จำตอนล่าผีในมหา’ลัยได้ไหม? นาย ฉัน แล้วก็วิญญาณที่หงุดหงิดสุด ๆ”
นาวินครางเสียงต่ำโดยไม่เงยหน้าขึ้น “ฉันดูเหมือนคนที่มีเวลาฟังนายเล่าเรื่องย้อนอดีตไหม?”
“น่าเสียดาย” ธนาพูดอย่างร่าเริง “เพราะมันเป็นเรื่องที่ดีมาก และนายก็หยุดฉันไม่ได้ด้วย”
Sponsored Ads
———————
ย้อนอดีต: การล่าผีในมหาวิทยาลัย
สมาคมสิ่งลี้ลับของมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมล่าผีในยามดึก โดยสัญญาว่าจะมีทั้งความตื่นเต้นและ “อาจได้พบกับวิญญาณ” ธนา ผู้มองหาเนื้อหาสำหรับไลฟ์สตรีมเสมอ ลากรูมเมทผู้ไม่เต็มใจมาร่วมด้วย
“นี่จะต้องเจ๋งมาก” ธนาพูด ขณะที่ถือกล้องไว้ในมือ ขณะพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดสลัวของอาคารรัฐศาสตร์ “บอกสวัสดีให้แฟน ๆ หน่อยสิ นาวิน”
นาวินขมวดคิ้วใส่กล้อง “ฉันจะไม่ทักคนดูห้าคนที่สองคนในนั้นอาจเป็นบอท”
ไม่สะทกสะท้าน ธนาหันกล้องกลับมาหาตัวเอง “ยินดีต้อนรับสู่ Thana’s Midnight Haunt! เราจะเจอผี หรือจะโดนไล่ออกข้อหาบุกรุก? คอยติดตาม!”
ขณะที่พวกเขาสำรวจอาคาร กลุ่มก็เดินขึ้นไปยังทางเดินชั้นสอง ที่ผนังเรียงรายด้วยภาพถ่ายเก่า ๆ ของคณบดีและผู้ก่อตั้งคณะในอดีต ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมเหมือนกำลังจ้องมองพวกเขาขณะเดินผ่าน
“หลอนดีนะ” ใครบางคนกระซิบ “นายคิดว่าพวกเขามองเราอยู่ไหม?”
หนึ่งในสมาชิกสมาคมสิ่งลี้ลับท้าธนาให้แตะกรอบรูปหนึ่งที่ดูหน้าตาเคร่งเครียดเป็นพิเศษ
“เอาสิ” พวกเขากระตุ้น “นายกำลังไลฟ์อยู่ใช่ไหม? แสดงให้คนดูเห็นสิว่านายไม่ขี้ขลาด”
ด้วยแชตที่เชียร์กันสุดใจ ธนาเอื้อมมือไปแตะกรอบรูปอย่างโอ้อวด
“เห็นไหม? ไม่มีอะ—”
Sponsored Ads
ทันใดนั้น ไฟบนทางเดินก็กระพริบและดับลง ทิ้งบริเวณนั้นในความมืด ลมเย็นพัดผ่านโถงทางเดิน และเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังสะท้อนรอบตัวพวกเขา
แล้วด้วยเสียงดัง ครืน! กรอบรูปหล่นจากผนัง กระจกแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ธนากรีดร้อง ปล่อยโทรศัพท์หล่นลงกับพื้น แต่มันยังคงไลฟ์อยู่ ในแสงสลัว พวกเขาเห็นเงาร่างดำ ๆ ก่อตัวขึ้นที่ปลายทางเดิน ดวงตาว่างเปล่าของมันจับจ้องมาที่กลุ่ม
นาวิน ซึ่งพยายามเก็บอาการกลัวของตัวเอง ควานหาพระสมเด็จในกระเป๋า—ของขวัญจากย่าที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีประโยชน์จนถึงตอนนี้ เขาพึมพำบทสวดที่เขาจำได้ยามฉุกละหุก และยกพระขึ้นไปทางเงานั้น
ร่างนั้นหยุดนิ่ง ขอบของมันกระพริบเหมือนภาพสถิตบนทีวีเก่า ๆ ด้วยสายตาเย็นชาเป็นครั้งสุดท้าย มันก็สลายไปในอากาศ ไฟกลับมาสว่างอีกครั้ง ทิ้งกลุ่มไว้ในความเงียบที่ตะลึงงัน
แชตไลฟ์สตรีมของธนาแตกตื่น:
– “สตรีมนี้เจ๋งที่สุด!”
– “เมื่อกี้ใครกรี๊ดเหมือนเด็กน้อย?”
– “ฉันจะกดติดตามเดี๋ยวนี้เลย”
ธนาเก็บโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่ยังสั่น พลางยิ้มอ่อนแรงให้กล้อง “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี นี่แหละคือวิธีที่คุณเจอผีตัวจริง และยังเป็นวิธีที่คุณได้รู้จักนาวิน ผู้ปราบผีมือฉมัง”
นาวินจ้องเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว “ตอนนี้นายมีศัตรูเพิ่มอีกสองคนแล้ว วิญญาณ กับแชตของนาย”
Sponsored Ads
———————
กลับสู่ปัจจุบัน: ความอยากรู้อยากลองที่อันตราย
“ผู้ปราบผีมือฉมัง” ธนาพูดพร้อมหัวเราะกับตัวเองหลังจากจบเหตุการณ์ย้อนอดีต “นายไม่เคยขอบคุณฉันเลยนะ ที่ทำให้นายโด่งดังคืนนั้น”
นาวินมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย “ฉันจะขอบคุณเมื่อไหร่นายเลิกทำให้ทุกอย่างแย่ลง”
ธนาหยิบหน้าจอโทรศัพท์ที่แตกร้าวซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมา “พูดถึงเรื่องแย่ อันนี้อะไร? เซลฟี่ต้องสาป? หรือแจ้งเตือนปีศาจ?”
ก่อนที่นาวินจะทันเตือน หน้าจอนั้นก็ส่งเสียงซ่าเบา ๆ ธนาร้องลั่น ปล่อยหน้าจอลงเหมือนมันร้อนเป็นไฟ
“โอเค โอ๊ย! นั่นมันอะไรเนี่ย?” เขาถามพลางสะบัดมือไปมา
“กระจกต้องสาป” นาวินตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน “และคราวหน้าอย่าแตะอะไรที่ดูเหมือนจะมีคำสาป”
“ฉันจะปล่อยเรื่องผี ๆ ไว้ให้นายก็แล้วกัน” ธนาบ่นพลางเป่ามือของเขา
Sponsored Ads
———————
เสียงกระซิบจากวิทยุ
ขณะที่นาวินกำลังปรับวิทยุให้เสถียร เสียงแทรกก็เงียบลงแทนที่ด้วยเสียงกระซิบเบา ๆ ที่ฟังจับใจความไม่ได้ ธนาชะงัก ดวงตาหันไปมองอุปกรณ์นั้น
“เอ่อ นาวิน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ “มันควรจะมีเสียงแบบนั้นเหรอ?”
“ไม่” นาวินตอบพลางขมวดคิ้ว
เสียงกระซิบดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับพยายามก่อตัวเป็นคำพูด อากาศในร้านเย็นลง ไฟกระพริบวูบวาบ
ลำโพงของวิทยุเริ่มส่งเสียง แทรก ก่อนเสียงหนึ่งที่ต่ำและชวนหลอนจะดังขึ้น [คุณไม่ควรมาที่นี่]
นาวินคว้ามีดหมอจากเคาน์เตอร์ “ธนา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ไปอยู่หลังแนวสายสิญจน์เดี๋ยวนี้”
ธนาไม่ต้องให้พูดซ้ำ เขารีบถอยหลังทันที ขณะที่เสียงกระซิบจากวิทยุเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ—แหลม บิดเบี้ยว และใกล้เกินไป
และทันใดนั้น ความสงบวุ่นวายในร้านก็เปลี่ยนเป็นบางสิ่งที่มืดมนกว่าที่เคย
Sponsored Ads