ในกรุงเทพฯ ตรอกซอยคดเคี้ยวและซับซ้อนราวกับมีชีวิตของมันเอง คุณอาจอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิต รู้จักทุกถนน ศาลเจ้า ตลาดในมุมต่างๆ จนท่องจำได้ขึ้นใจ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เมืองนี้ก็ยังสามารถทำให้คุณหลงทางได้ นั่นแหละที่เป็นเสน่ห์ของกรุงเทพฯ—มันมีชีวิต มีเรื่องราว มีวิญญาณ และผมควรจะรู้ดี เพราะผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่พัวพันอยู่กับทั้งสองสิ่งนี้
Sponsored Ads
ผมชื่อ นาวิน สิริพงษ์ชัย ช่างซ่อมอายุ 28 ปี ที่มีลูกค้าที่ไม่ธรรมดา ตามปกติแล้ว ผมซ่อมหน้าจอแตก แผงวงจรเสีย หรือฮาร์ดไดรฟ์ที่จมน้ำ แต่ไม่เป็นทางการแล้ว ผมคือคนแก้ปัญหาสำหรับสิ่งที่ถูกผีสิง สิ่งที่ต้องคำสาป และสิ่งที่ถูกวิญญาณครอบครอง ถ้าโทรศัพท์ของคุณเริ่มกระซิบเป็นภาษาละติน หรือแล็ปท็อปของคุณเริ่มแสดงรหัสรูนแทนโค้ด คุณก็คงจะโทรหาผม
หลายคนคิดว่าผมเลือกอาชีพนี้เพราะหลงใหลในเทคโนโลยีหรือความลี้ลับ แต่ความจริงคือ ผมมาลงเอยกับอาชีพนี้เพราะโชคชะตามากกว่าความทะเยอทะยาน พ่อแม่ของผมมีความคิดแบบธรรมดาๆ มุ่งมั่นในอาชีพการงาน พวกเขาอยากให้ผมเรียนจบ ได้งานดีๆ ในออฟฟิศที่มั่นคง หรืออาจไปทำงานต่างประเทศ พ่อของผมเป็นผู้จัดการธนาคาร แม่เป็นครู—อาชีพที่ดี มีรายได้มั่นคง
พวกเขาไม่ค่อยพอใจนักที่ผมใช้เวลาหลังเลิกเรียนไปอยู่ในร้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นของย่าน้อย
Sponsored Ads
———————
คำสอนของย่าน้อย
ย่าน้อยของผม แม่ของพ่อ เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งและดื้อดึงเกินกว่าจะอธิบายได้ ในขณะที่พ่อแม่พูดถึงเรื่องปริญญาทางธุรกิจและสอบเข้ามหาวิทยาลัย ย่าน้อยสอนผมเกี่ยวกับคุณธรรม พระพุทธเจ้า ความอดทน และเส้นด้ายที่มองไม่เห็นที่เชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน
ร้านของย่าไม่ใหญ่นัก เป็นห้องเล็กๆ ด้านหลังร้านขายก๋วยเตี๋ยว มีชั้นวางเต็มไปด้วยพระเครื่อง ขวดสมุนไพร และคัมภีร์ที่มีสัญลักษณ์โบราณ ย่าใช้เวลาส่วนใหญ่ทำเครื่องรางให้คนในชุมชน ทำพิธีเบิกบ้าน และกระซิบสิ่งต่างๆ ที่ย่าบอกว่ามีแค่ผมที่ได้ยิน ย่าเป็นคนที่มองโลกแล้วเห็นชั้นลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ และไม่ว่าผมจะชอบหรือไม่ ย่าก็สอนให้ผมมองเห็นสิ่งเหล่านั้นด้วย
ทุกๆ บ่ายหลังเลิกเรียน ผมจะนั่งอยู่บนพื้นขณะที่ย่าดึงพระเครื่องลงมาและวางมันบนโต๊ะ พร้อมอธิบายประวัติความเป็นมาของแต่ละชิ้น
ควายธนู ควายศักดิ์สิทธิ์เป็นของโปรดของย่า ย่าบอกว่ามันปกป้องจากคำสาปแรงๆ และคุ้มครองผู้ที่ครอบครองมันด้วยเจตนาดี
สายสิญจน์ ด้ายศักดิ์สิทธิ์ที่ย่าจะพันรอบข้อมือของผมในวันพิเศษ “เพื่อให้เจ้าได้ผูกพันกับความดีงาม” ย่าพูด แม้ว่าย่าไม่เคยอธิบายลึกเกินกว่านั้น
พระสมเด็จ ก็เป็นอีกชิ้นหนึ่ง พระเครื่องเรียบง่ายที่ย่าบอกว่าสามารถเปิดเผยความจริงที่ซ่อนอยู่ได้ “มันมองทะลุผ่านคำโกหกได้” ย่าบอก ดวงตาของย่าส่องประกาย “รวมถึงคำโกหกที่เราบอกตัวเองด้วย”
ผมไม่ได้เชื่อในพระเครื่องหรือในเรื่องเล่าของย่า ที่เกี่ยวกับวิญญาณที่วนเวียนอยู่รอบตัวเรา แต่ในร้านของย่ามีพลังแปลกๆ บางอย่าง เป็นบางอย่างที่หนักอึ้งลอยอยู่ในอากาศ เมื่อย่าเอ่ยบทสวดและจุดเทียน และเมื่อผมโตขึ้น ผมก็เริ่มรู้สึกถึงมันมากขึ้น
Sponsored Ads
———————
ช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
เมื่อผมอายุสิบหก ผมรู้สึกเหมือนถูกดึงอยู่ระหว่างสองโลก ผมอยู่ชั้น ม. 5 กำลังมุ่งสู่เส้นทางที่พ่อฝันไว้ เรียนต่อมหาวิทยาลัยและมีอาชีพที่มั่นคง พ่อแม่ของผมเสียสละมากมายเพื่อการศึกษา พวกเขามีแผนใหญ่ให้ผมเรียนวิศวกรรมศาสตร์ “โลกนี้สร้างขึ้นบนเทคโนโลยี นาวิน” พ่อพูด “สักวันลูกจะขอบคุณพ่อ”
แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปในบ่ายวันหนึ่งที่ร้อนอบอ้าว เมื่อชายคนหนึ่งเข้ามาในร้านของย่าน้อย เขาหน้าซีดเหมือนเจอผี เขาพูดไม่หยุดเกี่ยวกับเงามืดที่ตามเขา พึมพำเรียกชื่อเขา มองเขาจากในกระจก ย่าน้อยมองผม แล้วก็ยื่นควายธนูให้
“ไปกับเขาเถอะ” ย่าพูดด้วยน้ำเสียงสงบ พลางกดควายธนูลงในมือผม “แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่มันบอก”
ผมไม่รู้ว่าย่าหมายถึงอะไร แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร ผมตามชายคนนั้นไปที่ห้องเช่าของเขา กำควายธนูไว้แน่น รู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่กระจายผ่านนิ้วมือ พอเราเข้าไปในห้อง ผมรู้สึกได้ทันที อากาศในห้องหนักอึ้ง แปลกประหลาด มีบางสิ่งไม่เป็นธรรมชาติซ่อนอยู่ ในมุมหนึ่งของห้อง ผมเห็นมัน เงาดำๆ บิดเบี้ยวและเงียบงัน มองเราจากในเงามืด
ผมยกควายธนูขึ้นโดยไม่คิดอะไร พลางท่องบทสวดที่ย่าสอน เงานั้นกรีดร้องและหายเข้าไปในกระจก เหลือไว้เพียงความเงียบวังเวงในห้องเช่า
นั่นคือครั้งแรกที่ผมเห็นวิญญาณ และครั้งแรกที่ผมรู้ว่าผมทำอะไรกับมันได้
Sponsored Ads
———————
จากวิศวกรรมศาสตร์ สู่การสืบทอดร้าน
หลังจากวันนั้น อนาคตของผมดูไม่แน่นอนเหมือนเดิม ผมยังคงทำตามขั้นตอนต่างๆ ไปตามปกติ—จบมัธยมปลายด้วยผลการเรียนที่ดี และสอบเข้ามหาวิทยาลัยตามที่พ่อแม่ต้องการ แต่หัวใจของผมไม่ได้อยู่กับมัน ผมสมัครเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีและเรียนจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ตามที่พ่อแม่ต้องการได้ แต่ก็ไม่อาจสลัดความรู้สึกว่าผมทิ้งอะไรบางอย่างไว้เบื้องหลัง
เมื่อย่าน้อยจากไป ร้านของย่าก็กลายเป็นของผม มันไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่ต้องการ พวกเขายังคงฝันให้ผมมีงานที่ “น่านับถือ” แต่ลึกๆ แล้วผมรู้ว่าชีวิตในโลกของวิญญาณ พระเครื่อง และเรื่องราวแปลกๆ คือที่ที่ผมควรอยู่
ผมย้ายเข้ามาอยู่ในร้านเก่าของย่า เปิดมันใหม่ในฐานะร้านซ่อม ตอนแรก ผมยังไม่รู้ว่าจะผสมผสานความหลงใหลในเรื่องลี้ลับกับความเป็นจริงของการบริหารร้านได้อย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ วิญญาณกำลังเปลี่ยนแปลง ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยี และถ้าผมจะอยู่รอด ผมก็ต้องปรับตัวให้ทัน และสอนตัวเองเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์พอสมควร ทั้งซ่อมโทรศัพท์ แล็ปท็อป และอุปกรณ์ต่างๆ การเรียนรู้การซ่อมแซมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมมีความสามารถพิเศษในการแก้ปัญหา ซึ่งความสามารถนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ฮาร์ดแวร์
หลายปีที่อ่านหนังสือของย่าน้อย ประกอบกับความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลก ได้ทำให้ผมมีหูที่ดีในการเรียนรู้ภาษา ไม่ว่าจะเป็นคู่มือภาษาญี่ปุ่น หรือรหัสข้อผิดพลาดภาษาฝรั่งเศส ไม่มีอะไรทำให้ผมสะทกสะท้าน วิญญาณและคำสาปไม่ได้มีพรมแดน ผมก็เช่นกัน ถ้าบันทึกของนักปราบผีชาวฝรั่งเศสเก่าสามารถช่วยผมถอดรหัสสัญลักษณ์บนฮาร์ดไดรฟ์ที่ต้องคำสาปได้ ผมก็จะหาทางใช้มันให้ได้ ถ้าลูกค้าพาผมนาฬิกาอัจฉริยะจากญี่ปุ่นที่มีคำสาปมาด้วยคำสบถว่า [くそが!] (คุโซะ งะ!) ผมก็รู้ว่าต้องปลอบใจพวกเขาอย่างไร
เมื่อเวลาผ่านไป ร้านนี้กลายเป็นมากกว่าร้านซ่อม มันเป็นสะพาน—ที่ซึ่งโลกสมัยใหม่ปะทะกับความลี้ลับและสิ่งแปลกประหลาด ที่ซึ่งแผงวงจรและหน้าจอแตกร้าวแต่ละอันเป็นเพียงปริศนาอีกชิ้นที่ต้องแก้ไข พ่อแม่เรียกมันว่าเป็นการใช้ศักยภาพไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ผมเรียกมันว่า “บ้าน”
Sponsored Ads
———————
เหตุผลที่ผมยังอยู่
ในที่สุดพ่อแม่ของผมก็เข้าใจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจทั้งหมด พวกเขายังคงโทรมาถามผมว่า เมื่อไหร่ที่ผมจะหางาน “จริงจัง” แต่พวกเขาไม่รู้ว่าผมช่วยชีวิตผู้คน ปลดคำสาป หรือทำให้ผู้คนออกจากร้านของผมด้วยชีวิตใหม่ พวกเขาไม่รู้ว่าบางสิ่ง—หรือแทบจะทุกสิ่ง—ไม่ได้เหมาะกับการเขียนใส่ในเรซูเม่เลย
ผู้คนมักถามว่าทำไมผมถึงทำงานนี้ ทำไมผมถึงเปิดร้านอยู่ในตรอกซอกซอยยุ่งเหยิงกลางกรุงเทพ ทำไมผมถึงจัดการกับโทรศัพท์ต้องคำสาปและคอมพิวเตอร์ที่มีผีสิงแทนที่จะเลือกชีวิตที่ธรรมดา พวกเขาเห็นรอยคล้ำใต้ตาผม เห็นรอยแผลเป็นบนแขนผม และคิดว่าผมคงเกลียดมัน
แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าหน้าที่นี้ แม้จะประหลาดแค่ไหน มันมากกว่าแค่การซ่อมแซม มันคือโอกาสที่จะรักษาความสมดุล เพื่อสืบทอดมรดกของย่า และช่วยเหลือคนที่ไม่เข้าใจโลกที่พวกเขากำลังยุ่งเกี่ยว
Sponsored Ads
———————
งาน
ส่วนใหญ่ ลูกค้าที่มาหาผมจะเป็นพวกซ่อมหน้าจอแตก อุปกรณ์โดนน้ำทั่วไป แต่บางวันก็มีคนมาพร้อมกับสิ่งที่พวกเขาไม่อาจอธิบายได้ โทรศัพท์ที่มีเสียงประหลาดดังขึ้น แล็ปท็อปที่เปิดขึ้นมาพร้อมกับเงาในหน้าจอ หรือโดรนที่บินไปยังที่ที่ไม่ควรจะไป
ผมเรียนรู้ที่จะพกควายธนูไว้ในกระเป๋า เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน น้ำมนต์ในขวดน้ำหอมเก่า มีดหมอไว้ตัดสัมพันธ์ทางวิญญาณ ทุกการซ่อมคือการต่อสู้ การเจรจาระหว่างโลกของคนเป็นและคนตาย และในกรุงเทพ เมืองที่เต็มไปด้วยทั้งสองโลก งานแบบนี้ไม่มีวันขาด
และงานแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกถึงน้ำหนักของคำสอนของย่าน้อยที่พร่ำสอนบอกผมว่าโลกนี้เต็มไปด้วยวิญญาณ ความลึกลับ และเงาที่แอบซ่อนในกระจกและเสียงที่ลอดผ่านคลื่นสัญญาณรบกวน บางครั้งสิ่งที่คุณต้องการเพื่อเผชิญหน้ากับพวกมันคือความกล้า พระเครื่องที่วางไว้อย่างเหมาะสม และความทรงจำของย่าที่สอนให้คุณมองเห็นมันได้
เพราะถ้ามีสิ่งหนึ่งที่ย่าน้อยทำให้ผมเข้าใจ นั่นก็คือ ในกรุงเทพฯ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเป็นแค่ช่างซ่อมธรรมดาๆ