เขาไม่ได้จุดบุหรี่ในครั้งนี้ แค่จ้องเคอร์เซอร์ที่กะพริบบนหน้าจอดำสนิท
หม่อมหลวงหมูกรอบ ณ เสียงแหลม คนที่เคยเชือดอัลบั้มเป็นชิ้น ๆ ด้วยประโยคที่คมกว่ามีดผ่าตัด ตอนนี้เขียนด้วยจังหวะที่คล้ายความทรงจำมากกว่าความเห็น
Sponsored Ads
“ความทรงจำสีจาง”
เขาเกลียดชื่อนี้ อ่อนเกินไป ปลอดภัยเกินไป แต่ท่วงทำนองกลับวนเวียนในหัว เหมือนเงาจากอีกเส้นเวลา
“ถ้าเพลงนี้คือเสียงสุดท้ายของใครบางคน เราก็ควรจะฟังมันให้จบ แม้เราจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด”
ประโยคนั้นลอยเข้ามาก่อนสิ่งอื่น เขาไม่ลบมัน เขาไม่เอ่ยชื่อ แต่เขาถาม
“ถ้าชื่อนั้นยังสะกดว่า ธนากร เราอาจต้องถามว่า เขายังเขียนด้วยหัวใจ หรือแค่ยืมมันมาขาย”
เขากดบันทึก เอนหลัง แล้วพึมพำกับความว่างเปล่า
“ขอให้ใครคนนั้นยังอยู่ตรงนั้น…แม้เสียงเขาจะเบาเกินกว่าจะได้ยิน”
—
อีกฟากหนึ่งของเมือง แก้วเก๊กฮวยยังวางอยู่เฉย ๆ จนน้ำชาเย็นชืด มะลิ วาณิชกุล จ้องหน้าจอตัวเอง ไม่ใช่เพราะกำลังคิด แต่เพราะเธอใส่ใจกับมันจริง ๆ
คอลัมน์ของเธอถูกจัดหน้ารอพิมพ์แล้ว เธอมักตรวจรอบสุดท้ายด้วยตัวเองเสมอ
“เจ้าหญิงคนต่อไป”
เธอไม่ได้เขียนเพื่อตอบโต้ใคร โดยเฉพาะไม่ใช่หมูกรอบ
เธอแค่เห็นบางอย่างในแววตาของเด็กสาวคนนั้น ไม่ใช่แสงวิบวับที่ศักดินาฯ พยายามแปะเข้าไป แต่เป็นอะไรบางอย่าง…ก่อนหน้านั้น
“เทพนิยายบางเรื่องไม่มีเจ้าชายมาช่วย มีแต่เด็กสาวที่เขียนตอนจบของตัวเอง”
เพลงนี้ไม่ใช่บทเพลงที่สมบูรณ์แบบ แต่มันถูกถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่ในเชิงเทคนิค แต่ในเชิงความรู้สึก
ณิชมน สิริภักดิ์ ไม่ได้ร้องเหมือนอยากให้ใครได้ยิน เธอร้องเหมือนไม่สนว่าใครจะฟัง ขอแค่คำพูดจะหลุดออกมา
“บทเพลงนี้ไม่ได้เขียนเพื่อใคร แต่มันคือบันทึกที่เด็กสาวเขียน เพื่อให้ตัวเองในอนาคตได้ย้อนกลับมาอ่านเจอ”
ไม่มีชื่อว่าใครแต่งในเครดิต คงมีใครบางคนต้องเป็นคนเขียนแผนไว้ในทำนองนั้น
“ไม่มีชื่อคุณในเครดิต แต่หากคุณคือคนที่เขียน ขอบคุณที่ได้ยินเสียงของเธอ ก่อนใคร”
Sponsored Ads
———————
ประกายรัก บนสายโมเด็ม
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเขียนเพลงรักนะ พูดตามตรงฉันแค่ตั้งใจจะผัดวันประกันพรุ่งไปแบบสงบ ๆ ToSi ขอเพลงแทรกเพลงที่สอง อะไรที่โรแมนติกหน่อย ชวนฝัน เหมือนเพลงแรก “วาดไว้” แต่ให้มีความอึดอัดที่ค้างคาเล็กน้อย และความเหงาแบบอนิเมะปรุงมาหนึ่งหยด
ดังนั้น แน่นอน ฉันก็ทำในสิ่งที่นักแต่งเพลงที่ไม่มีชีวิตรัก เป็นหนี้หัวโต และเต็มไปด้วยปมในใจจะทำ
ฉันเปิด Internet Explorer
เสียงโมเด็มแผดออกมาเหมือนผีหญิงโดนโทรศัพท์บ้านบีบคอ ลาเต้ไม่แม้แต่จะกระดิกหู เขาอยู่เหนือการตอบสนองแบบมนุษย์ไปแล้ว เขาแค่ลืมตาข้างเดียว สีทองเรืองแสง แล้วเฝ้าดูฉันก่อบาปทางศิลปะอีกหนึ่งข้อในเวลา 01:07 น.
“หาข้อมูล” ฉันประกาศอย่างองอาจ แล้วพิมพ์ ‘Sakura Syaoran love story’ ลงใน Pantip ฟอรั่มที่เอาไว้หมักหมมความรู้สึก
กระทู้แรกที่ขึ้นมาคือ
“ใครรักใครก่อน – ซากุระ หรือเชารัน?”
แน่นอนว่ามันคือคำถามประเภทที่มาทำลายเราตอนตีหนึ่งกว่าแบบไม่มีเยื่อใย
ฉันคลิกทันที
ผู้ใช้ [KeroKero_Chan] “ตอนที่ 50 เชารันหน้าแดงตอนซากุระเล่นไวโอลินนะ! เขาแพ้ตั้งแต่ตรงนั้นแหละ”
ผู้ใช้ [CherryBlossom99] “ฉันว่าเธอรักเขาตั้งนานแล้ว แต่กลัวจะเสียมิตรภาพ ตอนที่ 69 ที่เชารันจะกลับฮ่องกง… ไม่มีใครพูดอะไรเลย มันคือ *อยากรู้… แต่ไม่อยากถาม* ชัด ๆ “
ผู้ใช้ [ClowNote] “การไม่พูดอะไร ไม่ได้แปลว่าไม่รู้สึก บางทีมันเจ็บกว่าอีกนะ อยากรู้… แต่ไม่อยากถาม ถ้าเธอไม่รู้สึกเหมือนกัน ฉันจะทำยังไงกับหัวใจตัวเอง เธอจะมีใจหรือเปล่า”
ฉันกระพริบตา
บรรทัดสุดท้ายนั้น มันแค่ประโยคที่ใครบางคนพิมพ์ไว้ น่าจะตอนตีสอง น่าจะไม่ได้เขียนให้ใคร แต่มันอยู่นิ่งอยู่บนหน้าจอ เหมือนฮุกเพลงที่ยังรอคอร์ดมารองรับ
ฉันเขียนมันลงในสมุดเพียงบรรทัดเดียว
“อยากรู้… แต่ไม่อยากถาม”
มันไม่ใช่ของฉัน แต่บางทีมันก็ *อาจ* เป็นบางอย่าง ถ้าฉันยอมให้มันเป็น
ฉันเงยหน้าขึ้น ลาเต้ยังนอนแผ่อยู่บนแผ่นรองเมาส์ ขาหน้ากระตุกเบา ๆ เหมือนเขากำลังแต่งฮุกที่ดีกว่าอยู่ในฝัน
“ก็ได้” ฉันพึมพำ “เริ่มจากตรงนี้ก็แล้วกัน”
เขาไม่ขยับ แต่เสียงพัดลมที่เคยเอี๊ยดอ๊าดก็เงียบลง
บางที… แค่นั้นก็มากพอที่จะนับว่าเป็น “สัญญาณ”
Sponsored Ads
———————
เขียนกับคำถามที่ยังค้างอยู่
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเขียนจบ แต่เพลงมันไม่เคยถามหรอกว่าเราพร้อมหรือยัง โดยเฉพาะเพลงที่เกิดจากคอมเมนต์ตอนดึกในบอร์ดออนไลน์ ประโยคจากโพสต์นั้นยังเปิดค้างอยู่บนหน้าจอ
“อยากรู้… แต่ไม่อยากถาม ถ้าเธอไม่รู้สึกเหมือนกัน ฉันจะทำยังไงกับหัวใจตัวเอง เธอจะมีใจหรือเปล่า*
มันไม่ใช่ประโยคดัง ไม่มีเครดิต แค่ลอยอยู่ในอากาศของอินเทอร์เน็ตยุคก่อนบรอดแบนด์ แต่กลับกระแทกเข้ามาเหมือนความทรงจำที่ฉันยังไม่เคยมี
ท่อนแรกตามมาเอง ไม่สวยงาม แต่ซื่อสัตย์
🎶 “ได้ชิดเพียงลมหายใจ แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน แค่เพื่อนเท่านั้น แต่มันเกินห้ามใจ” 🎶
ฉันเคาะจังหวะเบา ๆ ที่ขอบโต๊ะ จังหวะมันมาเอง เงียบ และเหมือนกำลังขอโทษ
ท่อน Pre-chorus
🎶 “อะไรที่อยู่ในใจก็เก็บเอาไว้ มันมีความสุขแค่นี้ก็ดีมากมาย “🎶
ลาเต้กระตุกตัวเล็กน้อย เหมือนกำลังตัดเกรดสัมผัสคำคล้อง
“โอเค รับไว้พิจารณา” ฉันพึมพำ
แล้วฉันก็วนกลับมาท่อนฮุก ท่อนที่ฉันไม่ได้เขียนเอง แต่กลับรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของ
🎶 “เธอจะมีใจหรือเปล่า เธอเคยมองมาที่ฉันหรือเปล่า ที่เราเป็นอยู่นั้นคืออะไร เธอจะมีใจหรือเปล่า มันคือความจริงที่ฉันอยากรู้ติดอยู่ในใจ แต่ไม่อยากถาม “🎶
มันไม่ดราม่า และก็ไม่จำเป็นต้องเป็น มันแค่พูดความจริงออกมาเฉย ๆ
ฉันจ้องหน้ากระดาษเงียบ ๆ ยังไม่ได้เปิดคีย์บอร์ด ยังไม่ได้กดอัดเสียง ยังไม่แม้แต่จะเปิด Cakewalk มาสร้างโครงเพลง
แต่เพลงมันก็อยู่ตรงนั้น หายใจเบา ๆ ครบถ้วนในตัวเอง
ลาเต้ลุกขึ้น เดินข้ามหน้าสมุด แล้วมานั่งทับบนท่อนฮุก
“เลือกเก่งนะเรา” ฉันบอก “ท่อนนี้แหละ ที่คนจะทำพังถ้าหลุดก่อนปล่อยจริง”
เขากระพริบตาช้า ๆ หนึ่งที ไม่แยแส แบบฉบับของการอนุมัติจากสิ่งเหนือมนุษย์
ฉันไม่ได้ยิ้ม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องยิ้มเหมือนกัน
Sponsored Ads
———————
ไม่ใช่แค่การจัดจำหน่าย
แบบฟอร์ม metadata กระพริบตอบกลับมาอย่างนิ่งงัน ดุจดาวไม่รีบ เธอไม่ค่อยรีบอยู่แล้ว ปลายนิ้วลอยเหนือแป้นพิมพ์ ขณะที่เคอร์เซอร์กะพริบรออยู่ใต้ช่องว่างที่ยังไม่ถูกแตะต้อง
ผู้แต่งเนื้อร้อง / ทำนอง
เธอพิมพ์มันลงไปทันที
“Lyric & Melody: กรณ์”
แค่นั้น
ไม่มีชื่อจริง ไม่มีนามสกุล ไม่มีเลขสัญญา ไม่มีคำอธิบายใด ๆ แค่ชื่อที่มีความหมายทุกอย่าง… กับคนที่ควรรู้ และไม่มีความหมายเลยสำหรับคนที่ไม่ควรรู้
เธอเอนหลัง อ่านข้อความนั้นซ้ำ ปล่อยให้ความหนักของมันค่อย ๆ กดลง มันไม่ใช่ข่าวประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่ข่าวหลุดลงสื่อ แต่มันคือสิ่งเล็ก ๆ ที่เงียบ…และแม่นยำเกินกว่าคำโฆษณา
มันคือน้ำหมึกหยดหนึ่ง ในกระแสเลือดของวงการ
ข้อมูลชุดนี้จะถูกส่งออกในเช้าวันรุ่งขึ้น ไม่ใช่สู่สาธารณะ แต่ตรงไปยังระบบภายในที่ถูกเลือกไว้ ฐานข้อมูลลิขสิทธิ์ ตารางวิทยุ และอีเมลเบื้องหลังที่ทรงพลังยิ่งกว่าพาดหัวข่าวหน้าแรก
เธอรู้ดีว่าจะเกิดอะไรตามมา
โปรดิวเซอร์บางคนจะชะงัก นักเขียนคอลัมน์สักสองสามคน รวมถึงหมูกรอบ จะเริ่มเชื่อมจุดที่เคยเป็นแค่เส้นร่าง ไม่มีใครพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างน้อย… ยังไม่พูด แต่เสียงกระซิบจะเริ่มต้นขึ้น
“เพลง เจ้าหญิงคนต่อไป นี่กรณ์เขียนจริงเหรอ?”
และในเมืองนี้ เสียงกระซิบไม่เคยเงียบได้นานนัก
———————
สำนักงานเงียบสนิท มีเพียงเสียงจอคอมที่ฮัมเบา ๆ กับเสียงกระทบกันของเซรามิกและโต๊ะไม้ แก้วเก๊กฮวยที่ยังไม่ได้แตะวางอยู่ข้างข้อศอก ข้าง ๆ บทสัมภาษณ์ยังไม่ตีพิมพ์ของ Little Princess
เธอก้มมองคำถามที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้า หนึ่งคำถามสะดุดตา
“ใครเป็นแรงบันดาลใจของเพลงนี้?”
ณิชมนไม่ได้ตอบตรง ๆ ในเทป เธอแค่ยิ้ม แล้วพูดว่า
“มันเหมือนมีใครสักคนเข้าใจฉัน… ก่อนที่ฉันจะเข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ”
คำตอบดี
สะอาด
ใช้ได้
แต่ผู้สื่อข่าวไม่หยุดแค่นั้น พวกเขาไม่เคยหยุด
———————
ดุจดาวไม่ใช่คนขุด เธอคือคน “ปลูก” เธอวางสิ่งต่าง ๆ ไว้อย่างระมัดระวัง แล้วปล่อยให้มันเติบโตในความเงียบ เธอไม่เคยฝืนให้เกิดการเคลื่อนไหว เธอแค่สร้าง “เงื่อนไข” ที่การเคลื่อนไหว… จะหลีกเลี่ยงไม่ได้
กรณ์ไม่เคยขอเครดิต แน่นอนว่าเขาไม่ขออยู่แล้ว แต่เรื่องนี้… มันไม่ใช่แค่เรื่องเครดิต มันคือการกำหนด “กรอบความจริง” ก่อนที่ใครคนอื่นจะทำ
เธอยังจำสิ่งที่นีน่าเคยพูดไว้ได้ ตอนที่พวกเขายังคิดว่า “ความเป็นศิลปิน” จะรอดจากเครื่องจักรนี้ได้
“เพลงไม่จำเป็นต้องตะโกน แค่มันซื่อสัตย์ก็พอ… ถ้ามีคนฟัง… เขาจะรู้เอง”
คำนั้นอยู่กับเธอนาน นานกว่าท่อนเพลงฮิตส่วนใหญ่ที่เคยผ่านมาในชีวิต
เธอมองชื่ออีกครั้ง
กรณ์
สั้น นุ่มนวล คุ้นเคย
มันเหมือนการเปิดประตูไว้แง้ม ๆ ไม่ได้เชื้อเชิญ แต่ก็ไม่ได้ปิดตาย
ก่อนจะกดส่ง เธอเปลี่ยนชื่อไฟล์
จาก `TO51_PRINCESS_v2`
เป็น `TO51_PRINCESS_v2b-k`
รายละเอียดเล็กน้อย แต่เป็นรอยนิ้วมือ ถ้าใครพอจะมองออก
จากนั้นเธอก็กด “Upload”
ปิดโฟลเดอร์
และนั่งนิ่ง
“ไม่ใช่ทุกคนหรอก… ที่ควรอยู่หลังม่านไปตลอด” เธอพึมพำ กับใครก็ไม่รู้ ตอนนี้ชาเย็นแล้ว แต่เจตนา…ยังอุ่นอยู่
Sponsored Ads
Lula, บอมบ์ ยุทธนันท์