NOVEL / The Signal Beyond the Veil · January 3, 2025 0

049-การทำสมาธิ…แห่งความมืด-(ความสงบที่มืดมิดสลายไป)

แสงแดดยามเช้าส่องผ่านถนนแคบ ๆ ของกรุงเทพฯ ทอดเงายาวที่ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อเทียบกับความมืดมิดที่ผมต่อสู้มาเมื่อคืนก่อน ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่ร้าน จอดรถในที่ประจำและแปลกใจไม่น้อยที่เห็นนิดยืนรออยู่ ดูมีสุขภาพดีขึ้นเป็นสิบเท่าเมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเธอ

Sponsored Ads

เธอคงสังเกตเห็นความประหลาดใจในสายตาผม เลยยิ้มออกมาเล็กน้อย “หวังว่าฉันจะไม่มาเช้าเกินไปนะ” เธอพูดพร้อมหัวเราะเล็กๆ อย่างเขินอาย

“พิจารณาว่าผมยังไม่ทันได้เปิดร้านเลยเนี่ย เรียกว่ามาไวมาก” ผมตอบ ขณะกระโดดลงจากมอเตอร์ไซค์และล้วงหากุญแจร้านจากในกระเป๋า “คุณรู้สึกเป็นไงบ้าง?”

“ดีขึ้นค่ะ” เธอตอบด้วยเสียงที่ชัดเจนกว่าครั้งก่อน “เมื่อคืนรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างหลุดออกไป ตื่นเช้ามาแล้วก็…รู้สึกเหมือนเป็นตัวเองอีกครั้ง”

ผมไขกุญแจ เปิดประตูและชวนเธอเข้ามาข้างในพร้อมเปิดไฟ ร้านที่เต็มไปด้วยของสะสมแปลก ๆ และชั้นที่เต็มไปด้วยของวางเกะกะ กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นในเช้านี้ เหมือนกับว่าพื้นที่นี้รับรู้ถึงชัยชนะที่เกิดขึ้น

เมื่อเข้ามาข้างใน ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์ที่ผมวางเจ้า aAirs ไว้ ตอนนี้มันปลอดจากอิทธิพลของครูบาสวรรค์แล้ว ผมหยิบเคสเล็ก ๆ ขึ้นมาแล้วยื่นให้เธอพร้อมรอยยิ้ม

“นี่ครับ” ผมพูดยื่นให้เธอ aAirs ของคุณได้ผ่านการขับไล่วิญญาณแล้วล่ะครับ แต่ผมไม่แนะนำให้ใช้ฟังการทำสมาธินำอีกนะ อาจจะฟังเพลงแทนจะดีกว่า”

Sponsored Ads

นิดรับเคสไว้ด้วยความระมัดระวัง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโล่งใจและขอบคุณขณะพลิกมันไปมาในมือ “ขอบคุณนะคะ” เธอพึมพำเสียงเบา “จริง ๆ แล้วฉันคงมองสิ่งนี้แบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว”

“โทษเธอไม่ได้หรอก” ผมตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปาก “แต่ผมว่าเธอควรจะหลีกเลี่ยง ‘อุปกรณ์ผ่อนคลาย’ พวกนี้ไปอีกสักพักนะ ลองหาวิธีที่ปลอดคำสาปดูก่อน เช่น นั่งสมาธิ โยคะอะไรแบบนี้…”

นิดหัวเราะ ลูบผมพลาง สายตาของเธอที่เคยเต็มไปด้วยเงามืดกลับมาสดใสอีกครั้ง “ฉันว่าฉันจะพักจากการ ‘ผ่อนคลายอย่างล้ำลึก’ ไปก่อนดีกว่า”

“ดีแล้ว” ผมว่า “หรือจะกระตุ้นร่างกายด้วยโยคะก่อนนอนก็ได้นะ แต่ผมดูจากท่าทางตอนนี้แล้ว ร่างกายของคุณน่าจะต้องการเตียงนอนมากกว่า”

เธอหัวเราะ เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วสดใสจนบรรยากาศรอบ ๆ ดูเบาขึ้น ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มกลับไป การได้เห็นเธอแบบนี้ ครบถ้วนสมบูรณ์และไม่ถูกพันธนาการอีกต่อไป ทำให้ความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันคุ้มค่า

“ขอบคุณนะ นาวิน” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง “ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงถ้าไม่มีคุณ”

“แค่ทำหน้าที่ให้คนกรุงเทพฯ พ้นจากการผ่อนคลายแบบวันโลกาวินาศก็เท่านั้น” ผมตอบ “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ มันเป็นส่วนหนึ่งของงาน”

เธอยิ้มให้ครั้งสุดท้ายก่อนเก็บเจ้า aAirs ไว้ในกระเป๋าแล้วเดินออกไปจากร้าน ขณะที่เธอเดินออกไป ผมรู้สึกได้ถึงความสงบที่กระจายไปทั่วบริเวณ เหมือนกับว่าอากาศเองก็ดูเบาขึ้น เงาก็ดูอ่อนลง แต่แน่นอนว่าความสงบนี้คงอยู่ได้ไม่นาน

Sponsored Ads

———————

โทรศัพท์จากผู้บัญชาการหลิน

มันเป็นเวลาค่ำแล้ว ใกล้ถึงเวลาปิดร้าน เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น ชื่อผู้บัญชาการหลินกระพริบอยู่บนหน้าจอดิจิทัล ผมหยิบขึ้นมาพร้อมเตรียมรับคำทักทายแบบตรงไปตรงมาอย่างที่เธอมักทำ

“นาวิน” เธอพูด เสียงแผ่วเบาแทรกด้วยเสียงกิจกรรมรอบ ๆ เหมือนเธอกำลังโทรจากห้องควบคุมของหน่วยม่าน

“หลิน” ผมตอบ “โทรมาแสดงความยินดีที่ผมจัดการปัญหาลัทธิของกรุงเทพฯ คนเดียวใช่ไหม?”

เธอแค่นเสียงหัวเราะ แต่มีแววขบขันเล็กน้อย “ถ้า ‘จัดการคนเดียว’ หมายถึงสร้างเสียงดังให้ฉันต้องมาจัดการเก็บกวาด งั้นก็ใช่ ขอแสดงความยินดีด้วย”

ผมแทบจะมองเห็นเธอกำลังยิ้มเยาะ และผมก็กลอกตา “แล้วหน่วยม่านของคุณขุดอะไรเจอหรือเปล่า?”

“เราตามหา aAirs ที่ขายออนไลน์เจอได้หลายอัน” เธอตอบเสียงจริงจัง “ดูเหมือนอิทธิพลของครูบาสวรรค์จะแพร่หลายกว่าที่คิด มีร่องรอยคำสอนของเขาแฝงอยู่ในทุกอัน เหมือนเขาพยายามเข้าถึงคนจำนวนมาก”

“แปลว่ามีร่องรอยของเขาทิ้งไว้ในเทคโนโลยีด้วย” ผมพึมพำกับตัวเองมากกว่าตอบเธอ

“ถูกต้อง คำสอนของเขาถูกออกแบบมาให้ฝังในจิตใจของใครก็ตามที่ใช้เจ้านั่น แต่เราสกัดอุปกรณ์ส่วนใหญ่ไว้ได้ ต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อชำระล้าง แต่ตอนนี้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว”

Sponsored Ads

มีความเงียบครู่หนึ่ง แล้วเธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงติดตลกเล็ก ๆ ซึ่งไม่ค่อยได้ยินจากเธอ “งั้นฉันจะส่งบิลค่าจัดการเจ้า aAirs ต้องสาปพวกนี้ให้คุณได้ไหม? หรือจะให้ฉันไปเก็บค่าปรึกษาที่ร้าน?”

“โอ้ แน่นอน ผมจะไปหยิบเงินใต้โต๊ะก้อนใหญ่ที่ซ่อนไว้หลังร้านมาจ่ายให้เลย” ผมตอบแบบประชด “หรือจะจ่ายเป็นสายสิญจน์ดี? ผมมีเยอะเลยนะ”

หลินหัวเราะเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเกือบจะไม่เต็มใจ “เก็บของของคุณไว้เถอะ นาวิน และคราวหน้าถ้าเจออะไรอันตรายแบบนี้ โทรหาฉันก่อน อย่ารอจนเข้าไปกลางปัญหาแล้วค่อยขอความช่วยเหลือ”

“ไม่ต้องฝันเลย” ผมตอบ แม้เราทั้งคู่รู้ว่ามันเป็นคำโกหก

หลังเธอวางสาย ผมรู้สึกโล่งใจอย่างแปลก ๆ หน่วยม่านจัดการกับเศษเสี้ยวของอิทธิพลของครูบาสวรรค์ได้อย่างน้อยก็ในตอนนี้ กรุงเทพฯ จะได้นอนหลับอย่างสบายขึ้นสักคืน และบางที ผมเองก็เช่นกัน

Sponsored Ads

———————

อยู่คนเดียวในร้าน

เมื่อการโทรสิ้นสุดลงและค่ำคืนเริ่มเข้าครอบคลุม ผมมองไปรอบ ๆ ร้านที่เงียบสงบ ปล่อยให้ความรู้สึกหนักอึ้งของช่วงสองสามวันที่ผ่านมาแทรกซึมเข้ามา ผมเผชิญหน้ากับวิญญาณของเจ้าลัทธิที่บิดเบี้ยว ต่อสู้กับคำสาปโบราณที่ฝังอยู่ในอุปกรณ์ไฮเทค และเรียกทีมของผู้บัญชาการหลินเข้ามาจัดการผลกระทบที่ตามมา

มันเป็นชีวิตที่แปลกประหลาด เป็นงานที่ไม่ค่อยมีใครขอบคุณหรือเห็นคุณค่าเท่าไร แต่ขณะที่ผมนั่งอยู่ที่นั่น ร้านสว่างไสวด้วยแสงไฟริมถนนนอกหน้าต่าง ผมรู้สึกถึงความพึงพอใจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงหรือโชคลาภเลย นี่คืองานที่ผมควรทำ งานที่ทำให้เมืองนี้—และบางทีโลกใบนี้—ปลอดภัยขึ้นแม้คนส่วนใหญ่จะไม่รู้เลย

เสียงเคี้ยวขนมดังขึ้นขัดจังหวะช่วงเวลาไตร่ตรองของผม ผมหันไปเห็นธนานั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน กินมันฝรั่งทอดจากถุงที่เขาไปค้นมาจากตู้เก็บขนมในร้าน

“นายอยู่ที่นี่มาตลอดเลยเหรอ?” ผมถามพลางเลิกคิ้ว

เขายักไหล่ ยิ้มทั้งที่ปากยังเต็มไปด้วยมันฝรั่งทอด “ฉันคิดว่านายอาจต้องการคนช่วยดึงสติ แถม Wi-Fi ที่นี่ก็ดีกว่าที่บ้านฉันอีก”

“ดีใจที่ฉันได้เป็นบริการสาธารณะ” ผมพูดพร้อมกับกลอกตา

Sponsored Ads

ธนากินมันฝรั่งทอดคำสุดท้ายเสียงดังลั่น แล้วเช็ดมือกับกางเกง “พูดถึงเรื่องบริการสาธารณะ นายต้องดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้จริง ๆ นะ ฉันพูดจริง”

“ฉันสบายดี” ผมตอบ เอนตัวพิงเคาน์เตอร์ “ฉันเพิ่งช่วยกรุงเทพฯ รอดจากหายนะเทคโนโลยีวิญญาณ นั่นน่าจะนับว่าเป็นการออกกำลังกายแล้วนะ”

เขาส่ายหัว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโบกไปมาเหมือนมันเป็นคำตอบของจักรวาล “ไม่ ๆ นายต้องกินสมูทตี้ มีร้านในห้างที่ทำสมูทตี้สุขภาพดีสุดๆ ใส่ผักโขม เมล็ดเจีย แล้วอาจเพิ่มมะม่วงนิดหน่อยเพื่อความอร่อย นายจะชอบมันแน่ ๆ”

“ฉันยอมสู้กับโทรศัพท์ต้องสาปอีกเครื่องดีกว่า” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

ธนาไม่สนใจผม เขาเริ่มพิมพ์อะไรบางอย่างในโทรศัพท์ “ฉันจะส่งที่อยู่ร้านให้ ขอบคุณฉันทีหลังได้”

“นายสนใจสุขภาพฉันขนาดนี้เลย?”

“ก็ต้องมีสักคนสิ” เขาพูดด้วยท่าทางจริงจังแบบแกล้ง ๆ “ฉันปล่อยให้นายล้มลงจากความเหนื่อยก่อนสู้กับผีครั้งหน้าไม่ได้หรอก แล้วถ้าขาดนาย กรุงเทพฯจะเป็นอย่างไร?”

“คงจะมีความสงบสุขขึ้นเยอะ” ผมพึมพำ แต่ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้

Sponsored Ads

———————

ความคิดที่ค้างคา

แม้ว่าเรื่องสมูทตี้ของธนาจะดูน่าขำ แต่เขาก็ไม่ได้ผิดเสียทีเดียว ไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้ผมเหนื่อยล้าสุด ๆ บางทีการเริ่มดูแลตัวเองสักนิดก็คงไม่ทำให้ตาย หรือบางทีมันอาจจะทำก็ได้ ยากจะบอกได้กับคำแนะนำของธนา

ก่อนเขาจะเดินออกไปพร้อมกับกระเป๋า ธนาหันกลับมาชี้ที่ผม “จริงจังนะ ไปกินสมูทตี้ นายจะขอบคุณฉันทีหลัง”

“ฉันจะคิดดู” ผมตอบ โบกมือส่งเขาออกไป ประตูดังกรุ๊งกริ๊งปิดตามหลัง เหลือเพียงความเงียบอีกครั้ง

ผมพิงเคาน์เตอร์ ไขว้แขนพลางยิ้มมุมปาก “ทำงาน ทำงาน ทำงาน… ตอนนี้มีสมูทตี้เป็นเพื่อนระหว่างการสู้วันสิ้นโลก”

และเมื่อไฟถนนดวงสุดท้ายข้างนอกเริ่มกระพริบดับ ผมก็รู้ว่าไม่ว่าความยุ่งเหยิงประหลาดครั้งต่อไปที่จะเข้ามาในร้านคืออะไร ผมก็พร้อมรับมือ—อาจจะพร้อมสมูทตี้สักแก้วในมือด้วยก็ได้