สายโทรศัพท์ดังขึ้นในจังหวะที่ผมกำลังจะปิดไฟในร้าน คืนที่เงียบสงบและไร้เรื่องวุ่นวายกำลังรอผมอยู่ แต่ความสงบก็พังลงในไม่กี่วินาที
Sponsored Ads
“นาวิน?” เสียงกระวนกระวายดังแทรกเข้ามาผ่านลำโพง
“เกียรติ” ผมถอนหายใจ รู้สึกเสียใจที่กดรับสายแล้ว “เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงจากปลายสาย เจ้าของบาร์ Starry Night Craft Bar ผู้ยังหนุ่มแน่นแทบจะสะดุดคำพูดของตัวเอง “มันเกี่ยวกับโปรเจ็กเตอร์แสงดาวที่ผมซื้อมาใช้สำหรับงานฮาโลวีนครับ มัน…เอ่อ…ทำอะไรแปลก ๆ”
“แปลก ๆ?” ผมถามเสียงเรียบ “หมายถึงแปลกในเชิงเทคนิค หรือแปลกในเชิงหลอน?”
“ทั้งสองอย่างมั้งครับ?” เสียงของเขาสูงขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “ลูกค้าเริ่มตกใจ พวกเขาบอกว่าสามารถสัมผัสดวงดาวได้ด้วย! แล้วมีคนหนึ่งเริ่มพึมพำภาษาประหลาด ไม่ใช่ภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาอะไรที่ผมเคยได้ยิน!”
ผมบีบสันจมูกด้วยความเหนื่อยใจ “เกียรติ มันเลยเวลาทำงานแล้ว คุณรู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?”
เสียงหัวเราะแห้ง ๆ ดังกลับมา “ค่าโอที?”
“คุณเริ่มเข้าใจละ”
Sponsored Ads
———————
บาร์ Starry Night
บาร์เงียบกริบเมื่อผมไปถึง แสงไฟอบอุ่นที่เคยชวนให้รู้สึกสบายกลับกลายเป็นชวนขนลุกในความเงียบงัน เกียรติที่ดูเหมือนจะไม่ได้หลับมาทั้งสัปดาห์ ยืนเกาะเคาน์เตอร์อยู่เหมือนกำลังรออะไรระเบิด
“มันอยู่ข้างบน” เขาพูด พร้อมชี้ไปที่โปรเจ็กเตอร์ทันสมัยที่ติดอยู่บนเพดาน
ผมวางกระเป๋าลง ความตึงเครียดในอากาศทำให้รู้สึกเหมือนผิวหนังเริ่มชา “มันเริ่มมีปัญหาเมื่อไหร่?”
เกียรติลูบหลังคออย่างประหม่า “เมื่อคืนครับ ตอนแรกมันก็ดีนะ สวยมากด้วย แต่แล้วดาวก็เริ่มเคลื่อนที่ เหมือน…เหมือนมันมีชีวิต”
“มีชีวิต” ผมทวนคำขณะถกแขนเสื้อขึ้น “แน่นอน ฟังดู…เป็นไปได้มาก”
ด้วยการกดสวิตช์ โปรเจ็กเตอร์ก็เริ่มทำงาน เสียงฮัมเบา ๆ ดังขึ้นเมื่อดวงดาวเริ่มเบ่งบานบนผนังและเพดานของบาร์—ดวงดาวที่สวยงามและชัดเจนเกินกว่าที่อุปกรณ์มือสองจะทำได้
ชั่วขณะหนึ่ง ผมรู้สึกทึ่ง “เออ ก็—”
ดวงดาวเริ่มเคลื่อนไหว ลวดลายของมันบิดตัว กลุ่มดาวต่าง ๆ สลายตัวกลายเป็นเส้นและรูปร่างหยัก ๆ สัญลักษณ์
ผมหยุดนิ่ง ลมหายใจสะดุดขณะที่สัญลักษณ์เต้นเป็นจังหวะเบาๆ และในห้องก็เริ่มเย็นลง
Sponsored Ads
———————
ธนาปรากฏตัว
ประตูเปิดออกเสียงดัง พร้อมกับธนาที่เดินเข้ามาอย่างสบายใจ ถือเบียร์คราฟต์ในมือราวกับวันนี้เป็นวันอังคารธรรมดา ๆ
“ว้าว งานปราบผี VIP มีเบียร์หลอนให้ส่วนลดด้วยไหม?”
“ธนา” ผมคำราม “นายมาทำอะไรที่นี่?”
“สนับสนุนเพื่อนที่ต้องการความช่วยเหลือ” เขาพูดอย่างร่าเริง เอนตัวพิงเคาน์เตอร์ “และการช่วยนี่ก็คือการสร้างเสียงหัวเราะให้สถานการณ์”
ก่อนที่ผมจะตอบ เสียงกระซิบเบา ๆ ก็ดังขึ้น—นุ่มนวล แต่ชัดเจน
รอยยิ้มของธนาเริ่มจางลง “เอ่อ…นั่นเพลงแร็พภาษาเขมรเหรอ?”
“ไม่ใช่เพลงแร็พ” ผมตอบด้วยเสียงเคร่งขรึม ตาจ้องมองดาวที่หมุนวนอยู่ด้านบน
“มันอาจจะเป็นได้นะ” ธนาเถียง พลางชี้ไปที่เพดาน “แบบรีมิกซ์จักรวาลอะไรสักอย่าง?”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลา!”
Sponsored Ads
———————
เสียงกระซิบ
ดวงดาวหมุนวนเร็วขึ้น รูปทรงของพวกมันละลายและก่อตัวใหม่ราวกับการเต้นระบำที่ชวนให้เวียนหัว อากาศรอบตัวเย็นยะเยือกจนซึมลึกถึงกระดูก
คำหนึ่งดังสะท้อนก้องไปทั่วห้อง เสียงต่ำและลากยาว
[มา…]
เสียงฮัมจากโปรเจ็กเตอร์ดังขึ้น เกือบจะเป็นเสียงคำราม และสัญลักษณ์บนผนังเต้นระริกเป็นจังหวะที่ดูมีชีวิตเกินกว่าที่ควรจะเป็น
เกียรติถอยหลังไปชนเคาน์เตอร์ สีหน้าซีดเผือดเหมือนกับแสงดาวที่ฉายออกมาอยู่รอบตัว “มันพูดว่าอะไร?”
“ไม่มีอะไรดีแน่” ผมพึมพำ ขณะเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋า
ผมดึงปลั๊กโปรเจ็กเตอร์ออก เสียงฮัมหยุดทันที ความเงียบเข้าปกคลุมห้อง และอุณหภูมิก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ
เกียรติถอนหายใจออกมาอย่างสั่นคลอน “แล้ว…คุณซ่อมมันได้ไหม?”
ผมโยนโปรเจ็กเตอร์ลงในกระเป๋า “จะลองดู แต่ไม่ว่าคุณจ่ายไปเท่าไหร่กับเจ้านี่ คุณถูกหลอกแน่ ๆ”
“รับทราบ” เกียรติพยักหน้า สีหน้าราวกับอยากปิดบาร์ถาวร
ธนายกแก้วเบียร์ขึ้น ราวกับฉลองอะไรบางอย่าง “ยินดีต้อนรับโอทีหลอน ๆ!”
Sponsored Ads
———————
ความลึกลับที่ยังรออยู่
ขณะที่ผมเดินออกไป ผมเหลือบมองไปยังผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ รอยสัญลักษณ์บาง ๆ ยังปรากฏอยู่ เหมือนราวกับภาพติดตาจากแฟลชกล้อง
และแล้วคำพูดนั้นก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้เบากว่าเดิม ราวกับกำลังวิงวอน
[มา]
ความหนาวเย็นแล่นไปตามสันหลัง ผมรู้ว่าบางสิ่งที่อยู่เบื้องหลังนี้จะไม่ยอมสงบง่าย ๆ
ผมกัดฟันแน่น ขยับกระเป๋าให้กระชับตัว และก้าวเข้าสู่ค่ำคืนที่อบอุ่นของกรุงเทพฯ ท้องฟ้าเหนือหัวดูสว่างเกินปกติเล็กน้อย คล้ายกับว่าดวงดาวกำลังจับจ้องผมอย่างเงียบงัน
เรื่องนี้ยังไม่จบแน่นอน