เครื่องคาราโอเกะตั้งอยู่กลางร้าน ไฟที่เคยฉูดฉาดของมันตอนนี้กระพริบราวกับแสงที่ใกล้ดับ ภาพถ่ายซีดจางของชัชชายวางอยู่ข้างเครื่อง รอยยิ้มแห่งชัยชนะของเขาดูเหมือนเย้ยหยันพวกเรา ในขณะที่เราพยายามควบคุมความวุ่นวายที่เพิ่มขึ้น
Sponsored Ads
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่อง” ผมพึมพำพลางเดินวนไปมา “ชัชชายไม่ได้หายไปไหน เขายังอยู่ในนี้ ใช้เครื่องนี้เพื่อเชื่อมโยงบางสิ่งที่ใหญ่กว่า…”
“ใหญ่กว่าเครื่องคาราโอเกะผีสิง?” ธนาพูด ขณะที่นั่งเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ “ฟังแล้วสบายใจขึ้นเยอะเลย”
“มันไม่ใช่เรื่องของเครื่องโดยตรง” ผมพูด ขณะหยิบสายสิญจน์จากเคาน์เตอร์ “มันเป็นประตูทางผ่าน สัญลักษณ์พวกนี้ไม่ได้แค่ขยายอารมณ์ แต่มันกำลังดึงออกมาและดูดพลังเหล่านั้นไปหล่อเลี้ยงตัวเอง”
เอก ซึ่งนั่งเงียบมาตลอด ในที่สุดก็พูดขึ้น “งั้นมันเหมือนกับว่าชัชชายยังคงแสดงอยู่… ผ่านพวกเรา?”
“ใช่” ผมตอบ พร้อมกับรัดสายสิญจน์แน่นรอบมือ “เขากำลังพยายามสร้าง ‘การแสดงที่สมบูรณ์แบบ’ โดยขยายความกลัวและความลับออกมา นี่คือวิธีที่เขาพยายามทำให้ตัวเองเป็นอมตะ โดยไม่สนว่ามันจะต้องแลกมาด้วยอะไร”
Sponsored Ads
———————
พิธีชำระล้างที่ล้มเหลว
ในมือที่กำสายสิญจน์ ผมก้าวเข้าไปใกล้เครื่อง ด้วยความระแวดระวังต่อธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาของมัน ห้องเริ่มเย็นลง อากาศหนักอึ้งด้วยพลังงานที่น่ากลัวที่แผ่ออกมาจากเครื่อง
“เอาล่ะ ลองมาดูกันว่าเราจะทำให้มันเงียบได้ไหม” ผมพูด ขณะที่หยดน้ำมนต์ลงบนสายสิญจน์ “นี่น่าจะทำให้พลังงานของสัญลักษณ์อ่อนลงพอที่เราจะหาทางหยุดมันได้”
ขณะที่ผมเริ่มสวดเบา ๆ เครื่องก็เริ่มทำงานพร้อมเสียงฮัมต่ำ หน้าจอเรืองแสงขึ้น พร้อมแสดงแสงวนเป็นลวดลายที่บิดเบี้ยว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นข้อความที่อ่านยากแต่ชัดเจน
[ร้อง…ให้ฉัน]
“ไม่มีทาง” ผมพึมพำ พลางพันสายสิญจน์รอบไมโครโฟน สายสิญจน์เปล่งแสงจาง ๆ พลังของมันต่อต้านอิทธิพลจากเครื่องอยู่ชั่วขณะ เสียงฮัมค่อย ๆ ลดลง และผมคิดว่าเรากำลังไปได้สวย
จากนั้นมันก็เริ่มขึ้น
เสียงบิดเบี้ยวของเพลงรักสุดหลอนเริ่มเล่น เมโลดี้บิดเบือนเป็นบางสิ่งที่มืดมนและน่ากลัวขึ้นทุก ๆ โน้ต ไฟในร้านกระพริบ และแรงสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นจนหน้าต่างสั่นสะท้าน เครื่องมือบนโต๊ะทำงานเริ่มกระเด้ง
“นี่คือความคิดของมันเรื่องการข่มขู่เหรอ?” ธนาตะโกนแข่งกับเสียงรบกวน “ฉันเคยฟังเวอร์ชันที่แย่กว่านี้ในคืนคาราโอเกะ!”
เครื่องตอบสนองด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น เมโลดี้ที่บิดเบี้ยวพุ่งเข้าสู่ความวุ่นวายของเสียงประสานที่ไม่เป็นระเบียบ เอกจับหูของเขาไว้ สีหน้าซีดเผือด “มันดังเกินไป!”
ธนา ซึ่งมักจะเป็นตัวตลกในกลุ่ม ตะโกนลั่น “ฉันบอกแล้วว่าควรเริ่มด้วย Baby Shark!”
Sponsored Ads
———————
เครื่องสวนกลับ
สัญลักษณ์ที่สลักอยู่บนเครื่องเรืองแสงจ้า พลังงานของมันพุ่งต้านสายสิญจน์อย่างรุนแรง ไมโครโฟนเริ่มส่งเสียงฮัม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบแผ่ว ๆ ที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเสียงที่ชัดเจน เอกสะดุ้ง ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเขาจำเสียงตัวเองได้
“นั่น…เสียงผมเหรอ?” เขาพูดตะกุกตะกัก “มันพูดว่าอะไร?”
เสียงกระซิบซ้อนกันเป็นคอรัสหลอน ๆ ที่เต็มไปด้วยความกลัวและความไม่มั่นใจ
[นายไม่มีค่าอะไร นายจะล้มเหลวเสมอ ทำไมถึงต้องพยายาม?]
เอกถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก หายใจหอบถี่ “หยุดมันที!”
หน้าจอเครื่องกระพริบ แสดงภาพที่บิดเบี้ยวของใบหน้าเอก ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวกลายเป็นภาพล้อเลียนของความหวาดกลัว ก่อนที่ผมจะทำอะไรได้ ไมโครโฟนส่งเสียงแหลมดังสนั่น และเสียงของเอกก็ถูกดึงออกจากลำคอของเขา กลายเป็นส่วนหนึ่งของคอรัสเสียงหลอนที่ซ้อนทับกัน
Sponsored Ads
———————
การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย
“พอได้แล้ว!” ผมตะโกน พร้อมคว้าถุงข้าวสารเสกจากกระเป๋า เมล็ดข้าวที่ผ่านการปลุกเสกในคืนเดือนข้างขึ้นเปล่งแสงอ่อน ๆ ในแสงสลัว พลังศักดิ์สิทธิ์จากมันเป็นเครื่องเตือนใจถึงปัญญาของย่าหน่อย
เครื่องคาราโอเกะส่งเสียงฟ่อออกมา หน้าจอกระพริบเป็นสีแดง ขณะที่สัญลักษณ์ที่สลักอยู่บนตัวเครื่องเต้นรัวด้วยพลังใหม่ อากาศในห้องหนักอึ้ง เจตนาร้ายของผู้สร้างยังคงเกาะแน่นกับพลังที่ผูกมัดอยู่ในเครื่อง
ด้วยมือที่มั่นคง ผมโปรยข้าวสารเสกลงบนตัวเครื่อง เมล็ดข้าวเรืองแสงเบา ๆ เมื่อสัมผัสกับสัญลักษณ์ ขณะสวดมนต์เบา ๆ ผมโฟกัสไปที่พลังงานที่แผ่ออกมาจากข้าวสาร ดูอย่างตั้งใจขณะที่เมล็ดข้าวศักดิ์สิทธิ์เริ่มรบกวนลวดลายมืดมนเหล่านั้น
เครื่องคำรามตอบโต้ เสียงฮัมดังขึ้นเหมือนกำลังท้าทาย สัญลักษณ์เรืองแสงรุนแรง พลังมืดของมันต้านแสงที่บริสุทธิ์จากข้าวสารเสก แต่เมล็ดข้าวยังคงต้านทานไว้ แสงจากมันค่อย ๆ แผ่ไปทั่วตัวเครื่อง ลดพลังของสัญลักษณ์ทีละจุด
บรรยากาศในห้องดูเหมือนจะหยุดนิ่ง เครื่องส่งเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้าย เสียงนั้นสะท้อนก้องไปทั่วร้านเหมือนเสียงคร่ำครวญสุดท้ายของมัน ทำให้เครื่องมือบนโต๊ะสั่นสะเทือน ธนาถึงกับสะดุ้ง
แล้วก็เงียบ
หน้าจอของเครื่องดับลง เสียงกระซิบจางหายไปในความว่างเปล่า พลังชั่วร้ายที่เคยแผ่ซ่านในห้องหายไปหมดสิ้น ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่น่าขนลุก แสงจาง ๆ จากข้าวสารเสกเลือนหาย มันทำหน้าที่ของมันสำเร็จแล้ว
ผมหายใจออกยาว ๆ พร้อมปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ในที่สุดความตึงเครียดก็คลายลง เครื่องคาราโอเกะต้องคำสาปเงียบลงแล้ว พลังของมันถูกทำลาย—หรืออย่างน้อยผมก็หวังไว้
Sponsored Ads
———————
น่าตื่นเต้น
ไม่มีใครพูดอะไรอยู่ชั่วครู่ ความตึงเครียดในห้องค่อย ๆ คลายลง ธนา ที่ไม่เคยพลาดโอกาส เริ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ “นายรู้ไหม ถ้าฉันอัดเสียงกรีดร้องนั่นไว้ ฉันเอาไปทำเสียงเรียกเข้าก็ได้นะ หลอนคนสุด ๆ เลย”
ก่อนที่ผมจะทันกลอกตา เครื่องคาราโอเกะกลับเปิดขึ้นอีกครั้ง หน้าจอกระพริบแสงอ่อน ๆ ข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นด้วยตัวอักษรที่บิดเบี้ยว
[นี่ไม่ใช่โน้ตสุดท้าย]
ธนาแข็งค้าง มือค้างอยู่กลางอากาศก่อนจะกดปุ่มปิด “มันเพิ่งขู่พวกเราเหรอ?”
ผมถอนหายใจ พลางกำควายธนูแน่น “ดูเหมือนชัชชายยังไม่จบ และเราก็ยังจบไม่ได้เหมือนกัน”
Sponsored Ads