วีซีดีกระตุกอีกครั้ง ตอนที่ดวงตาของซากุระเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า ฉันเอื้อมไปเคาะเครื่องเล่นเบา ๆ เหมือนปลุกเพื่อนที่หลับในรถเมล์จนเลยป้าย หน้าจอสั่นนิดหน่อย ก่อนจะกลับมาอยู่ตัว เหมือนฉันปีนี้ ไม่ถึงกับพัง แค่ยังสั่นอยู่หน่อย ๆ
Sponsored Ads
ตอนแรกฉันไม่ได้คิดว่าอนิเมะนี้จะทำให้เจ็บ ฉันนึกว่ามันจะน่ารัก ไม่เป็นพิษเป็นภัย แล้วก็มีจังหวะเปลี่ยนคีย์ให้จับใจตอนแต่งเพลง แต่แล้วเธอก็กล่าวคำลา ไม่ใช่แบบระเบิดอารมณ์ หรือหายวับไปกับแสงแฟลร์ แค่… จางไป เหมือนลมหายใจที่ยังอุ่นอยู่ในห้อง แล้วจู่ ๆ ก็หายไป
ฉันขีดเขียนในสมุด ยังไม่ใช่เนื้อเพลง แค่คำที่ติดค้างเหมือนเศษฝุ่นในกระเป๋า
“ใครบางคนที่เจอได้อีกทีแค่ในฝัน”
“สีอ่อน ๆ แต่ความทรงจำนั้นชัดเจน”
“เสียงที่ยังได้ยินเมื่อตอนฝนตก”
ลาเต้นอนขดอยู่บนแฟ้มสัญญา ToSi เขาทำแบบนี้มาแล้วสี่วันติด ถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าเขากำลังวิจารณ์อยู่เงียบ ๆ หรือแค่บังเอิญ อาจจะทั้งคู่ เขาขยับตัวนิดหน่อย พอให้ขนปกหน้าวันที่เดดไลน์ไว้
พัดลมหน้าต่างส่งเสียงก๊อกแก๊ก ข้างนอก นิวสยามยังคงเดินหน้าต่อไปเหมือนไม่รู้ ว่ามีใครสักคนเพิ่งนึกถึงบางอย่างที่พยายามลืมมาตลอด
ฉันกดย้อนฉากนั้นอีกครั้ง ซากุระยืนอยู่ในทุ่ง ไม่มีเวทมนตร์ ไม่มีชุดแปลงร่าง มีแค่เสียง พากย์ไทยแบบดิบ ๆ ยังไม่ขัดเกลา แต่ตรงไปตรงมา เหมือนกำลังพูดคำขอโทษ โดยไม่ใช้คำว่าขอโทษ เหมือนจดหมายที่ไม่เคยส่ง
เพลงนี้ ต้องเป็นแบบนั้น
ฉันเปิดหน้ากระดาษใหม่
🎶 “ได้เจอครั้งสุดท้ายตอนที่ดูรูปถ่าย และเมื่อหลับตาครั้งใดยังเห็นเธอ
กอดเธอในฝัน ฉันน้ำตาล้นเอ่อ สุขเพียงได้เจอในจินตนาการ” 🎶
ฉันหยุดมือไว้แป๊บ ลาเต้ไม่หยุด เขากะพริบตาช้า ๆ แบบมีนัย
ฉันกดหยุดภาพ freeze frame ของฉากสุดท้ายในอนิเมะ ซากุระยืนอยู่กลางลานว่าง มือกำการ์ดสุดท้าย สีหน้าไม่ยิ้ม แต่จริงจัง
🎶” แม้เพลงนี้เธอไม่ได้ฟัง ทุกทุกคำที่เคยบอกไว้
งดงามแม้ยิ่งห้ามใจ ฉันจำได้เสมอ” 🎶
🎶” ที่เธอเคยบอกฉัน อย่าร้องไห้ อยู่ให้ได้ถ้าเธอไม่อยู่
โปรดรับรู้เธอยังอยู่ในใจ ที่เธอเคยบอกฉัน อย่าร้องไห้
อยากขอโทษที่ทำไม่ได้ ที่วาดไว้ด้วยกัน จากนี้ฉันต้องฝันคนเดียว” 🎶
ปลายปากกาวางค้างอยู่อย่างนั้นอีกพักใหญ่ มันยังไม่เสร็จดี แต่มันไม่ใช่ “งาน” อีกแล้ว มันเป็นอะไรบางอย่างที่อยู่ระหว่างคำขอโทษกับความทรงจำ บางอย่างที่เบาจนเหยียบแล้วอาจไม่รู้ตัว แต่มันก็ยังสำคัญ แม้จะถูกเปิดฟังอยู่เงียบ ๆ ในห้องของใครสักคน ในขณะที่แมวแกล้งทำเป็นไม่ได้ฟัง
ลาเต้หาว ขากรรไกรเหยียดเต็มพิกัด วีซีดีกระตุก และฉันกดเล่นอีกครั้ง
Sponsored Ads
———————
สถาปัตยกรรมของอารมณ์
Starbean เงียบพอให้ได้ยินเสียงถ้วยกาแฟขูดเบา ๆ บนโต๊ะห่างออกไปสองช่วง
ดีแล้ว ดุจดาวชอบห้องที่ความเงียบช่วยทำหน้าที่แทนคำพูด
เธอมาตรงเวลา แต่กรณ์มาถึงก่อนแล้ว นั่งอยู่ริมกระจก มือหนึ่งวางบนสมุดโน้ต อีกมือจับแก้วอเมริกาโน่อุณหภูมิกลาง ๆ สมุดปิดอยู่ นั่นก็บอกอะไรได้บางอย่าง
เธอนั่งลงโดยไม่เกริ่น มีเพียงการพยักหน้าเบา ๆ ที่แลกเปลี่ยนกัน ไม่อบอุ่น ไม่เย็นชา ใช้การได้ นับว่าเป็นความคืบหน้า
เธอวางเครื่องเล่นมินิดิสก์ไว้ตรงกลางโต๊ะ ราวกับเป็นแฟ้มปิดผนึกขนาดเล็ก
“นี่ไม่ใช่เดโม” เธอพูดเสียงเรียบ “แค่… สถาปัตยกรรมของอารมณ์”
กรณ์เลิกคิ้วนิดหนึ่ง เธอชอบตรงนี้ของเขา การต่อต้านของเขาไม่ประกาศตัว มันแค่เอียงศีรษะ เหมือนรอฟัง
“ToSi ให้คอมโพสเซอร์ในทีมลองร่างไว้ ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีเนื้อ แค่เปียโน… แค่ความรู้สึก”
เธอไม่ดันเครื่องเล่นไปทางเขา ปล่อยให้ความเงียบเป็นคนส่งต่อ กรณ์ยังไม่แตะเครื่องทันที เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนกำลังถามถนน ว่ามีคำตอบสำหรับเพลงอยู่ตรงนั้นไหม มีแค่มอเตอร์ไซค์หนึ่งคัน กับหมาตัวหนึ่งที่ดูไม่แน่ใจว่าจะไปไหน
“ฉันไม่ได้ให้คำแนะนำแก่คุณ” เธอเสริม “แค่แนวโน้มของแรงดึงดูด เผื่อคุณอยากมีอะไรให้หมุนรอบ”
เขากะพริบตาหนึ่งที
เธอมองดูเขาสวมเฮดโฟน ใหญ่ หนัก ไม่ทันสมัย นั่นก็บอกอะไรได้เหมือนกัน เขาฟังโดยไม่แสดงสีหน้า สองนาทีเต็ม แล้วฟังอีกครั้ง พอถึงนาทีที่สาม เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ ไม่ใช่เพราะตกใจ ไม่ใช่เพราะซึ้ง แค่ยืนยันสิ่งที่เขาน่าจะรู้มาก่อนแล้ว
เขาไม่พูดอะไร เธอก็ไม่จำเป็นต้องได้ยิน
ดุจดาวละสายตาลงมาที่เอสเปรสโซของตัวเอง ไม่ใส่น้ำตาล ไม่เติมนม เธอชอบเครื่องดื่มแบบเดียวกับที่เธอชอบศิลปิน ขมพอให้รู้ว่านี่คือของจริง
“ตัวอนิเมะเอง” เธอพูดขึ้นหลังจากนิ่งอยู่พัก “มันแบกความเศร้ามากกว่าที่คนจำกันได้”
กรณ์พยักหน้าช้า ๆ เหมือนคนกำลังหมุนลูกกุญแจด้วยความระมัดระวัง
“พวกเขาต้องการสองเพลง เพลงแรกตอนนี้ อีกเพลงทีหลัง” เธอกล่าว “แต่เพลงแรก… ควรจะฟังเหมือนใครบางคนกำลังพูดในสิ่งที่ไม่เคยได้พูด นั่นแหละคือเหตุผลที่มีแทร็กนี้อยู่”
เขาถอดหูฟัง ยังไม่ยิ้ม ยังไม่ปฏิเสธ
“ฉันต้องอนุมัติเนื้อเพลงไหม?” เธอถาม
“ไม่”
เธอนิ่ง
“แต่คุณจะได้มัน” เขาเสริม “ในวันนั้น”
“ดี” เธอพูด พร้อมกับลุกขึ้นยืน “แค่นั้นพอแล้ว”
มินิดิสก์ยังคงอยู่บนโต๊ะ ก่อนเธอหันหลังเดินจากไป เธอสังเกตเห็นนิ้วของเขาแตะบนปกสมุดโน้ต ยังไม่เปิด แค่ปลุกให้ตื่น
ในชั่วขณะนั้น เธอรู้สึกว่าขอบบางอย่างเริ่มเคลื่อน ไม่ใช่ความไว้ใจ ยังไม่ถึง แต่มันคือการขยับ และในธุรกิจนี้ แค่ความเคลื่อนไหว แม้จะเงียบ ก็มีความหมายมากพอแล้ว
Sponsored Ads
———————
ส่วนที่อยู่ที่นั่นเสมอ
พัดลมเสียงดังคลิกทุกสิบเจ็ดวินาที ฉันจับเวลาไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ลาเต้อยู่บนลำโพงอีกแล้ว หางของเขางอเป็นเครื่องหมายคำถามที่ไม่ได้หวังคำตอบ
ครึ่งหนึ่งของเขาหลับ อีกครึ่งจ้องมาทางฉัน หรืออาจจะจ้องไปที่เวลาเองก็ไม่แน่
สมุดโน้ตเปิดอยู่ หน้าต่างก็เปิดอยู่ แต่ไม่มีลม มีแค่กลิ่นฝุ่นผสมไฟฟ้าบางอย่าง กลิ่นแบบที่เหมือนกำลังรอใครสักคนเริ่มสารภาพ หรือไม่ก็พูดบทบรรยายชีวิตออกมาสักบท
ฉันกดเล่นไกด์เปียโนบนคีย์บอร์ด รุ่นที่เขาทำมาสำหรับเด็ก หรือไม่ก็สำหรับคนที่จิตใจเปราะบาง ทุกคีย์ฟังดูเหมือนพลาสติกนิ่ม ๆ ที่แกล้งทำเป็นสำคัญ คีย์ C ตรงกลางดีเลย์นิดหน่อย คีย์ G บางทีกดทีเดียวแต่ขึ้นสอง นั่นคือบุคลิกของมัน เท่าที่มันมีให้
ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังฮัมตาม นิ้วค่อย ๆ หารูปร่างของทำนอง มันลอยขึ้นนิ่ม ๆ แล้วก็ค่อย ๆ เอียงลง เหมือนพยายามไม่ให้ใครสังเกต
ฉันไม่จำได้ว่าตอนไหนเขียนทำนองนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนไหนเรียนมัน แค่รู้… ว่าฉันรู้
Cakewalk เวอร์ชั่นแครกแฮงค์ตอนจะอัดเสียง มันบอกว่าเมมไม่พอ แถมหาไฟล์ DLL ไม่เจอ ฉันรีบูต รอ แล้วเริ่มใหม่อีกครั้ง
ในที่สุด ฉันก็อัดผ่านได้หนึ่งเทค ไม่สมบูรณ์ แต่เรียบร้อย เสียงฉันทับกับเสียงเปียโนในแทร็กเดียว ไมค์ถูก ๆ ไม่มีฟิลเตอร์ ฉันโกหกตัวเองว่าเรียกมันว่า “ดิบ” ก็ได้
แล้วบางอย่างก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่แรงบันดาลใจ ไม่ใช่น้ำหลากที่ทะลักเข้ามา แต่มันเหมือนการพลิกหน้าไปอีกหน้า แล้วพบว่า ลายมือนั้น… เป็นของฉันอยู่แล้ว
ฉันกดหยุดภาพ freeze ของฉากที่ซากุระยืนอยู่คนเดียว แต่ไม่เหมือนคนที่ว่างเปล่า
ฉันเขียนต่อ
🎶 “บรรจงวาดฝันให้งดงามเหมือนเก่า สุขเกิดเพียงเราถ่วงทุกข์ให้จมดิ่ง
เพียงแค่ตื่นนั้นก็เลือนรางทุกสิ่ง เพราะความเป็นจริงนั้นมีบางสิ่งที่จากไป” 🎶
ลาเต้กระโดดลงจากลำโพง เสียงตุบเบา ๆ เขาเดินช้า ๆ แล้วกระโจนขึ้นมาบนคีย์บอร์ด
อุ้งเท้าของเขากดลงตรงแป้น sustain พอดี เสียงคอร์ดที่ฉันเล่นอยู่จึงพร่าขึ้นเล็กน้อย พอให้ฉันต้องหยุด
ฉันหัวเราะเบา ๆ ไม่ใช่เพราะมันขำ แต่เพราะมันใช่
ฉันเขียนต่อ
🎶”แต่ว่าเธอไม่ได้มาส่งถึงฝั่งฝันไกล นานแค่ไหนยังคงวาดไว้ว่าเรามีกัน” 🎶
ฉันหยุดอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะเขา แต่เพราะมัน… อยู่ที่นั่นแล้ว
ฉันปิดสมุดโน้ต
ไม่ใช่เพราะเพลงเสร็จแล้ว แต่เพราะ “ส่วนที่หายไป”… มันกลับมา
ลาเต้หมุนตัวหนึ่งรอบบนคีย์บอร์ดแล้วทิ้งตัวลงในท่าก้อนขนมปังกลางแป้นพอดีเป๊ะ
พัดลมส่งเสียงดังคลิกอีกครั้ง สิบเจ็ดวินาที ยังตรงเวลา
อย่างอื่น… จะมาช้าก็ช่างมัน
Sponsored Ads
———————
ส่งก่อนที่มันจะเลือน
ฉันเปิดเพลงฟังอีกรอบ ไม่มีเอฟเฟกต์ ไม่มีเทคสอง มีแต่เสียงคีย์ที่เพี้ยนเล็กน้อย กับเสียงร้องที่ไม่ได้วอร์มลำคอ ท่อนสูงของเปียโนแบนราบไปนิด ไมโครโฟนมีเสียงซ่าเบา ๆ
เหมือนเพลงพาใครบางคนที่มองไม่เห็นมาด้วย
ฉันพอจะล้างเสียงพวกนั้นออกได้ แต่ฉันไม่ทำ
ชื่อไฟล์ยังเป็นภาษาไทยอยู่เลย:
waadwai_guide01_FINALmaybe.wav
มันยังไม่ได้ Final มันก็ไม่ใช่ อาจจะ แต่มัน… เพียงพอ
ฉันพิมพ์อีเมลช้า ๆ ไม่ใช่เพราะไม่รู้จะพูดอะไร แต่เพราะรู้แน่ ๆ ว่าอะไรที่ไม่ควรพูด
Subject: demo file – “วาดไว้”
To: [email protected]
Attachment: waadwai_guide01_FINALmaybe.wav
Structure:
• Verse 1
• Pre-Chorus
• Chorus
• Verse 2
• Pre-Chorus
• Chorus
• Bridge
• Final Chorus
Note:
ทำนองตั้งใจให้ลอยเบา ๆ ไม่มีโน้ตโชว์พลัง ไม่มีจุดพีก บอกนีน่าว่าไม่ต้องพยายามให้เทคเป๊ะ แค่… ให้นึกถึงใครบางคนก็พอ ถ้าเสียงสั่นนิด ๆ ก็ช่างมัน นี่คือเพลงสำหรับคนที่ไม่มีทางได้ฟังอยู่แล้ว
ขอบคุณ
K.
ฉันจ้องหน้าจอ เคอร์เซอร์กระพริบอยู่ตรงปลายบรรทัด ดูมั่นใจกว่าฉันเสียอีก
ลาเต้เดินข้ามพื้นห้องมาอย่างไม่เร่งรีบ แล้วหยุดนั่งลงข้าง ๆ ลำโพงฝั่งซ้าย
ไม่ตรงกลางดี ๆ แต่ก็ไม่ได้หายไปไหน
ฉันคลิก “ส่ง” อีเมลออกไปเหมือนลมหายใจที่กลั้นไว้นานเกินไป
ไม่มีความโล่งอก ไม่มีชัยชนะ มีแค่ความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เหมือนอะไรบางอย่างในตัวฉันขยับไปข้างหน้าเล็กนิด ในขณะที่ส่วนอื่น ๆ ยังยืนอยู่ที่เดิม
ฉันปิดคอมพิวเตอร์ ข้างนอกมีรถขับผ่าน เปิดเพลงที่ฉันไม่รู้จัก
ข้างในกลับมาเงียบอีกครั้ง เหลือแค่เสียงพัดลม และความรู้สึกบางอย่าง เหมือนจะมีใครอีกคน… กำลังจะได้ยินในสิ่งที่ฉันไม่เคยพูดออกมา
Sponsored Ads
BOWKYLION