ร้านของผมเงียบสงัด มีเพียงเสียงฮัมเบา ๆ ของเครื่องปรับอากาศ ในขณะที่ผมก้มตัวลงจ้องไม้เซลฟี่ โดยในมือข้างหนึ่งถือแว่นขยาย อีกข้างจับพระสมเด็จแน่น QR Code ที่เกือบมองไม่เห็นซึ่งแกะสลักไว้ที่ฐานของไม้เซลฟี่ กลายเป็นจุดสนใจของผม มันเหมือนกับปริศนาที่ท้าทายให้ผมไขความลับ QR Code ควรจะเป็นสิ่งธรรมดา ๆ ใช้เปิดเว็บไซต์หรือเมนู แต่ครั้งนี้กลับแผ่พลังงานบางอย่างที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ และน่ากังวล
Sponsored Ads
ผมเคยได้ยินเรื่องลัทธิที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาร่ายมนตร์โบราณมาก่อน แต่การผูกวิญญาณไว้กับอุปกรณ์ผ่าน QR Code แบบนี้ นั่นถือเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับผม มันทั้งแปลกและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน
ผมสแกนรหัสอีกครั้ง คราวนี้ผมส่งมันไปยังแซนด์บ็อกซ์ในคอมพิวเตอร์ที่ตั้งค่าไว้เพื่อป้องกันความเสียหาย มันอาจดูเหมือนว่าผมระวังมากเกินไป แต่หลังจากเจอเงาลึกลับนั้น ผมไม่คิดจะเสี่ยงอีก
หน้าจอโหลดข้อมูลขึ้นมา เผยให้เห็นตราสัญลักษณ์สีแดงที่บิดเบี้ยว มันเต้นเป็นจังหวะเหมือนมีชีวิต เส้นที่พันกันอยู่ราวกับมีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ข้างใน ใต้สัญลักษณ์มีข้อความเป็นตัวอักษรผสมกันระหว่างสคริปต์โบราณกับตัวอักษรยุคใหม่ ซึ่งคอมพิวเตอร์ของผมไม่สามารถแปลได้ แต่ผมรู้ดีว่ากำลังเจอกับอะไร
“นี่มันสัญลักษณ์ผูกมัด” ผมพึมพำ เอนตัวพิงเก้าอี้
“ดูเหมือนมีคนตัดสินใจผสมคำสาปโบราณกับ Wi-Fi เข้าไว้ด้วยกัน”
Sponsored Ads
———————
ค้นลึกลงไป
ผมเริ่มค้นหาสัญลักษณ์ที่คล้ายกันในอินเทอร์เน็ต สำรวจฟอรั่มและเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยคนที่ชื่นชอบเรื่องลึกลับและพวกที่สงสัยในสิ่งเหนือธรรมชาติ ไม่นาน ผมก็เจอกระทู้ที่พูดถึงลัทธิหนึ่งชื่อ “วงจรสีชาด” แผนการของพวกเขาทั้งแปลกและน่าขนลุก พวกเขาใช้เทคโนโลยีเพื่อดักจับวิญญาณและผูกมัดไว้กับอุปกรณ์ โดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือสร้างสะพานเชื่อมระหว่างคนเป็นและคนตาย เพื่อให้ได้สัมผัส “มิตรภาพชั่วนิรันดร์” ในมิติที่เรียกว่าห้วงลึก
จากข้อมูลที่ผมรวบรวมได้ อุปกรณ์เหล่านี้ถูกสาปด้วยตราผูกมัดอย่างที่ผมเจอ ซึ่งถูกออกแบบมาให้บีบบังคับผู้ใช้ให้โต้ตอบกับมันตลอดเวลา ยิ่งใช้นานเท่าไร การเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้กับวิญญาณก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น จนกระทั่งผู้ใช้ถูกผูกมัดอย่างสมบูรณ์
ขณะที่ผมเลื่อนอ่านกระทู้ต่อไป ผมพบเรื่องราวที่คล้ายกัน อุปกรณ์ที่ซื้อหรือได้รับจากร้านค้าออนไลน์ลึกลับที่หายไปโดยไร้ร่องรอย รูปแบบเหมือนกันทุกครั้ง เริ่มจากอุปกรณ์เทคโนโลยีไฮเทคที่มีรีวิวดีเลิศ แต่จบลงด้วยประสบการณ์ที่น่าขนลุก ผู้ใช้งานบางคนบอกว่าพวกเขารู้สึกเหมือนโดนบังคับให้ใช้อุปกรณ์อยู่ตลอดเวลา ในขณะที่บางคนรายงานว่าเริ่มเห็นเงา ได้ยินเสียงกระซิบ หรือรู้สึกถึงพลังงานเย็นที่เหมือนมีบางสิ่งที่มองไม่เห็นจับจ้องพวกเขาอยู่
หนึ่งในกระทู้ที่น่าขนลุกที่สุดเขียนไว้ว่า
> “ฉันใช้ไม้เซลฟี่นี้ประมาณหนึ่งเดือนก่อนจะเริ่มรู้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ ตอนแรกมันแค่ภาพถ่ายแปลกๆ แต่หลังจากนั้นเงาดำก็เริ่มปรากฏอยู่นอกรูป—บนกำแพง ในกระจก คู่หูของฉันบอกว่ารู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองพวกเราตลอดเวลา เราพยายามจะโยนมันทิ้ง แต่…มันกลับมา เหมือนมันไม่อยากจากไป”
หลังจากนั้นบัญชีของผู้ใช้นั้นก็เงียบหายไป ไม่มีการอัปเดตอีกเลย
Sponsored Ads
———————
ติดต่อเหยื่อ
ผมตัดสินใจติดต่อไปยังคนที่เคยโพสต์ร้องเรียนเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ถูกสิง หลังจากค้นหาข้อมูล ผมเจอผู้ใช้หลายคนที่โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ ไม้เซลฟี่ พร้อมกับประสบการณ์ที่คล้ายกันอย่างน่าขนลุก หนึ่งในนั้น เป็นผู้ชายชื่อชัย เขาตอบกลับและยอมพูดคุยกับผม เขาดูประหม่า แม้แต่ตอนวิดีโอคอล ใบหน้าซีดเผือดเหมือนคนที่ไม่ได้หลับเต็มอิ่มมาหลายสัปดาห์
“มันเริ่มจากรูปถ่าย,” ชัยพูดด้วยเสียงเบาและระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าบางสิ่ง—หรือบางคน—อาจได้ยิน “ตอนแรกมันก็แค่เงาเบลอ ๆ อยู่ในพื้นหลัง ผมคิดว่าเป็นแค่บั๊กหรือรอยเปื้อนที่เลนส์”
ผมโน้มตัวไปข้างหน้า ถือปากกาเตรียมจดในสมุดโน้ต “แล้วเมื่อไหร่ที่คุณรู้ว่ามันไม่ใช่แค่บั๊ก?”
ชัยเหลือบมองข้างหลัง สายตาของเขาวนเวียนอยู่ที่เงามืดในห้องอย่างหวาดระแวง “ตอนที่เงานั้นเริ่มปรากฏอยู่นอกภาพถ่าย ตอนแรกผมเห็นมันในกระจกหน้าต่าง หรือยืนอยู่ตรงมุมห้อง ทั้งที่ไม้เซลฟี่ยังไม่ได้ถูกใช้งาน มันไม่ได้อยู่แค่ในรูปถ่ายอีกต่อไป แต่มัน… อยู่ที่นี่”
ความหนาวเย็นวาบแผ่ขึ้นมาตามกระดูกสันหลังของผม แต่ผมยังคงคุมเสียงตัวเองให้มั่นคง “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับไม้เซลฟี่?”
Sponsored Ads
“ผมพยายามจะกำจัดมัน,” ชัยพูด ขณะถูมือไปมาราวกับกำลังพยายามทำให้ตัวเองอุ่น “ผมโยนมันทิ้งไป แต่วันรุ่งขึ้นมันก็กลับมา—วางอยู่บนโต๊ะทำงานเหมือนเดิม ไม่มีรอยอะไรเลย เหมือนผมไม่เคยแตะมันด้วยซ้ำ ผมทุบมัน เผามัน และถึงอย่างนั้น… มันก็ยังอยู่”
ผมตัวเกร็ง “คุณยังมีมันอยู่?”
เขาพยักหน้า กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก “ใช่ แต่มันแย่ลงกว่าเดิม ตอนนี้เงานั้นไม่ได้อยู่แค่ในไม้เซลฟี่แล้ว มันอยู่ในบ้าน ตามผมไปทุกที่ จ้องมองผม ผมหนีมันไม่ได้”
“ทำไมคุณไม่—” ผมหยุดคิด พิจารณาวิธีพูดอย่างนุ่มนวล “ทำไมคุณไม่เรียกใครมาช่วยจัดการมัน?”
ชัยหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาแห้งแล้งและขื่นขม “ผมจะเรียกใคร? ช่างไอที? ตำรวจ? ไม่มีใครเชื่อว่าไม้เซลฟี่ผีสิงกำลังทำลายชีวิตผมหรอก”
ผมรู้สึกว่าท้องไส้ปั่นป่วนขณะจดเรื่องราวของเขาลงในสมุด “ระวังตัวนะชัย,” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งแต่หนักแน่น “ถ้าคุณเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเอง—เช่นรู้สึกอยากใช้มันบ่อยขึ้น หรือรู้สึกเหมือนอยู่ห่างจากมันไม่ได้—โทรหาผมทันที”
สายตาของเขาเหลือบไปที่เงามืดด้านหลังอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะลดเสียงลงจนแทบกระซิบ “ถ้าคุณกำลังสืบเรื่องนี้… ระวังตัวด้วยนะนาวิน พวกมันไม่ชอบให้ถูกรบกวน”
Sponsored Ads
ผมวางสายแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ ขณะที่พยายามประมวลผลสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เรื่องราวของชัยชวนขนลุก แต่ก็ไม่ได้เป็นกรณีที่แตกต่างออกไปมากนัก ยิ่งผมค้นลึกเข้าไปในฟอรั่มออนไลน์และข้อร้องเรียนอื่น ๆ ผมก็ยิ่งเจอเหยื่อคนอื่นที่เล่าประสบการณ์ในลักษณะเดียวกัน ทุกอย่างเริ่มต้นเหมือนกัน—อุปกรณ์ใหม่เอี่ยมที่ดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง จากนั้นก็เกิดเงาในรูปถ่าย ความรู้สึกเหมือนถูกจับตามอง และในที่สุด ความรู้สึกบีบบังคับที่ทำให้ต้องใช้อุปกรณ์นั้นอยู่ตลอดเวลา
บางคนบอกใบ้ถึงจุดจบที่น่ากลัวกว่า บางบัญชีหายเงียบไปอย่างไร้ร่องรอย คนอื่นๆ เล่าว่าเงาไม่ได้แค่ปรากฏในภาพถ่าย แต่เริ่มแสดงตัวในโลกจริง แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ใช้งานไม้เซลฟี่คำสาปนั้น
นี่ไม่ใช่แค่การสิงธรรมดา พวกลัทธิวงจรสีชาดได้ทิ้งบางสิ่งไว้—ร่องรอยที่ผูกพันกับห้วงลึก มันแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่อุปกรณ์ถูกใช้งาน สัญลักษณ์ผูกมัดของพวกเขาไม่ใช่แค่คำสาป แต่มันคือคำเชิญ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อดึงทั้งคนเป็นและคนตายเข้าสู่การเชื่อมโยงอันบิดเบี้ยว
และตอนนี้ การเชื่อมโยงนั้นได้กลายเป็นปัญหาของผมแล้ว
“ดูเหมือนว่าการติด’แกรมจะกลายเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติแล้วสินะ,” ผมพึมพำ ขณะยกมือขึ้นนวดขมับ
Sponsored Ads
———————
ความลับของ QR Code
ผมกลับมาที่ไม้เซลฟี่ ทำการวิเคราะห์ QR Code อีกครั้ง สัญลักษณ์ที่บิดเบี้ยวเหมือนจะเปลี่ยนรูปร่างภายใต้แสงของสแกนเนอร์ ราวกับว่ามันมีชีวิต ขณะที่ผมมองเข้าไปใกล้ขึ้น ผมรู้สึกถึงจังหวะเต้นเบา ๆ เหมือนหัวใจ พลังงานมืดที่แผ่ออกมาจากลวดลาย
สัญลักษณ์เริ่มเรืองแสงเบา ๆ บนหน้าจอ เส้นที่ไขว้กันค่อย ๆ บิดไปเป็นรูปร่างที่ผมจำได้จากการค้นคว้า มันคือหนึ่งในสัญลักษณ์ผูกมัดของวงจรสีชาด
เมื่อจังหวะของพลังงานเริ่มเต้นแรงขึ้น เงาดำก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่บนหน้าจอ แต่ในเงาสะท้อนของแล็ปท็อป มันลอยอยู่ข้างหลังผม ดวงตาที่กลวงว่างเปล่าของมันจ้องมองตรงมาที่ผม รูปร่างของมันชัดเจนกว่าครั้งก่อน
ลมหายใจผมสะดุด อากาศในห้องเริ่มหนักอึ้งไปด้วยพลังงานเย็นยะเยือก
“แกนี่ขยันจังนะ” ผมพึมพำ กำพระสมเด็จรอบคอแน่น ความอบอุ่นแผ่ออกมา ผลักดันความเย็นที่ปกคลุมห้องออกไป
เงาดำยังคงอยู่ รูปร่างของมันกระพริบไปมาเหมือนภาพที่ไม่ชัดเจน ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปในมุมมืดของร้าน แต่ความรู้สึกที่มันทิ้งไว้—เหมือนเสียงสะท้อนของความมุ่งร้าย—ยังคงอยู่
ผมจ้องมองไปที่สัญลักษณ์บนหน้าจอที่ตอนนี้เต้นเป็นจังหวะคงที่ และตระหนักว่าการเดิมพันเพิ่มสูงขึ้นแล้ว นี่ไม่ใช่แค่คำสาปธรรมดาวงจรสีชาดไม่ได้ล้อเล่น พวกมันสร้างสายสัมพันธ์นี้ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ถูกทำลายง่าย ๆ
Sponsored Ads
———————
น่าตื่นเต้น
ผมเอนตัวพิงเก้าอี้ จังหวะการเต้นของ QR Code บนหน้าจอเริ่มช้าลง พลังงานของมันเสถียรขึ้น—แต่ความอึดอัดในอกผมยังไม่หายไป เงาดำกลับมาแข็งแกร่งขึ้น กล้าขึ้น ราวกับว่าสัญลักษณ์นั้นดึงดูดมันให้เข้ามาใกล้ผมทุกวินาทีที่ผมพยายามไขความลับของมัน
ผมกำหมัดแน่น ขณะที่ความคิดในหัวหมุนวนด้วยคำถาม เหยื่อมีอีกกี่คนที่ตกเป็นเหยื่อของเทคโนโลยีต้องคำสาปนี้? วงจรสีชาดขยายอำนาจไปไกลแค่ไหน? และสำคัญที่สุด… ผมจะตัดสายสัมพันธ์นี้ได้อย่างไรโดยไม่เปิดประตูให้สิ่งที่เลวร้ายกว่านี้ข้ามผ่านมา?
ตอนนี้ ผมมีแค่เศษเสี้ยวของคำตอบ—และเงาที่ดูจะสนใจการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของผมมากเกินไปแล้ว