เสียงรถที่ดังเบาๆ ของกรุงเทพฯ ลอยเข้ามาในร้านขณะที่ผมล็อกกล่องเก็บอุปกรณ์อย่างแน่นหนา ขังล็อคดิจิทัลที่เคยมีผีสิงไว้ด้านใน มันคงไม่อันตรายแล้ว—หรืออย่างน้อยก็หวังว่าจะไม่เป็น—แต่การปล่อยให้มันอยู่บนโต๊ะทำงานเหมือนเชื้อเชิญให้เรื่องวุ่นวายกลับมาดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
Sponsored Ads
ผมยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก จ้องมองกล่องเหมือนมันอาจกระโดดเปิดออกมาแล้วหลอกหลอนผมแทน “ไม่วันนี้หรอก” ผมพึมพำ พลางเคาะฝาเบา ๆ เพิ่มความมั่นใจ
เจ้าของอพาร์ตเมนต์ส่งข้อความขอบคุณมาให้ผมเมื่อช่วงเช้า คำพูดของเธอเรียบง่ายแต่จริงใจ “หวังว่าพวกเขาจะได้พักผ่อนอย่างสงบแล้วนะ”
ผมเอนตัวพิงเคาน์เตอร์ ปล่อยให้ความทรงจำของเมื่อคืนเลือนรางขึ้นในใจ ความเศร้าเงียบ ๆ ในรูปร่างของวิญญาณ ช่วงเวลาสุดท้ายของตัวเลขเวลา ความหนักหน่วงของการจากลาครั้งนั้น—มันยังคงติดอยู่ในความคิดผม มีบางอย่างที่ทั้งเศร้าและหวานในเวลาเดียวกันเกี่ยวกับการปล่อยพวกเขาไป
ผมมองไปที่กระจกวิญญาณของย่ายน้อยที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ผิวเงาของกระจกสะท้อนแสงไฟในร้านจาง ๆ คำพูดของย่าน้อยลอยขึ้นมาในหัวเหมือนที่มักจะเป็น
“แม้แต่ความตั้งใจดีก็อาจนำไปสู่ความมืดได้ ถ้าลืมเป้าหมายของตัวเอง”
ผมเก็บกระจกเงากลับเข้ากล่องอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถอนหายใจและหันไปสนใจกองอุปกรณ์ที่รอการซ่อมแซม “พักไม่ได้หรอก—ทั้งคนชั่วและคนอยากรู้อยากเห็น” ผมพูดกับตัวเอง
Sponsored Ads
———————
ความวุ่นวายใหม่ของธนา
เที่ยงตรงเป๊ะ ความเงียบสงบในร้านก็พังทลายเมื่อธนาปรากฏตัวแบบสุดเว่อร์ เขาโผล่เข้ามาพร้อมกับวัตถุที่ดูเหมือนก้อนสายไฟพ่วงกับเครื่องปิ้งขนมปังไหม้เกรียม
“ฉุกเฉิน!” เขาประกาศ ตั้งเครื่องปิ้งขนมปังลงบนโต๊ะเหมือนมันเป็นเด็กแรกเกิด
ผมเลิกคิ้ว “นี่เป็นเรื่องฉุกเฉินจริง ๆ หรือ ‘ฉุกเฉินสไตล์ธนา’ กันแน่?”
“ทั้งสองอย่าง” เขาตอบ พลางคลี่สายไฟออกเหมือนมันจะช่วยอธิบายสถานการณ์ได้ “แม่ฉันเสียบปลั๊กเครื่องนี้เช้านี้ แล้วมันเริ่มทำเสียงแปลก ๆ—เหมือนเสียงคำราม ฉันคิดว่ามันถูกผีสิง”
“มันอาจจะแค่เก่าแล้ว” ผมตอบ หยิบไขควงขึ้นมา “หรือบางทีมันอาจจะโกรธที่นายกินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกมื้อ”
ธนาทำเสียงฮึดฮัด พิงเคาน์เตอร์ด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “หัวเราะไปเถอะ แต่ถ้ามันเริ่มร้องเพลงขึ้นมาล่ะก็ ฉันไปละนะ”
ขณะที่ผมตรวจดูเครื่องปิ้งขนมปัง ธนาก็ขุดของในลิ้นชักขนมของผม และเจอถุงขนมที่ยังไม่ได้เปิด “รู้อะไรไหม” เขาพูดทั้งที่ปากเต็มไปด้วยเศษขนม “นายควรเริ่มไลฟ์สดเคสแบบนี้ ‘นาวิน: นักปราบผีเครื่องใช้ไฟฟ้า’ นายจะดังชั่วข้ามคืนแน่นอน”
“ฉันขอมีชีวิตรอดดีกว่า” ผมตอบขณะที่เขี่ยตัวเก็บประจุที่ไหม้ออก “นอกจากนี้ ฉันมีนายทำประชาสัมพันธ์ให้โดยไม่ได้ขออยู่แล้ว”
Sponsored Ads
———————
บทสรุป
พอตกเย็น ร้านก็กลับมาเงียบอีกครั้ง เครื่องปิ้งขนมปังไม่ได้ถูกผีสิง—แค่สายไฟชำรุด ธนาออกไปตามหาขนมที่ “ไม่ถูกผีสิง” ทิ้งผมไว้กับความคิดของตัวเอง
ผมพลิกป้ายร้านเป็น “ปิดทำการ” และปิดไฟชั้นในของร้าน สักพักห้องก็ถูกปกคลุมด้วยความมืดที่ชวนสบายใจ มีเพียงแสงจาง ๆ จากกล่องเก็บอุปกรณ์ที่ยังคงเรืองอยู่
ผมหยุดนิ่ง มองไปที่มันขณะที่เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู แล้วมันก็เกิดขึ้น—เสียงบี๊บแผ่วเบา ตามมาด้วยเสียงฮัมอ่อน ๆ
หน้าจอของล็อคสว่างขึ้น แสดงคำเพียงคำเดียว
“ขอบคุณ”
ผมหยุดนิ่งจ้องมองมัน ความหมายของช่วงเวลานั้นหนักหน่วงเหมือนอากาศที่หยุดนิ่งในคืนฤดูร้อน
“ลาก่อน” ผมกระซิบ คำพูดนั้นฟังดูหนักแน่นกว่าที่ตั้งใจไว้
ขณะที่ก้าวออกไปข้างนอกและล็อคร้านตามหลัง เสียงวุ่นวายของกรุงเทพฯ ก็ทักทายผม ความวุ่นวาย ความอบอุ่น และชีวิตชีวา—ทั้งหมดนี้ช่างไม่หยุดนิ่ง แต่มันคือบ้าน
บางครั้ง เสียงสะท้อนจากอดีตก็ยังคงค้างอยู่ แต่คืนนี้ อย่างน้อยมันก็เงียบลง
และด้วยความคิดนั้น ผมเดินเข้าสู่เมือง พร้อมสำหรับปริศนาแปลกประหลาดที่กำลังรอผมอยู่ต่อไป
Sponsored Ads