เสียงตามสายที่สถานีรถไฟกรุงเทพฯ อภิวัฒน์ไม่ได้ส่งเสียงแบบตะโกนเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้มันแค่ “ฮัม” เบา ๆ ทุกอย่างในที่นี่… ดูจะ “ฮัม” ไปหมด
Sponsored Ads
ตั้งแต่พื้นหินอ่อนที่สะอาดเกินกว่าจะไว้ใจได้ ไปจนถึงเพดานทรงโดมที่พยายามแสร้งทำเป็นเสียงไม่ก้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ยื่นตั๋วให้โดยไม่มองชื่อด้วยซ้ำ
“ห้องโดยสารสัตว์เลี้ยง โบกี้ 2A ด้านท้าย ซ้ายมือหน้าต่าง”
ราวกับมันเป็นแค่วันจันทร์อีกวัน ราวกับการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ถูกร้อยด้วยเส้นประสาทเส้นสุดท้ายที่กำลังจะขาด
กระเป๋าแคปซูลของลาเต้แกว่งเบา ๆ จากแขนฉันขณะเดินขึ้นรถไฟ เขาไม่ส่งเสียง
บางทีเขาอาจรู้สึกได้ หรือบางทีเขาอาจตัดสินใจประท้วงการเดินทางครั้งนี้ด้วยความเงียบ
โบกี้ 2A เย็น สะอาด และเงียบเกินจำเป็น มีสี่ที่นั่งต่อแถว เบาะหนังเทียม พร้อมโบรชัวร์เคลือบพลาสติกจาก RB51 เรื่อง “การสนับสนุนสัตว์เลี้ยงที่มีความซับซ้อนทางอารมณ์”
ลาเต้มองแค่แว่บเดียว แล้วมุดหน้าซุกผ้าเช็ดตัวในกระเป๋า
เราได้แถวนั้นทั้งแถวนั่งคนเดียว อีกฟากมีเด็กวัยรุ่นหญิงพาชินชิล่าในเป้ทรงกลมใส ถัดไปสองแถว ฝรั่งเกษียณพยายามติดสินบนหมาปั๊กที่กรนอยู่ด้วยขนมเนื้อ แต่หมาก็ไม่เอา
ฉันมองนาฬิกา เหลืออีกไม่กี่นาทีก่อนออก รถไฟยังไม่ขยับ แค่ “ถอนหายใจ” หนึ่งที
ฉันหยิบมือถือขึ้นมา จ้องหน้าจอ จ้องอีกนิด จากนั้นก็กด “แม่” แล้วโทรออก
เธอรับสายตอนกริ่งดังไปสามครั้ง เสียงสายซ่า เป็นแบบนั้นประจำเวลาคุยจากบ้าน
“…กรณ์เหรอ?”
ฉันกลืนน้ำลาย ลาเต้ขยับตัวในกระเป๋าหมือนไม่อยากเกี่ยวด้วย
“ครับแม่… ผมอยู่บนรถไฟแล้วนะ สายนอร์ธฟรีด้อม ออกจากกรุงเทพตอนหกโมงเช้า จะถึงเวียงป่าเป้าประมาณทุ่มครึ่ง ถ้ารถไม่แวะต้มมาม่าระหว่างทางนะครับ”
ความเงียบยาวกว่าที่ฉันอยากให้เป็น แต่สั้นกว่าที่ฉันสมควรได้รับ
“ได้สิ… เดี๋ยวจะให้วัตน์ไปรับ”
แค่นั้น ไม่มีคำถาม ไม่มีบ่น ไม่มีประชด มีแต่ “จัดการเรื่องให้แล้ว” และนั่น… มันจึงเจ็บปวดน้อยกว่าอย่างอื่น
เมื่อก่อน ฉันเคยคิดว่าเธอไม่สน แต่บางที…ความเงียบแบบนี้อาจเป็น “วิธีของเธอ” เหมือนระบบรดน้ำที่ไม่พูด แต่ทำงานตอนตีห้า เหมือนพี่วัฒน์ที่ซ่อมของทุกอย่างโดยไม่บ่น เหมือนแป้งที่ชอบแกล้งเฉย แต่เก็บทุกเทปที่ฉันเคยส่งกลับบ้าน
บางทีครอบครัวนี้ไม่เคยรอให้ฉันกลับไป “ขอโทษ” แค่รอให้ฉัน “กลับมาฟัง”
รถไฟกระตุกเบา ๆ เราเริ่มเคลื่อน
ฉันวางโทรศัพท์ลงช้า ๆ ราวกับมันจะกัดมือ
ฉันหยิบแล็ปท็อป — Toshiba Dynabook RB51 Edition เครื่องใหม่ของฉัน ขึ้นมา
เปิดหน้าเปล่า
พิมพ์หนึ่งบรรทัด:
“เธอไม่ถามว่าทำไม”
จากนั้นก็ปิดเครื่อง
เพราะบางความเงียบ… มันไม่ควรถูกเติมเต็ม
ลาเต้ยื่นจมูกออกมาจากช่องตาข่าย สูดกลิ่นอากาศรีไซเคิล สีหน้าเขาดูไม่ประทับใจ
ซึ่งฉันก็เข้าใจดี
“สิบสองชั่วโมงนะเพื่อน” ฉันกระซิบ “ขอแค่ไม่กัดใครก็พอ”
ไฟในโบกี้กระพริบหนึ่งที ขณะที่รถไฟเร่งความเร็ว ภาพเมืองข้างนอกละลายกลายเป็นกระจก เหล็ก และความทรงจำ ฉันหลับตา นับวินาทีระหว่างสถานี แล้วรอให้ภูเขากลับมาในสายตา
Sponsored Ads
———————
นิราศบนรางเหล็ก
เสียงล้อรถไฟเข้าจังหวะแล้ว เสียงแกรก-แกรกเบา ๆ ไม่ดังจนรบกวน แต่พอจะซึมซับลงไปถึงเส้นเลือด
ลาเต้เลิกจ้องชินชิล่าแล้ว ม้วนตัวกลายเป็นก้อนขนแบบเงียบ ๆ ที่เต็มไปด้วยคำตัดสิน
ฉันถือว่านั่นคือ อนุญาตให้คิด
ฉันจึงพยายามเขียนเพลง แต่ไม่เวิร์ก เลยเขียนแบบนี้แทน
📖 “นิราศรักเดินทางไปตามฝัน
จำจากจรไปสู่ถิ่นจิตผูกพัน
เริ่มไหวหวั่นว้าวุ่นกระตุ้นใจ
ใจมันเต้นเป็นจังหวะกระสับกระส่าย
ด้วยนัดหมายเดินทางกระจ่างใส
โอ้ละหนอ…โอละเห่…โอ้เอ้ไป
สู่สถานีรถไฟด้วยยินดี”
ฉันหยุดมอง นี่ไม่ใช่งานเขียนที่ขายซิงเกิ้ลได้แน่ ๆ แต่ก็เป็นของจริง ฉันเอนหลัง ปล่อยให้แรงสั่นสะเทือนจากรางรถไฟช่วยคิดแทนครึ่งหนึ่ง
ด้านนอก ทุ่งนาไหลกลายเป็นแม่น้ำ เสาโทรศัพท์เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ เหมือนความเสียใจที่ฉันไม่อาจลืม แต่ก็ไม่อยากเถียงด้วยอีกแล้ว
📖 “สถานี “กรุงเทพ” เป็นนามชื่อ
นามระบือ “หัวลำโพง” ตามวิถี
อุดมเอกแรกเริ่มแต่เดิมที
ปิยราชจักรีสถาปนา
โดมสไตล์อิตาเลียนให้เรียนรู้
ศิลปะคู่เรอเนสซองส์ปรารถนา
ศิลาอ่อนสลักลายล้วนงามตา
นาฬิกามโหฬารตระการใจ”
“ก็ไม่เลวแฮะ” ฉันพึมพำ
ลาเต้หาวทั้งที่ยังไม่ลืมตา
รถไฟเลยนครสวรรค์ไปหน่อย พ่อค้าเข็นรถผ่านมาขายชาอู่หลงเย็น กับมะม่วงแช่อิ่ม
ฉันส่ายหน้าแบบไม่ต้องคิด บนรถไฟแบบนี้…ถ้าไม่อยากถูกจำได้ ก็อย่าซื้ออะไร
ฉันเปิดโน้ตใหม่ พิมพ์บรรทัดที่เหมือนจะเป็นท่อนฮุกได้
“ทุกสถานีที่ผ่านไป ยังถามอยู่เสมอว่าทำไมถึงจากมา”
แล้วก็ลบออก
ความเป็นจริงคือ:
ฉันไม่ได้จากบ้านเพราะอยากหนี แต่เพราะบ้านไม่เคยเชื่อในสิ่งที่ฉันอยากเป็น หรือไม่ก็… ฉันมันแค่ขี้ขลาด ไม่ชอบให้ใครเตือนว่า “ฉันยังไม่ดีพอ” แม้ตอนนี้จะกลับพร้อมเงิน แล็ปท็อป และเพลงที่คนบางกลุ่มเอาไปใช้ประกอบอนิเมะแล้วดังในฟอรั่ม
ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนเด็กคนนั้น ที่ขึ้นรถตอนอายุสิบเจ็ด โดยไม่เคยมองกลับหลังเลย ลาเต้เงยหน้าขึ้นนิดหนึ่ง เจ้าหมาปั๊กแถวสองเริ่มกรนอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วง” ฉันกระซิบ “วันนี้ไม่ได้แต่งเพลงฮิตหรอก”
แต่บางที ก็อาจจะ…เราแค่เขียนบทกวีแบบที่อยู่ได้นานกว่าอันดับในชาร์ตก็เป็นได้
Sponsored Ads
———————
ฝันกลางวันในอุโมงค์ขุนตาน
รถไฟชะลอลง ไม่ใช่เพราะเหนื่อย แต่เพราะ “ความเคารพ” นี่คือ “ขุนตาน”
อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในราชอาณาจักร หรือ… ก็เคยเป็น ก่อนที่อเมริกาจะมาช่วย RB51 ขุดอันใหม่แถวเชียงดาวที่ยาวกว่า 3 เท่า
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมีอะไรบางอย่างที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี เวลาที่ทั้งตู้รถไฟมืดลงพร้อมกัน
เหมือนแม้แต่ “ความเจริญ” ก็ต้องหยุดเพื่อให้เกียรติ
ฉันเปิดไฟอ่านหนังสือเหนือหัว ลาเต้เงยหน้า หูสั่นเล็กน้อย เหมือนรับรู้แรงดันอากาศที่เปลี่ยนไป
แล้วฉันก็เขียนต่อ
📖 “รถไฟผ่านหุบห้วยลำละหาน
ลอด “ถ้ำขุนตาน” ที่ขานไข
อุโมงค์ขุดยาวที่สุดในถิ่นไทย
โอ้อกใจตกประหม่าพาตะลึง
เสียงอื้ออึงหนุ่มสาวภายในถ้ำ
ช่างสุขล้ำหยอกเย้าทำทะลึ่ง
อุ๊ย ! ว้าย ! ต๊ายตาย ! เสียงตังตึง
เราอ้ำอึ้งอยู่ในถ้ำอยู่เดียวดาย
ผ่านอุโมงค์โล่งใจให้คลายกลุ้ม
เขียวชอุ่มหุบเหวกลัวใจหาย
ตก “สะพานสองหอ” คงวางวาย
ถึงตัวตายแต่ดวงจิตติดผูกพัน”
ฉันหยุดมอง บทนี้น่าจะทำให้ฉันถูกแบนจากกลุ่มนักกลอนอย่างน้อย 2 กลุ่ม หรืออาจจะ 3 กลุ่ม
ลาเต้กระพริบตาช้า ๆ อย่างไม่ประทับใจ เขาไม่เคยทนกับพวกคล้องจองซ้ำ ๆ ได้อยู่แล้ว
อุโมงค์กินเวลาประมาณนาทีกว่า ๆ พอให้ความคิดสะท้อนกลับมาชนตัวเอง แต่ก็สั้นเกินกว่าจะเขียนอะไรให้ดีได้ทัน พอพ้นอุโมงค์ แสงสว่างกลับมา ไม่ใช่แสงจ้า แต่เป็นแสงที่งง ๆ เหมือนโลกข้างนอกถูกเขียนใหม่ระหว่างที่เราอยู่ใต้ดิน
ข้างนอก: สันเขาแนวยาว กลุ่มสน ฝุ่นหมอกฤดูแล้งที่เหมือนถ่านขูด
ข้างใน: ฉัน ยังเกาะกับบทกวี เหมือนมันจะอธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่ได้กลับบ้านมาเจ็ดปี
รถไฟเร่งความเร็วอีกครั้ง มุ่งสู่สถานีเชียงใหม่
ฉันปิดสมุดโน้ต วรรคสุดท้ายยังลอยอยู่ในหัว
📖 “ถึงตัวตายแต่ดวงจิตติดผูกพัน”
น่ารัก
น่าอาย
แต่ก็… จริง
ฉันมองเนินเขาม้วนตัวเข้าหากันอย่างใจเย็น เหมือนธรรมชาติเองก็ยังไม่แน่ใจว่าอยากอยู่ตรงนี้ต่อไหม แล้วฉันก็รอ Wi-Fi ไม่ใช่เพราะต้องโพสต์อะไร แต่เพราะอยากรู้ว่าโลกยังออนไลน์อยู่…โดยไม่ต้องมีฉันไหม
Sponsored Ads
———————
ปลายทางนิราศ รถไฟผ่อนเสียงลง เคลื่อนเข้าสู่ สถานีเชียงใหม่แห่งใหม่ อย่างไม่เร่งรีบ เหมือนผ่านการฝึกมาแล้วว่า “ให้เข้ามาเงียบ ๆ เหมือนไม่คิดอะไร”
ชานชาลาด้านนอกเป็นคอนกรีตสีขาวสะอาดตา กับป้ายผ้าโปรโมตตามระเบียบของ RB51 เรียงตรงเป็นระเบียบจนน่าแปลกใจ สะอาดเกินจริง ดู “อเมริกัน” อย่างที่อเมริกันอยากให้เป็น จากนั้นเสียงตามสายก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มาเป็นสองภาษาในจังหวะที่พอดีเกินไป
[ภาษาไทย – ระบบอัตโนมัติหญิง เสียงหวานเกินจริง]
“เรียนผู้โดยสารทุกท่าน… ขบวน North Freedom Line จะหยุดพักที่สถานีเชียงใหม่ใหม่เป็นเวลา 22 นาที…”
“กรุณาอย่าลงจากขบวนหากไม่จำเป็น… เว้นแต่ท่านต้องการกาแฟราคา 80 บาทตลอดชีวิต… ขอขอบคุณที่เลือกเดินทางกับระบบขนส่งร่วมไทย-สหรัฐ”
[English – เสียงผู้ชายแบบหุ่นยนต์นิด ๆ สำเนียงอเมริกัน]
“Dear passengers… the North Freedom Line will make a scheduled 22-minute stop at New Chiang Mai Terminal.”
“Please remain onboard unless you urgently require overpriced coffee or a culturally confusing souvenir.”
“Thank you for riding with the United-Thai Rail Authority — freedom on track, every track.”
บางคนหลุดขำ
บางคนถอนหายใจ
ส่วนที่เหลือ… เลื่อนหน้าจอต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันไม่ลุก ลาเต้ก็ไม่ขยับ ทั้งตู้เหมือนหายใจเงียบ ๆ แล้วยังไม่อยากปล่อยลมหายใจนั้นออกมา
ฉันเปิดสมุด ปล่อยให้ปากกาจบสิ่งที่รถไฟเริ่มต้นไว้
📖 “ผ่านเส้นทางหลากหลายได้เรียนรู้
หลากเรื่องราวหลากฤดูสุขหรรษา
วิถีชีวิตไทยถิ่นล้วนงามตา
ธรรมชาตินานาล้วนงามใจ
ใช่จะมีที่รักสมัครมาด
จำนิราศร้างมิตรพิสมัย
ทำครำครวญพาทีพิรี้พิไร
ตามนิสัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา
เหมือนเชฟดีมีชื่อฝีมือเทพ
ให้ชวนเสพชมชิมรสมังสา
พริกไทยโปรยโรยผักชีให้งามตา
ปรารถนาให้ชิมรสของบทกลอน
ให้แจ้งความตามจริงทุกสิ่งสิ้น
ที่เล่นลิ้นเรื่องรักเป็นคำสอน
ฝากรสรักตามทางผ่านบทกลอน
นิราศจรเรื่องรักเล่นบ้างเอย๚๛”
Wi-Fi ในโบกี้ 2A กลับมาแล้ว ยังช้าเหมือนเดิม ยังใช้ชื่ออย่างภาคภูมิว่า “RB51_Guest_2Mb – Riding Beyond the Future”
ฉันล็อกอินเข้าเว็บบอร์ด อินเทอร์เฟซยังเหมือนยุค dial-up ปุ่มสีน้ำเงิน บ็อกซ์เทา ฟอนต์แหลม ๆ ชื่อผู้ใช้: กวีในเงามืด มันเคยเป็นหน้ากาก ตอนนี้มันคือความสบาย
ฉันคลิก “ตั้งกระทู้ใหม่”
ในหัวมีแต่ประโยคที่ยังไม่กล้าใช้เป็นเพลง บางที…ที่นี่คือที่เดียวที่ฉันยังไม่ต้องเซ็นชื่อ
หัวข้อ:
“นิราศเชียงใหม่ของคนที่ยังเชื่อว่าบทกวีอาจช่วยอะไรได้บ้าง”
แท็ก: #sprinterverse #บังเอิญกวี #northerntrack
คลิก
โหลด
ล็อกอินซ้ำ
คลิกอีกที
โพสต์สำเร็จ (0 view)
สมบูรณ์แบบ
ลาเต้กระพริบตาจากในกระเป๋าแค็ปซูลของเขา ฉันยักไหล่แล้วบอก “ไม่มีใครอ่านดีกว่าโดนด่านะ” เขากลิ้งไปนอนตะแคงเหมือนบทสนทนาทำให้เขาเบื่อ
ฉันตัดสินใจว่าควรได้กินอะไรสักอย่าง เดินขึ้นไปอีก 2 โบกี้ เจอตู้เสบียง ที่ยังแสร้งทำตัวเหมือนคาเฟ่มีคลาส
เมนูเคลือบพลาสติกแบบดั้งเดิม เสนอเมนูดังนี้:
- Freedom Fried Bento – ไก่ทอดซอสเมเปิล + ข้าวกล้อง + ยำบลูชีส
- Northern Unity Combo – ข้าวซอยเบนโตะ + ไข่เค็มอเมริกัน + ถั่วพูออร์แกนิก
- Drink Set – น้ำกระเจี๊ยบในกล่องลายทำเนียบขาว
“เอาเซ็ตข้าวซอยครับ เผ็ดแบบคนเคยฝันล่มแล้วฟื้น”
พนักงานไม่ขำ แต่ก็เสิร์ฟแบบใจดี
ฉันนั่งกินช้า ๆ ปล่อยให้ข้าวซอยเย็นไปตามจังหวะล้อรถไฟ มองผู้โดยสารลงไปซื้อของฝาก รอเสียงประกาศบอกให้กลับขึ้นขบวน
นิราศจบแล้ว ข้าวก็หมดแล้ว เหลือแค่เส้นทาง ที่รอให้ฉันยอมรับว่าครั้งหนึ่ง… ฉันเคยหนีจากมันมา
Sponsored Ads
นิราศเชียงใหม่ (วารสารรถไฟสัมพันธ์ 2562)