บาร์โฮสต์สาทรแท็ปรูมปิดก่อนเวลาเพื่อทำการซ่อมแซม สร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้าระดับไฮโซที่เดินออกไปพร้อมเสียงบ่นพึมพำ บอสหนูล็อกประตูตามหลังพวกเขา ทิ้งให้บาร์ที่สว่างไสวด้วยแสงนีออนเงียบสงัดอย่างน่าขนลุก
Sponsored Ads
ผมยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ เครื่องมือต่างๆ วางกระจัดกระจายอย่างเป็นระเบียบอยู่ข้าง ๆ เครื่อง POS สีดำเงา พื้นผิวของมันยังคงอุ่นเล็กน้อยใต้ปลายนิ้วของผม ราวกับเครื่องยนต์ที่เพิ่งดับไป
“มาดูกันให้ชัด ๆ” ผมพึมพำ หยิบไขควงขึ้นมาเพื่อเปิดฝาครอบ
บอสหนูยืนอยู่ใกล้ ๆ พลางบิดมือไปมา “ต้องเปิดมันจริง ๆ เหรอ? ถ้าเปิดแล้วมันแย่ลงล่ะ?”
ผมเลิกคิ้ว “แย่กว่าเครื่องที่สร้างโปรไฟล์ผีพนักงานที่ไม่เคยเลิกงานอีกเหรอ? ถ้าเป็นไปได้แบบนั้น คุณอาจต้องคิดใหม่เรื่องการเป็นเจ้าของบาร์นะ”
เขาถอยไปพร้อมหัวเราะแห้ง ๆ ขณะที่ผมเปิดฝาครอบออก ใต้เปลือกมันเงาคือกลุ่มสายไฟและแผงวงจรที่ยุ่งเหยิง แต่สิ่งหนึ่งดึงดูดสายตาผมทันที รอยสัญลักษณ์เลือนลางบนแผงวงจร มันซับซ้อนและดูจงใจ
ผมโน้มตัวเข้าไปใกล้ หายใจสะดุดเมื่อเห็นสัญลักษณ์เหล่านั้นส่องแสงแผ่ว ๆ ใต้ไฟนีออนในบาร์
“สัญลักษณ์” ผมพูดออกมา เหมือนพูดกับตัวเอง
“สัญลักษณ์?” บอสหนูถาม ขณะชะโงกหน้ามาดู
“คิดซะว่ามันเป็นกราฟฟิตี้เวทมนตร์ แต่ร้ายแรงกว่า” ผมตอบ “ของพวกนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงพลังงานวิญญาณเข้ากับอุปกรณ์ดิจิทัล ใครก็ตามที่ทำแบบนี้ เขาไม่ได้ต้องการแค่บริหารสินค้า แต่เขาต้องการบริหาร…วิญญาณ”
บอสหนูหน้าซีด “แบบนี้หมายความว่าอะไรกับบาร์ของผม?”
ผมหยิบสมุดใบลานของย่าน้อยออกจากกระเป๋า สมุดใบลานโบราณที่ผมเก็บไว้สำหรับเคสแบบนี้โดยเฉพาะ เปิดไปยังหน้าที่มีรูปแบบสัญลักษณ์ตรงกับบนแผงวงจร
“นี่” ผมชี้ไปยังแผนภาพ “เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม มันถูกออกแบบมาเพื่อชักนำพลังงานเข้าไปในเครื่องและเก็บไว้ เครื่อง POS ของคุณไม่ได้แค่พัง แต่มันเป็นกับดักวิญญาณ”
Sponsored Ads
———————
ผีใน POS
เสียงฮัมเบา ๆ ของเครื่อง POS ดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผมเปิดมันอีกครั้ง หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมภาพกระพริบ ผมต้องดูว่าความผิดปกตินั้นลุกลามไปไกลแค่ไหน
อินเทอร์เฟซปรากฏขึ้นตามปกติอยู่ประมาณห้าวินาที ก่อนจะเริ่มมีการกระตุก—เงาจาง ๆ คล้ายร่างมนุษย์ปรากฏและหายไปบนหน้าจอ
จากนั้น อุณหภูมิในห้องก็ลดลง
ที่หางตาของผมมองเห็นความเคลื่อนไหว ร่างผีที่เลือนลางเริ่มปรากฏขึ้นทีละคน เหมือนภาพโฮโลแกรมที่ถูกฉายผิดเพี้ยนกลางอากาศรอบ ๆ บาร์ รูปร่างของพวกเขาเป็นเส้นขอบที่ไม่สมบูรณ์ เหมือนชิ้นส่วนบางอย่างหลุดหายไประหว่างการเคลื่อนย้ายมาสู่โลกนี้
แต่ละร่างเคลื่อนไหวอย่างกระวนกระวาย ปากเปิดปิดโดยไม่มีเสียง มือที่ขาดวิ่นพยายามไขว่คว้าบางสิ่ง
บอสหนูถอยหลังจนเกือบชนเก้าอี้ล้ม “นี่—นี่มันอะไร?”
“วิญญาณ” ผมตอบผ่านฟันที่กัดแน่น “ดูเหมือนพวกเขาจะติดอยู่ระหว่างที่นี่กับที่ที่พวกเขาจากมา”
ร่างผีเริ่มชัดเจนขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทุกข์ทรมาน เสียงของพวกเขาซ้อนทับกันจนกลายเป็นเสียงโหยหวนที่ทำให้หัวผมปวดตุบ ๆ
Sponsored Ads
ผมมองเห็นความตื่นตระหนกในใบหน้าของบอสหนูขณะที่เขามองจากร่างผีไปยังลูกค้าที่เหลือในร้านซึ่งยังไม่ได้ออกไป พวกเขากระซิบกระซาบกันด้วยความหวาดกลัวอยู่ตามมุมห้อง
ผมคิดอย่างรวดเร็วและหันไปทางลูกค้าแล้วพูดเสียงดัง “นี่เป็นการทดสอบครับ! ทดสอบระบบไฟและเสียงใหม่สำหรับโชว์พิเศษ ทุกอย่างอยู่ในความควบคุม!”
“ในความควบคุม?” บอสหนูขู่กระซิบใส่ผม “นี่เรียกว่าอยู่ในความควบคุมเหรอ?”
ผมเหลือบมองเขาอย่างดุ ๆ แล้วหันกลับมาทำงานต่อ ผมเปิดสมุดใบลานที่วางอยู่ข้างตัวอย่างรวดเร็ว วาดยันต์ปกป้องลงบนกระดาษเช็ดปาก แล้วกดมันลงบนเครื่อง POS ร่างวิญญาณเรืองแสงกระพริบอย่างรุนแรง รูปร่างพวกเขาเริ่มเลือนหายไปบ้าง แต่ก็ยังไม่จางหายไปทั้งหมด
บอสหนูวิ่งเข้ามาหาผม เสียงเขาต่ำและร้อนรน “นาวิน นี่มันแย่มาก ธุรกิจผมจะเจ๊งแน่ เราต้องปิดมันทั้งหมดเดี๋ยวนี้เลย!”
“เห็นด้วย” ผมตอบ “ปิดบาร์ซะ ไม่มีข้อยกเว้น”
บอสหนูลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าแล้วรีบไล่ลูกค้าที่เหลือออกจากร้าน
Sponsored Ads
———————
คำเตือนแบบโฮโลแกรม
เมื่อบาร์ว่างเปล่าในที่สุด ห้องดูเหมือนจะกว้างขึ้น ความเงียบกลับกดดันอย่างน่ากลัว ร่างผีเรืองแสงยังคงล่องลอยอยู่ที่ขอบของแสงรอบ ๆ เครื่อง POS เหมือนพวกมันถูกผูกมัดไว้กับเครื่องนี้
“นี่ไม่ใช่แค่ระบบเสียธรรมดา” ผมพึมพำกับตัวเอง ลูบผมตัวเองอย่างเครียด ๆ “นี่มันคือสัญญาณเรียก”
อุณหภูมิลดลงอีกครั้ง น้ำค้างแข็งค่อย ๆ คืบคลานไปตามขอบกระจกหลังบาร์ ร่างเหล่านั้นนิ่งสงบ ใบหน้าที่กระพริบติด ๆ ดับ ๆ ของพวกเขาหันไปทางเครื่อง POS พร้อมกันอย่างน่าขนลุก
ทันใดนั้น เครื่อง POS ส่งเสียงแหลมสูง หน้าจอกระพริบอย่างรุนแรงก่อนจะดับสนิท
“ไม่ ไม่ ไม่” ผมพึมพำ พยายามกดปุ่มเพื่อรีบูตเครื่องอย่างไร้ผล
เมื่อหน้าจอกลับมาสว่างอีกครั้ง ข้อความเดียวที่เยือกเย็นและสะกดทุกสายตาปรากฏขึ้นมา
[กะสุดท้ายเริ่มต้นแล้ว]
เสียงแตกดังสนั่นเหมือนเสียงฟ้าร้องในพายุสะท้อนก้องไปทั่วบาร์ ร่างผีพุ่งเข้ามาใกล้ แสงไฟเหนือศีรษะเริ่มกระพริบถี่ ๆ
ผมคว้าสายสิญจน์จากกระเป๋าออกมา เริ่มมัดเป็นวงป้องกันรอบเครื่อง POS ในขณะที่สายสิญจน์เรืองแสงอ่อน ๆ ร่างผีจึงถอยกลับ จางหายไปในเงามืดอีกครั้ง
บอสหนูวิ่งเข้ามาหาผม ใบหน้าซีดเผือด “เราจะทำยังไงต่อ?”
ผมดึงปมสายสิญจน์ให้แน่น หัวใจเต้นระรัว “ตอนนี้เราต้องหาว่า ‘กะสุดท้าย’ หมายถึงอะไร—และเราต้องหยุดมันก่อนจะเริ่มขึ้น”
แต่ในขณะที่พูดประโยคนั้น ความรู้สึกไม่สบายใจกลับเกาะกุมในท้องผม สิ่งที่เริ่มต้นเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายที่จะหยุดด้วยแค่ปมเชือกหรือเครื่องราง
บางสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นกำลังรออยู่ในเงามืด และเวลาของเรากำลังหมดลงทุกที
Sponsored Ads