NOVEL / The Signal Beyond the Veil · December 2, 2024 0

018- ลูปหลอน (โน้ตสุดท้าย)

ความตึงเครียดในห้องรับแขกของพลอยแทบจะทนไม่ไหว ขณะที่ผมนั่งยองๆ อยู่ข้างเปียโน เครื่องมือกระจายอยู่บนพื้นเหมือนศัลยแพทย์ที่เตรียมผ่าตัด เสียงฮัมเบา ๆ จากแล็ปท็อปที่เชื่อมต่อกับวงจรภายในของเปียโนช่วยลดความเงียบที่น่ากลัวลงไปได้เล็กน้อย อากาศในห้องรู้สึกหนักอึ้ง ราวกับทั้งห้องกำลังกลั้นหายใจ

Sponsored Ads

“ได้อะไรบ้างหรือยัง?” ธนาถามจากโซฟา เขาถือกระป๋องโซดาไว้แน่นเหมือนมันเป็นเชือกช่วยชีวิต น้ำเสียงเขาฟังดูมีความหวัง แต่จังหวะการกระดิกเท้าของเขาก็เผยถึงความวิตกกังวล

“นอกจากไฟล์เฟิร์มแวร์ที่เสียหายแล้ว ก็ไม่มีอะไร” ผมพึมพำขณะเลื่อนดูหน้าจอ ในโค้ดของเปียโนมีบางอย่างที่ไม่ควรอยู่—ข้อความที่กระจัดกระจายและแปลกประหลาด ราวกับวิญญาณดิจิทัลที่หลอกหลอนซอฟต์แวร์ “ใครก็ตามที่ออกแบบเครื่องนี้ ไม่ใช่แค่คนสมบูรณ์แบบ แต่เป็นคนหมกมุ่น”

พลอยนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น แผ่นหลังพิงกำแพง ใบหน้าของเธอซีดเซียว ท่าทีที่ปกติจะสงบนิ่งของเธอถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นที่เปราะบาง “หมายความว่ายังไง?” เธอถามเสียงเบา

ผมเอนตัวพิงหลัง ขยี้สันจมูก “หมายความว่าเปียโนตัวนี้ไม่ใช่แค่ต้องสาป แต่มันเป็นกับดัก มันถูกออกแบบมาเพื่อดึงคนที่เล่นมันเข้าสู่วังวน ดูดกลืนความกลัวและพลังงานทางอารมณ์ของพวกเขา”

ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วของพลอยเปลี่ยนเป็นสีเถ้าถ่าน “แล้วเราต้องทำยังไง?”

Sponsored Ads

———————

โค้ดที่ซ่อนอยู่

ผมหันกลับไปที่หน้าจอ นิ้วพิมพ์อย่างรวดเร็ว “ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่ามันกำลังทำอะไรอยู่” ผมพูด “จากนั้นเราค่อยหยุดมัน”

ไฟล์เฟิร์มแวร์ที่เสียหายไม่ได้สุ่มขึ้นมา มันถูกวางไว้โดยเจตนา โค้ดที่ซ้อนกันซับซ้อน บิดเบี้ยวเหมือนมันพยายามซ่อนความลับของตัวเอง ขณะที่ผมเจาะลึกเข้าไปในโค้ด ผมพบบางอย่างที่ดูเหมือนโน้ตดนตรี—แผ่นโน้ตดิจิทัลที่ถูกตั้งชื่อว่า The Final Note

“เยี่ยม” ผมพึมพำ พลางคลิกเปิดไฟล์ “ชื่อแบบนี้ไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่”

ทันทีที่ไฟล์เปิดขึ้น อากาศในห้องเย็นลง โน้ตดนตรีปรากฏขึ้นเต็มหน้าจอ รูปแบบของโน้ตซับซ้อนราวกับสะกดจิต เพลงนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ มันหยุดลงกลางบรรทัด แต่แม้ไม่ได้ฟัง ผมก็สัมผัสได้ถึงเป้าหมายของมัน

“นี่แหละ” ผมพูด พลางหันหน้าจอให้พลอยและธนาดู “นี่คือสิ่งที่กักเปียโนไว้ในวังวนนี้ เพลงนี้ไม่ใช่แค่การประพันธ์ มันคือพิธีกรรม”

พลอยจ้องหน้าจอ มือของเธอสั่นเล็กน้อย “แล้วถ้ามีใครเล่นมันจนจบล่ะ?”

ผมลังเล ความหนักหนาของคำตอบลอยค้างอยู่ในห้อง “ถ้ามีใครเล่นจนจบ พวกเขาเสี่ยงที่จะถูกดึงเข้าสู่วังวน เปียโนจะดึงจิตวิญญาณของพวกเขาไปผูกติดไว้กับมัน”

ธนาเป่าปากเสียงเบา “เอ่อ งั้นเราคงไม่เล่นมันใช่ไหม?”

“เราไม่มีทางเลือก” ผมตอบเสียงหนักแน่น “ถ้าเราไม่ทำลายวังวนนี้ มันจะไม่มีวันหยุดหลอกหลอนพลอย”

Sponsored Ads

———————

การตัดสินใจที่เสี่ยง

พลอยหลับตา สูดลมหายใจลึก และเมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาของเธอเปลี่ยนไปเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ฉันจะทำเอง” เธอพูด “ฉันจะเล่นมัน”

“เดี๋ยวก่อน” ธนาแทรกแทบจะทำโซดาหก “เธอฟังไม่ผิดใช่ไหม? เรื่องดักวิญญาณน่ะ”

“ฉันทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว” พลอยพูดอย่างหนักแน่น “ฉันต้องจบมันให้ได้”

ผมพยักหน้า เข้าใจในความตั้งใจของเธอ “ได้ แต่คุณจะไม่ทำคนเดียว ผมจะรบกวนสัญลักษณ์ไปพร้อมกับที่คุณเล่น และธนาจะ—”

“สร้างความขำขัน?” ธนาเสนอ พร้อมยกมือขึ้น

“อยู่นิ่ง ๆ ไม่เกะกะ” ผมตอบ พร้อมกับส่งสายตาดุ

———————

เผชิญหน้ากับโน้ตสุดท้าย

พลอยนั่งลงที่เปียโน นิ้วของเธอลอยอยู่เหนือคีย์ เครื่องดนตรีดูเหมือนจะฮัมเบา ๆ ด้วยความคาดหวัง พลังงานมืดที่แผ่ออกมาจากมันพันรอบตัวเธอเหมือนงู ผมกระชับสายสิญจน์ที่พันรอบขาเปียโน สร้างเกราะป้องกันเพื่อกักพลังงาน

“จำไว้” ผมพูด ขณะวางผ้ายันต์ไว้บนพื้นผิวเปียโน รูปทรงเรขาคณิตศักดิ์สิทธิ์ของมันเปล่งแสงอ่อน ๆ ตอบสนองต่อพลังคำสาป “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องเล่นต่อไป อย่าหยุดจนกว่าโน้ตสุดท้ายจะจบลง”

พลอยพยักหน้า สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกลัวและความมุ่งมั่น เธอกดโน้ตตัวแรกลง และห้องทั้งห้องเหมือนเปลี่ยนไปทันที เงามืดลึกขึ้น และอุณหภูมิลดต่ำลง ท่วงทำนองเริ่มเผยตัวออกมา ไพเราะและน่าหวาดหวั่น เติมเต็มห้องด้วยพลังที่แทบจะจับต้องได้

ขณะที่พลอยเล่น สัญลักษณ์บนพื้นผิวเปียโนเริ่มลุกโชน แสงของมันเต้นเป็นจังหวะตามเสียงเพลง ผมกำมีดหมอแน่น พลางแกะสลักสัญลักษณ์ป้องกันเล็ก ๆ ในอากาศเหนือเปียโน สายสิญจน์ส่งเสียงซู่ซ่า ขณะที่สัญลักษณ์พยายามฝ่ากำแพงพลังงานออกมา

การต่อสู้ระหว่างมนต์ดำและพลังศักดิ์สิทธิ์กำลังดำเนินไป และไม่มีทางถอยหลังอีกแล้ว

Sponsored Ads

———————

คอร์ดสุดท้าย

ท่วงทำนองยิ่งมืดมนและซับซ้อนขึ้นทุกขณะ ทุกโน้ตราวกับกรงเล็บที่จิกลึกเข้าไปในความกลัวของพลอยด้วยความแม่นยำราวกับมันมีชีวิต มือของเธอสั่นเทา แต่เธอยังคงเล่นต่อไป ใบหน้าผสมผสานระหว่างความเจ็บปวดและความมุ่งมั่น สัญลักษณ์บนเปียโนตอบโต้รุนแรง พลังของมันพุ่งพล่านและลุกโชนราวกับเปลวไฟที่โกรธเกรี้ยว

ราวกับว่ามันจะตอบโต้ ภาพลวงตาเริ่มฉายขึ้นในห้อง: ผู้ชมเงามืดที่ปรบมือพร้อมรอยยิ้มบิดเบี้ยวบนใบหน้าที่น่าขนลุก ยิ่งโน้ตดังขึ้น ใบหน้าของพวกเขายิ่งบิดเบือน เสียงกระซิบเปลี่ยนเป็นเสียงประสานดังระงม

[หา…ฉัน…]

เสียงเหล่านั้นกระซิบ พวกมันซ้อนทับกันจนกลายเป็นเสียงประสานที่กดดันเข้ามาในหัวเหมือนความคิดแทรกแซงที่ไม่อาจปัดป้อง

ธนา ซึ่งพยายามเก็บความกลัวแต่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ตะโกนออกมา “สู้ต่อไปนะ พลอย! ไม่ต้องสนใจพวกผีปรบมือ!”

ผมเสริมเกราะป้องกัน กำสายสิญจน์แน่นในมือข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มีดหมอแกะสลักสัญลักษณ์เล็ก ๆ ในอากาศอีกข้าง “เล่นต่อไป!” ผมตะโกนแข่งกับเสียงรบกวน “อีกนิดเดียว!”

พลอยกดคอร์ดรองสุดท้าย ลมหายใจของเธอหอบแรง เหงื่อหยดลงตามขมับ สัญลักษณ์บนเปียโนลุกวาบด้วยแสงสว่างจ้า พลังงานของมันพุ่งออกมาเหมือนหนวดที่มองไม่เห็น พยายามฟาดใส่สายสิญจน์ที่พันรอบขาเปียโน เสียงกระซิบเปลี่ยนเป็นเสียงตะโกน

[หา…ฉัน! ปล่อย…ฉัน!]

ในที่สุด ด้วยลมหายใจลึก ๆ พลอยกดโน้ตสุดท้าย

เสียงนั้นดังก้องไปทั่วห้องเหมือนเสียงฟ้าร้อง พลังของเปียโนกระตุกอย่างรุนแรงก่อนจะระเบิดออกมาเป็นแสงจ้า สัญลักษณ์บนตัวเปียโนลุกวาบครั้งสุดท้ายก่อนที่ลวดลายซับซ้อนเหล่านั้นจะเลือนหายไปในอากาศ ราวกับควันจาง ๆ ที่สลายไป

Sponsored Ads

———————

ความเงียบที่โล่งใจ

เป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่เปียโนเงียบสนิท พลังงานกดดันที่เคยแผ่ปกคลุมห้องเหมือนพายุหายไป ถูกแทนที่ด้วยความสงบที่ลึกลับและเกือบจะน่าขนลุก ภาพลวงตาในห้องหายไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นจาง ๆ ของอากาศไหม้

พลอยทรุดตัวลง มือที่สั่นเทาวางอยู่บนคีย์ที่กลับมาสงบนิ่ง ใบหน้าของเธอยังซีดเซียว แต่มีความสงบปรากฏในดวงตา รอยยิ้มอ่อนแรงบ่งบอกถึงความโล่งใจที่ผสมกับความเหนื่อยล้า

เสียงกระซิบแผ่วเบาที่สุดดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้น่ากลัว กลับฟังดูอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความขอบคุณ [ขอบคุณ… ฉันเป็นอิสระแล้ว]

พวกเราทั้งสามคนนั่งเงียบ รวบรวมสติขณะที่บรรยากาศในห้องกลับมาเป็นปกติ ราวกับว่าวิญญาณที่ผูกติดกับเปียโนได้รับการปลดปล่อย พลังงานที่ทรมานนั้นสลายไปเหมือนน้ำหนักที่ถูกยกออกจากพื้นที่

Sponsored Ads

———————

ผลที่ตามมา

ธนาเป็นคนทำลายความเงียบก่อน เขายิ้มกว้างเหมือนคนเพิ่งถูกลอตเตอรี่ “เราทำได้! หมายถึง พวกนายสองคนทำได้ซะมากกว่า แต่ฉันก็อยู่ที่นี่ด้วย… ชัยชนะของทีมไง!”

ผมยิ้มขำ ๆ พลางตบหลังเขา “แน่นอน ธนา กำลังใจของนายช่วยได้มากจริง ๆ”

พลอยหัวเราะเบา ๆ เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยแต่จริงใจ “ฉันไม่รู้จะขอบคุณพวกนายยังไงดี”

“อย่าไปเล่นเปียโนต้องสาปอีกก็พอ” ผมพูดด้วยรอยยิ้มมุมปาก ขณะที่เก็บเครื่องมือกลับ “แค่นั้นก็ถือว่าขอบคุณแล้ว”

ขณะที่พวกเรากำลังเก็บของ ธนายืนยันจะถ่ายเซลฟี่ฉลองชัยชนะกับเปียโน “สำหรับไลฟ์สตรีมของฉัน!” เขาพูด พลางจัดท่าอย่างอลังการหน้าตัวเปียโนที่ตอนนี้เงียบสนิท

แต่ขณะที่เขากดถ่ายรูป เข่าเขาเผลอกดคีย์หนึ่งเข้าไป เสียงโน้ตต่ำ ๆ ดังขึ้น เป็นเสียงสะท้อนลึกที่ฟังดูยาวนานกว่าที่ควรจะเป็น พวกเราทั้งสามคนหยุดชะงัก

เงาในห้องไม่ได้ขยับ อากาศยังคงสงบ แต่เสียงนั้นยังคงดังอยู่อย่างแผ่วเบา ราวกับคำเตือนถึงประวัติศาสตร์ที่ยังหลงเหลือของเปียโน

“เผามัน” ธนากระซิบ หน้าซีดเผือด

ผมถอนหายใจ พลางขยี้ขมับ “ถ้ามันเริ่มอีก เราจะเผามันทันที”

พลอยซึ่งตอนนี้ยิ้มออกมาบาง ๆ เดินเข้าไปใกล้เปียโน “ไม่ มันจบแล้ว ตอนนี้มันเป็นแค่เปียโนธรรมดา” นิ้วของเธอแตะคีย์เบา ๆ มันยังคงนิ่งสนิท ไร้ชีวิต อย่างที่ควรจะเป็น “ฉันสัมผัสได้ อะไรก็ตามที่อยู่ที่นี่…มันหายไปแล้ว”

สำหรับตอนนี้ เปียโนยังคงเงียบ แต่ขณะที่เราหันหลังเดินจากไป ผมยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันอาจจะยังไม่จบสิ้นเสียทีเดียว บางสิ่งเกี่ยวกับเสียงกระซิบ—หา…ฉัน ปล่อย…ฉัน—ยังคงก้องอยู่ในความคิดของผม

“หวังว่ามันจะเงียบอย่างนี้ต่อไป” ผมพึมพำกับตัวเอง ขณะก้าวออกไปในอากาศเย็นยามค่ำคืน

You know this song, but…