ป้ายไฟนีออนของ “ร้านนาวินซ่อมคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์” ส่งเสียงหึ่งๆ เบาๆ ท่ามกลางอากาศเย็นยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ แสงจากหลอดไฟสั่นไหวเล็กน้อยราวกับเหนื่อยล้าจากกาลเวลา ภายในร้าน… บรรยากาศกลับดูรื่นเริงอย่างน่าประหลาด สายไฟประดับราคาถูกห้อยระโยงระยางจากเพดาน กระพริบแสงในจังหวะที่ไม่เป็นจังหวะอะไรสักอย่าง ต้นคริสต์มาสพลาสติกขนาดเล็ก—แบบที่ลดราคาเหลือครึ่งเดียวหลังเทศกาล—ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์อย่างเก้ๆ กังๆ และบนยอดต้นไม้นั้น… เป็นแฟลชไดรฟ์ USB ที่ทำหน้าที่เป็นดาวประดับ
Sponsored Ads
ผมเอนหลังพิงเก้าอี้ตัวเก่า ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ จิบกาแฟเย็นชืดจากแก้วเซรามิกร้าวๆ บนผนังเข็มนาฬิกาโบราณค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้เวลาเที่ยงคืนทีละนิด
“ธนา นายแน่ใจใช่ไหมว่าการเสียบไฟประดับเข้าไปในปลั๊กพ่วงเก่าๆ แบบนั้น มันจะไม่กลายเป็นชุดเริ่มต้นของนักวางเพลิงน่ะ?” ผมถามพลางพยักพเยิดไปที่สายไฟพันกันยุ่งเหยิงบนเคาน์เตอร์
ธนานั่งอยู่บนสตูลตัวสูง ถือกระป๋องน้ำอัดลมกลิ่นแตงโมไว้อย่างมั่นคง เขาสวมหมวกปาร์ตี้ปีใหม่สีฉูดฉาดเอียงไปข้างหนึ่งอย่างไร้สไตล์
“นาวิน เพื่อนรัก ถ้าพวกเราจะไป เราก็ต้องไปอย่างมีสีสัน!” เขาชูน้ำอัดลมขึ้นเหมือนกำลังกล่าวคำอวยพร
“ถ้าร้านนี้ไฟไหม้ ฉันจะตามหลอกนายไปทุกที่”
“ฮ่า! ยิ่งดีเลย ฉันจะไลฟ์สดการปรากฏตัวของผีสุดฮ็อตแห่งกรุงเทพฯ เพื่อเรียกยอดไลค์!”
ผมถอนหายใจ กลอกตาไปมา แต่ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ เสียงพลุเริ่มดังมาแต่ไกล เสียงระเบิดเบาๆ ตามมาด้วยแสงสีที่ส่องสว่างขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนของกรุงเทพฯ
แสงจากพลุสาดส่องเข้ามาในร้านผ่านกระจกหน้าต่าง ผมเอนหลังมองภาพนั้นเงียบๆ
“ปีใหม่อีกปีแล้วสินะ…” ผมพึมพำเบาๆ
ธนายกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นอีกครั้ง พลางยิ้มกว้าง “สุขสันต์ปีใหม่ นาวิน!”
“สุขสันต์ปีใหม่ เจ้าเพื่อนตัวแสบ” ผมตอบกลับ
เสียงพลุดังขึ้นเป็นชุดใหญ่ ดังกึกก้องราวกับจะกลบทุกเสียงในเมือง
คืนนี้แม้ร้านจะดูเก่า โทรม และเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่ใกล้พัง แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ร้านเล็กๆ แห่งนี้ก็ส่องประกายราวกับดาวเล็กๆ ในมุมหนึ่งของกรุงเทพฯ
ปีใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว และผมก็พร้อมเผชิญหน้ากับมัน… อย่างน้อยก็หลังจากที่ผมได้หลับสักงีบหนึ่ง!
Sponsored Ads
———————
พักหายใจจากเรื่องราวเหนือธรรมชาติ
“ธนา” ผมพูดพลางหมุนแก้วกาแฟที่เหลืออยู่ในมือ “ปีนี้มัน… เหนื่อยเกินไปหน่อยไหม”
ธนาหัวเราะพรืด น้ำอัดลมในมือกระเพื่อมเล็กน้อย “เรียกว่ายุคสมัยแห่งความบ้าคลั่งเถอะ เราสู้กับเครื่องคาราโอเกะผีสิง, เปียโนต้องคำสาป และอย่าลืมประตูมิติสู่ห้วงลึก”
“จริงๆ แล้ว มันแค่ ‘บทโหมโรงสู่ห้วงลึก’ ต่างหาก” ผมแก้ พร้อมกับเคาะนิ้วลงบนขมับ “ของจริงยังรออยู่นะ”
“เยี่ยมไปเลย นี่มันรอภาคต่อสินะ”
ร้านเงียบไปชั่วขณะ เหลือเพียงเสียงเข็มนาฬิกาเดินอย่างช้าๆ กับเสียงพลุที่ดังอยู่ไกลๆ นอกหน้าต่าง
“นายเคยคิดถึงมันไหม?” ธนาพูดขึ้นเบาๆ รอยยิ้มประจำตัวจางหายไปจากใบหน้าเล็กน้อย “หมายถึง… เราเกือบไม่รอดออกมาอยู่หลายครั้ง”
ผมก้มมองแก้วกาแฟในมือ ภาพสะท้อนของตัวเองบิดเบี้ยวอยู่ในน้ำสีดำ
“บ่อยกว่าที่อยากยอมรับซะอีก” ผมพูดเสียงแผ่ว “แต่เรายังอยู่ตรงนี้ใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่” ธนาพยักหน้า รอยยิ้มกลับมาประจำที่ใบหน้าเหมือนรีเซ็ตอัตโนมัติ “เรายังอยู่ตรงนี้ ได้รับบาดแผลทางใจเล็กน้อย รายได้ไม่คุ้มความเสี่ยง แต่เฮ้—เรายังมีชีวิตอยู่!”
ผมยกแก้วกาแฟขึ้น ธนากระแทกกระป๋องน้ำอัดลมของเขากับมันเบาๆ
“เพื่อการเอาชีวิตรอดจากปีนี้” ผมกล่าว
“สู่การต่อสู้ที่มองไม่เห็นและค่าล่วงเวลาที่แสนไร้สาระ!” ธนาเสริม
เสียงหัวเราะของเราดังขึ้นแทรกผ่านความเงียบรอบตัว ก่อนจะจางหายไปพร้อมกับเสียงพลุที่ยังคงกึกก้องอยู่ในฟากฟ้ายามราตรี
อย่างน้อย… ในคืนนี้ เราก็ยังอยู่ตรงนี้ พร้อมที่จะเผชิญกับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงอีกครั้ง
Sponsored Ads
———————
เที่ยงคืนมาถึง
เสียงนาฬิกาดังขึ้นบอกเวลาเที่ยงคืนพอดี เสียงพลุดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า แสงจากดอกไม้ไฟลอดผ่านบานมู่ลี่ ทิ้งเงาลวดลายกระจัดกระจายบนพื้นร้าน
ธนาสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนตะโกนอย่างเกินเบอร์ว่า “สวัสดีปีใหม่ กรุงเทพฯ!” พร้อมเป่าแตรปาร์ตี้เสียงแหลมปี๊ดดังสนั่น
ผมขมวดคิ้ว “จำเป็นต้องดังขนาดนั้นไหม?”
“จำเป็นสุดๆ!”
เราหันไปมองต้นคริสต์มาสจิ๋วบนเคาน์เตอร์ ใต้ต้นไม้นั้นมีของขวัญห่อเล็กๆ วางอยู่ ติดโบว์ระยิบระยับ พร้อมกระดาษโน้ตสีเหลืองที่เขียนไว้ว่า
“ถึง นาวิน & ธนา — ห้ามเปิดก่อนเที่ยงคืน”
ธนาคว้ากล่องมาแล้วฉีกกระดาษห่ออย่างไม่ปรานี รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่
ข้างในกล่องคือรูปปั้นแมวกวักเซรามิกตัวเล็กๆ ขาหน้าถูกยกขึ้น และมีรอยบิ่นเล็กๆ ตรงหูข้างหนึ่ง รอบคอมีสายสิญจน์ผูกเอาไว้
“โหย ดูเจ้าตัวเล็กนี่สิ!” ธนาพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างพลางยกแมวกวักขึ้นส่องกับแสงไฟ “นี่เป็นของสะสมของนายน่ะเหรอ? หรือร้านขายของเก่าอาถรรพ์มาสนับสนุนปาร์ตี้ปีใหม่ของเรา?”
ผมไม่ตอบทันที นิ้วมือแตะไปที่กระดาษโน้ตที่ติดอยู่กับกล่อง
ผมพลิกมันกลับด้าน และเห็นลายมือที่คุ้นเคย—ลายมือที่เรียบร้อย แต่สั่นเล็กน้อย เขียนด้วยหมึกสีจางว่า
“ขอให้โชคดี จากย่าน้อย”
Sponsored Ads
ร่างกายผมแข็งทื่อไปชั่วขณะ
ธนาสังเกตเห็นสีหน้าของผม “เอ่อ… นาวิน? นายโอเคไหม?”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ นิ้วหัวแม่มือไล้ไปตามขอบกระดาษโน้ตเบาๆ “ลายมือนี้… มันเป็นของคนสำคัญ”
“ย่าน้อยใช่ไหม? เธอเป็นลูกค้าของนายเหรอ?” ธนาถามอย่างไม่จริงจังนัก พลางวางรูปปั้นแมวกวักลงบนเคาน์เตอร์อย่างระมัดระวัง
“ไม่ใช่” ผมตอบเสียงเบา “เธอเป็นย่าของฉัน… เธอเสียไปนานแล้ว”
ความรู้สึกหนักอึ้งของความสูญเสียกดทับลงบนบ่าของผม เหมือนมือที่มองไม่เห็นกำลังกดเอาไว้
“โอ้…” รอยยิ้มของธนาจางหายไป เสียงของเขาอ่อนลง “ฉัน… ฉันไม่รู้มาก่อน ขอโทษนะ เธอต้องเป็นคนที่พิเศษมากแน่ ๆ”
“ใช่ เธอเป็นคนพิเศษมาก” ผมตอบพลางจ้องมองไปที่รูปปั้นแมวกวัก “เธอสอนทุกอย่างให้ฉันเกี่ยวกับสายสิญจน์ เครื่องราง ของขลัง และวิธีรับมือกับสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด”
ในช่วงเวลาสั้นๆ แสงเรืองรองรอบสายสิญจน์บนคอแมวกวักดูเหมือนจะเต้นเป็นจังหวะ แผ่วเบาแต่มั่นคง เหมือนจังหวะหัวใจ
“แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ธนาถามขึ้น ทำลายความเงียบ “หมายถึง… มันไม่ใช่ว่าผีจะมาสมัครใช้บริการจัดส่งด่วนได้ใช่ไหม?”
“ฉันไม่รู้” ผมตอบตามตรง “แต่สิ่งนี้เป็นของเธอ ฉันจำลายมือของย่าได้แม่น”
เสียงพลุยังดังต่อเนื่องอยู่ไกลๆ แสงสีสันยังคงทอประกายบนท้องฟ้า แต่ในร้านเล็กๆ แห่งนี้ ความเงียบที่หลงเหลือกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น และความคิดถึงที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้
Sponsored Ads
———————
ช่วงเวลาแห่งการทบทวนเงียบๆ
ชั่วขณะหนึ่ง เราทั้งคู่ไม่พูดอะไรเลย
ร้านเงียบสงบ… สงบนิ่ง
ไม่ใช่ความเงียบสงบแบบน่าขนลุกของอุปกรณ์อาถรรพ์ หรือความเงียบที่มาพร้อมกับความตึงเครียดก่อนบางสิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้น แต่เป็นความสงบที่รู้สึกได้ถึงการมีใครบางคนกำลังเฝ้ามองอยู่—ใครบางคนที่จากไปนานแล้ว แต่ไม่เคยหายไปจริงๆ
“นายคิดว่า… เธอยังอยู่ไหม?” ธนาถามอย่างลังเล พลางจ้องมองไปที่แมวกวักตัวน้อย
ผมพยักหน้าช้าๆ “ใช่ ฉันคิดว่าเธอยังอยู่”
เรานั่งเงียบกันอยู่ตรงนั้น จ้องมองแมวกวักตัวเล็กๆ ที่มีสายสิญจน์เรืองแสงจาง ๆ ภายใต้แสงไฟนีออนของร้าน
“เธอเคยพูดถึงวันปีใหม่อยู่บ่อยๆ นะ” ผมพูดต่อ “เธอบอกว่ามันไม่ใช่แค่การอธิษฐานขอพร แต่มันคือการตั้งใจจริง—การกวาดล้างสิ่งไม่ดีออกไป และเปิดรับสิ่งดีๆ เข้ามา”
ธนาหยิบรูปปั้นแมวกวักขึ้นมาอีกครั้ง มองมันอย่างตั้งใจ “คุณย่าน้อย ถ้าคุณกำลังฟังอยู่… ขอบคุณนะครับ และ เอ่อ… ขอโทษสำหรับมุกตลกแย่ๆ ของผมด้วย”
ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้ “เธอคงจะชอบมุกตลกของนายแหละ เธอชอบคนที่ทำให้คนอื่นหัวเราะได้เสมอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”
รอยยิ้มประจำตัวของธนากลับมาอีกครั้ง “งั้นเรามาตั้งใจให้เจ้าแมวน้อยนี่ช่วยนำโชคให้เราตลอดปีนี้กันเถอะ”
เขาวางรูปปั้นแมวกวักกลับลงบนเคาน์เตอร์อย่างอ่อนโยน ขาหน้าของมันยังคงยกขึ้นอย่างอบอุ่นต้อนรับทุกคนที่ผ่านเข้ามา
Sponsored Ads