074-เมื่อบ้านเริ่มเงียบ

เย็นย่ำที่เวียงป่าเป้า พับตัวเข้ามาไม่เหมือนกรุงเทพฯ ในเมืองหลวง กลางคืนพุ่งชนเหมือนรถสิบล้อ  แต่ที่นี่  มันเข้ามาเหมือนแมว ไม่ได้รับเชิญ แต่ก็ไม่เคยถูกไล่

Sponsored Ads

แป้งหายเข้าไปในห้องพร้อมผลไม้แช่อิ่มหนึ่งถุง กับเสียงปิดประตูแบบครึ่งใจ แม่เปิดไฟในครัวแต่ยังไม่เริ่มทำกับข้าว วิทยุชุมชนคลื่นหนึ่งลอยมาเบา ๆ 

ลาเต้เดินผ่านโถงบ้านเหมือนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความร้อนเฉพาะจุด ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานเก่าของฉัน

โน้ตบุ๊กระพริบไฟรออยู่จากอีกมุมห้อง  ไม่ได้มองแบบกล่าวหา แค่…รอ เหมือนรู้ดีว่าฉันหมดข้ออ้างแล้ว

ฉันเดินไปนั่ง เปิดเครื่อง  ไม่มีโฟลเดอร์ ไม่มีไฟล์  ไม่มีร่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่มีชื่อไฟล์ hopeful.doc ในโฟลเดอร์ `notes/`

มีแค่เคอร์เซอร์กะพริบ  มีแค่โอกาสหนึ่งที่จะลองฟัง

ลาเต้ขยับตัวเล็กน้อย ขาพาดมาแตะแป้นพิมพ์เบา ๆ เหมือนเครื่องหมายวรรคตอน ฉันถือว่านั่นคืออนุญาต

ฉันเปิดเอกสารใหม่

แล้วรอ

พัดลมหันตัวดังเอี๊ยด แล้วหันกลับอีกด้าน แสงจากโถงสะท้อนขอบหน้าจอเป็นสีทองอ่อน ลาเต้หันหน้าไปมองหน้าต่าง เหมือนกำลังเฝ้าระวังการบุกรุกจากความกลัว

ฉันวางมือบนแป้นพิมพ์…แล้วชักกลับ แล้ววางใหม่ แล้วถอนหายใจ หน้าจอว่างเปล่า คืนที่ว่างเปล่า ลมหายใจที่ว่างเปล่า

ฉันเริ่มพิมพ์

📖 “กรี๊ง — ต้องใช้เสียงกรี๊งถึงหกครั้งจึงจะปลุกหญิงชราได้
หริ่งหริ่งแหลมสูงชำแรกโสตประสาทเสื่อมสภาพ กระดุกให้ตื่นจากการหลับไหล และใช้เวลาหลังจากนั้นราวสิบวินาทีก่อนที่หล่อนจะพาตัวเองลุกจากเก้าอี้โยกตัวโปรด ส่องกระจกติดฝาผนังอย่างลวก ๆ แล้วออกจากห้องนั่งเล่นโดยยังเปิดทีวีทิ้งไว้”

โอเค ไม่แย่

📖 “นั่นใคร?” หญิงชราตะโกนถามออกไป ความเหน็ดเหนื่อยเกาะเป็นตะกอนเล็ก ๆ อยู่ในน้ำเสียง
“คุณย่า!” ชายหนุ่มที่หน้าประตูตะโกนตอบกลับมา เสียงฟังดูคุ้นหูอย่างประหลาด 
“อาจิ๋วเหรอ?” หล่อนถามต่อ บางสิ่งสว่างวาบขึ้นในความทรงจำขมุกขมัว ”

เสียงเรียกจากหน้าประตู  ชื่อที่ไม่มีใครพูดมานาน ความสับสนที่ไม่ใช่ความเจ็บ แต่อยู่ไม่ห่าง

📖 “ “คุณย่า จิวเอง! เปิดประตูให้หน่อยครับ”
หยักยิ้มค่อย ๆ ปรากฏบนหน้าหญิงชรา
“อ้า อาจิว อาจิว” หล่อนโซเซเขยิบร่างกายอายุ 78 ปีที่ไม่ค่อยสมประกอบไปที่ประตูอย่างช้า ๆ พลางร้องเรียกหลานชายพร้อมเขยิบเข้าใกล้ภาพพร่ามัวนั้นทีละน้อย จนถึงประตูบานเล็กที่พิงอยู่ในประตูรั้ว หล่อนเปิดมันออก”

ประโยคไหลมาอย่างช้า ๆ เหมือนคนตักน้ำแกง ทีละคำ อุ่น และเต็ม

ฉันไม่รู้ว่ามันจะไปจบตรงไหน  แต่ก็หยุดไม่ได้แล้ว

📖 “โดยไม่ทันพูดอะไร ชายหนุ่มตรงหน้าโผเข้ากอดหล่อน
“คิดถึงคุณย่าจังเลย” 
คำพูดเมื่อครู่เป็นเสียงที่หล่อนได้ยินอย่างชัดเจนกว่าเสียงใด ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”

ลาเต้ขยับตัวอีกครั้ง หางม้วนงอพาดขอบพับของหน้าจอ  น้ำแข็งใสปรากฏตัวตรงขอบหน้าต่างโดยไม่ส่งเสียง  ดวงตาครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่ได้ตัดสิน แค่รอดูว่าฉันจะเขียนจนจบรึเปล่า

📖 “ถึงตรงนี้หญิงชราจึงนึกขึ้นมาได้ ว่าตอนคุยกับลูกชายครั้งล่าสุด เขาบอกกับหล่อนว่าหลานชายเรียนจบแล้ว แต่ที่ไม่ได้เชิญหล่อนไปงานรับปริญญา ก็ด้วยร่างกายและความชราภาพของหล่อน จะไปที่ร้อนๆ คนเยอะ ๆ คงไม่ดี เดี๋ยววันไหนจะมาหาที่บ้าน ให้หลานใส่ชุดครุยมาถ่ายรูปด้วยกัน 
แต่วันนั้นก็ยังไม่เคยมาถึง พวกเขาคงจะยุ่ง พวกเขายุ่งเกินไปเสมอ”

ฉันหยุดมอง

แม่เดินผ่านหน้าห้อง ไม่พูดอะไร แต่ฉันได้ยินเสียงตะหลิวขูดก้นกระทะ เสียงน้ำแกงถูกตักลงชาม เสียงที่เหมือนกวีบทเก่า ที่ไม่ต้องแปล

ลาเต้กระพริบตาหนึ่งที  ฉันพิมพ์ต่อ

📖 “ความหม่นหมองซึมแทรกเข้ามาในความคิด เหมือนเทียนดับวูบที่เปิดท่ามให้ความมืด หล่อนสลัดมันทิ้ง ยังไงหลานก็มาหาแล้ว
“แล้วตอนนี้ทำงานอะไร?” 
“ทำกราฟิกฯ คุณย่า”
“มันคืออะไรล่ะ” คำที่คล้บคล้ายจะมาจากภาษาฝรั่งเป็นสิ่งแปลกปลอมเหลือเกินสำหรับหล่อน ”

แสงจากหน้าจอเริ่มนุ่มลง เหมือนมันหาจังหวะของตัวเองเจอแล้ว

ฉันไม่ได้พิมพ์เร็ว แค่พิมพ์อย่างต่อเนื่องเท่านั้น เหมือนปล่อยให้น้ำไหลกลับเข้าสู่ทุ่งแห้ง

📖 “ “เอ้อ แล้วพ่อกับแม่ล่ะ?”
“พ่อกับแม่กำลังมาคุณย่า”
“ปีนี้อาเจนมามั้ย?”
“เจนมานะ เดี๋ยวจิ๋วโทรตามแป๊บนึง” จิวหยิบมือถือแล้วเดินออกจากห้องไป ”

พัดลมหันตัวอีกรอบ เสียงถอนหายใจเดิมจากฝุ่นเก่าและปีเก่า 

นิ้วฉันลอยเหนือแป้นพิมพ์

ลาเต้หายใจช้าลง น้ำแข็งใสยังไม่ขยับเลย

และฉัน ฉันยังพิมพ์ต่อ ไม่ใช่เพื่อคนอ่าน ไม่ใช่เพื่อชดใช้ 

แค่อยากรู้ว่า บ้านหลังนี้ยังจำฉันได้ไหม และฉันจะตอบกลับมันได้หรือเปล่า

Sponsored Ads

———————

สิ่งที่เงียบอยู่เสมอ

เคอร์เซอร์กระพริบเหมือนมันกำลังหายใจแทนฉัน

ฉันไม่แน่ใจว่าพิมพ์ไปนานแค่ไหนแล้ว เรื่องค่อย ๆ ขยับไปตามจังหวะของมันเอง มื้อเย็นในครอบครัวที่จริงพอจะรู้สึกถึงรส  หญิงชราที่นั่งยิ้ม แต่ไม่เคยไว้ใจช่วงเวลานั้นจนหมดใจ  ใบปลิวสีชมพูพับซ่อนอยู่ใต้แผ่นรองจาน

ที่นอกหน้าจอ เวียงป่าเป้าเคลื่อนจากพลบค่ำเข้าสู่บางสิ่งที่ช้ากว่า

ท้องฟ้าเป็นสีถ่านเปียก  ยังไม่ดำ ยังไม่เสร็จ

จากในครัว มีเสียงเคาะเบา ๆ ของมื้อเย็น  ขิงถูกทุบดังแปะ ข้าวสวยเทลงหม้อ กลิ่นน้ำมันงาค่อย ๆ จางไป กลายเป็นกลิ่นข่าหั่น น้ำจากก๊อกหลังบ้านไหลเอื่อย ไม่มีใครเรียกฉันไปช่วย ไม่มีใครรบกวน

แป้งเดินผ่านหน้าห้อง เหลือบมองเข้ามาครู่หนึ่ง เหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็แค่ปล่อยให้สายตาเจอกัน แล้วเดินต่อไป

📖 “หล่อนนั่งลงพร้อมจานและอุปกรณ์ที่ถูกแจกจ่ายให้ทุกคน มองไปรอบโต๊ะ ลูกชาย ลูกสะใภ้ หลานชาย และหลานสาวนั่งอยู่ตรงหน้าหล่อน แม้จะขาดสามีไป แต่ก็พร้อมหน้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว ทั้งสี่คนมองมาที่หล่อนราวกับกำลังรอสัญญาณบางอย่าง 
“เอ้า กิน ๆ อาฮก อาหมิง อาเจน อาจิว กินเยอะ ๆ””

ลาเต้กระโดดลงจากโต๊ะ ด้วยท่าทีสง่างามแบบคนที่กำลังหลบเลี่ยงการประชุม เขาลงพื้นอย่างไร้เสียง แล้วหายไปใต้พัดลมตั้งพื้น หางงอเป็นวง เหมือนเครื่องหมายปิดท้ายประโยค

ฉันพิมพ์ต่อ

📖 “บทสนทนาและเสียงหัวเราะไหลเวียนวนอยู่ในห้องกินข้าว หลาน ๆ เล่าเรื่องชีวิตให้ฟัง จิ๋วมีแฟนแล้ว คบกันมาสองปี เจนยังไม่มีแฟน แต่ทำงานเป็นพนักงานการตลาดอยู่บริษัทอะไรสักแห่งที่หล่อนไม่เคยได้ยินชื่อผ่านหูมาบ้าง แปลว่าก็น่าจะมีชื่อเสียง”

กลิ่นอาหารเย็นลอยมาผสมกับลมแห้งจากช่องหน้าต่างไม้  ผีเสื้อกลางคืนตัวหนึ่ง กระแทกมุ้งลวด เหมือนลืมไปว่ากำแพงมีอยู่จริง บางอย่างไม่เคาะประตูก่อนจากไป หรือก่อนจะกลับมา

Sponsored Ads

———————

ประโยคที่รออยู่

ย่อหน้าถัดไปไม่ได้มาถึงอย่างรวดเร็ว มันค่อย ๆ ย่องเข้ามา เหมือนไอน้ำที่เล็ดลอดใต้ประตู เหมือนบางอย่างที่อยู่ในห้องมาตลอด  แต่เพิ่งยอมให้มองเห็น

ฉันนั่งนิ่ง

เรื่องสั้นไม่ได้ขอให้เขียนจนจบ  มันแค่ขอไม่ให้ถูกลืม

📖 ““ไหว้ลาคุณปู่ก่อนไปนะ อาฮก อาหมิง มาลาพ่อด้วย” หญิงชราบอกกับทุกคน พวกเขาทั้งสี่หันพนมมือเป็นหน้ากระดาน ดูตั้งใจทำความเคารพสามีหล่อนกันมาก หล่อนเห็นแล้วยิ้มไม่ได้ ไม่มีใครพูดกับรูปของสามีหล่อนว่าปีหน้าหรือปีต่อ ๆ ไปจะกลับมาหาอีก หญิงชราเข้าใจได้ พวกเขาคงไม่อยากให้คำสัญญา ด้วยไม่แน่ใจว่าจะรักษามันไว้ได้หรือไม่ 
เพราะมันมีราคาที่ต้องจ่าย หล่อนรู้ดี”

กลิ่นในครัวเปลี่ยนจากน้ำมัน เป็นขิง เป็นข้าวคั่ว แม่อาจกำลังชิมน้ำแกงอยู่ หรือแค่ยืนมองหม้อเดือดอย่างที่เคย  เสียงกาน้ำเดือดเริ่มช้าลง เหมือนรู้จังหวะ

น้ำแข็งใสกระโดดขึ้นไปบนฝาตู้ปลาอีกครั้ง  คราวนี้ไม่ใช่ด้วยความสง่างาม แต่ด้วยท่าทีของเจ้าของอาณาเขตที่กลับมาทวงที่ของตัวเอง  เธอมองลาเต้ ซึ่งยังคงนอนอยู่ใต้พัดลม ไม่ขยับ เหมือนคำพูดที่ไม่จำเป็นต้องพูด

📖 ““อาจิว อาเจน ย่าลืมให้ซองปีใหม่” หล่อนเอ่ยขึ้น “รอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวย่าไปเอามาให้” หญิงชรารีบเดินขึ้นไปยังห้องนอนขอตัวเองที่อยู่ชั้นสอง หยิบซองสีแดงสดที่อยู่ในลิ้นชักหัวเตียง ก่อนจะรีบลงบันไดมาจนหอบเล็กน้อยตอนกลับมาที่ห้องนั่งเล่น หล่อนยื่นซองให้หลานทั้งสองด้วยมือคนละข้าง”

ฉันพิมพ์ช้าลง

พัดลมยังฮัมเสียงเดิม ตุ๊กแกตัวหนึ่งร้องแค่ครั้งเดียว แล้วหยุด เหมือนเปลี่ยนใจไม่พูด ทั้งบ้านเหมือนกลั้นหายใจ

📖 “หลานทั้งสองยกมือไหว้และรับซองจากหล่อน เมื่อทั้งสองแง้มซองสีแดงสดในมือดู สีหน้าจุ้งงงที่ปรากฏขึ้นทำให้หล่อนอดถามไม่ได้
“มีอะไรเหรอ” ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนเจนจะหันมาหาหล่อน สีหน้าดูลำบากใจ”

ฉันเงยหน้าขึ้นชั่วครู่  หน้าต่างกลายเป็นสีเงิน แสงจันทร์หักเหผ่านมุ้งลวด เหมือนมีใครพยายามสรุปตอนจบ แต่เขียนไม่เสร็จ ไหล่ฉันลั่นเบา ๆ ขณะเหยียดแขน 

ลาเต้ไม่ขยับ น้ำแข็งใสหลับตาลง ราวกับอ่านต้นฉบับแล้วไม่พบจุดพิมพ์ผิด

📖 ““มันไม่ครบน่ะค่ะคุณย่า” เจนพูดออกมาด้วยเสียงเบาเกือบจะเหมือนกระซิบ แต่ก็ยังดังพอที่หล่อนจะได้ยิน หล่อนยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่หลานสาวพูดนัก”

ฉันหยุดพิมพ์  ไม่ใช่เพราะเมื่อย  แต่เพราะอยากฟัง ฟังจริง ๆ

เสียงบางอย่างขยับ ไม่ใช่พัดลม ไม่ใช่แป้นพิมพ์ แต่เป็นเสียงของบางอย่างในห้อง ที่กำลังเปลี่ยนท่าทาง เหมือนเก้าอี้ที่ขยับเพราะน้ำหนักของความทรงจำ

📖 ““คือ…ก็…ชั่วโมงละพันน่ะค่ะคุณย่า นี่ก็” เจนพูดแล้วก้มลงมองหน้าจอมือถือ “ห้าชั่วโมงก็ห้าพัน นี่มีพันเดียวค่ะคุณย่า” ”

ที่ไหนสักแห่งด้านหลังฉัน  มีเสียงช้อนขูดก้นหม้อเบา ๆ แป้งเปิดประตูห้อง แล้วปิดอย่างระวัง ทุกเสียงเหมือนตั้งใจจะไม่รบกวนอะไรเลย รวมถึงฉัน

📖 ““ตาย ๆ ย่าลืมไปเลย ซอร์รี่ ซอร์รี่ ย่าแก่แล้ว เดี๋ยวไปเอามาให้เพิ่ม” หล่อนพูดแล้วเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอน ดีที่มีเงินสดเก็บไว้ หล่อนคิด ก่อนเปิดลิ้นชักล่างสุด หยิบเงินสดหนึ่งหมื่นแปดพันออกมา ของจิวกับเจนอีกคนละสี่พัน เมื่อครู่หล่อนลืมของลูกชายกับลูกสะใภ้ด้วย อาฮกห้าพัน อาหมิงห้าพัน หล่อนหยิบซองสีแดงขึ้นมาอีกสองซอง

ฉันอ่านบรรทัดท้ายอีกครั้ง  ยังไม่แน่ใจว่ามันคือความจริง หรือแค่สิ่งที่จำเป็น

ไม่ว่าอย่างไหน…ฉันยังเขียนไม่จบ

Sponsored Ads

———————

ห้องที่ฟังอยู่

เคอร์เซอร์กระพริบ  แล้วฉันพิมพ์ต่อ

📖หล่อนกดรับ แล้วเอาโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
“แม่” หล่อนสัมผัสได้ถึงความโล่งใจของลูกชายจากปลายสาย
“กว่าจะรับสาย ฮกกลัวแม่เป็นไร” ลูกชายหล่อนพูดต่อ 
“แม่ดูทีวีอยู่” หล่อนตอบกลับไปเท่านั้น
“แม่กินข้าวยัง
?”
“กินแล้ว ฮกกินหรือยัง?”
ยังเลยแม่ นี่ยังอยู่ออฟฟิศอยู่เลย ช่วงนี้งานยุ่งมาก”

ฉันก็ยังเขียนต่อ ไม่ใช่เพื่องาน ไม่ใช่เพื่อเดดไลน์  แค่เขียนให้บางอย่างในบ้านหลังนี้ได้พูด ก่อนที่มันจะลืมวิธีพูดออกมา

📖 “ลูกชายของหล่อนวางสายไปก่อน เสียงสัญญาณที่ขาดหายดังขึ้นแทนที่บทสนทนา หญิงชราถือโทรศัพท์ค้างไว้อย่างนั้น รวบกับรอให้เสียงที่ดัง ๆ หาย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นข้อความบางอย่าง”

แล้วประโยคสุดท้ายมาอย่างเงียบ ๆ

📖 “หล่อนหยิบมันขึ้นมา คลี่กางออก มันเป็นใบประกาศขนาดราว ๆ กระดาษเอสี่สีชมพูสด เหมือนกระดาษที่พิมพ์คำทำนายเซียมซีตามศาลเจ้า บนสีชมพูสดนั้น มีตัวอักษรสีดำขนาดเล็กใหญ่เรียงรายอยู่เต็มพื้นที่
บริษัท จัดหาครอบครัว จำกัด
เหงาเหรอ? ลูกหลานไม่ดูดำดูดี เซ็งเม้ง ตรุษจีน บอกว่าไม่ว่างทุกที
เราช่วยคุณได้!!!
ให้บริการลูก/หลาน/ลูกเขย/ลูกสะใภ้
อยากได้ใครในครอบครัว ขอแค่คุณบอกมา
ใช้บริการก่อน จ่ายทีหลัง ไม่พอใจยินดีคืนเงิน!
แล้วปีนี้ หรือปีไหน ๆ คุณก็จะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป! ”

ฉันไม่ได้พิมพ์อะไรเพิ่ม ไม่ได้แก้ ไม่ได้จัดหน้า แม้แต่เลื่อนหน้าจอก็ไม่ทำ มันรู้สึก…พอดี เหมือนบางอย่างที่รออยู่นานมาก แล้วในที่สุดก็ยอมปล่อยมือ

พัดลมหันซ้าย แล้วหยุด หันขวา แล้วหยุดอีก เหมือนกำลังคิดว่าจะพยักดีไหม

ฉันกดบันทึก

โฟลเดอร์: `ready_to_send/` 

ชื่อไฟล์: `family_draft_final.doc`

เสียงคลิกตอนไฟล์ถูกเขียนลงดิสก์เบากว่าที่คิด  อาจเป็นเพราะหูฉัน  หรือเพราะห้องนี้เงียบลงเพื่อจะได้ฟัง

ลาเต้โผล่มาโดยไม่ให้สัญญาณ เขากระโดดขึ้นโต๊ะอย่างเบา เดินผ่านแป้นพิมพ์โดยไม่เหยียบสักปุ่ม แล้วนั่งลง เขาไม่ได้มองฉัน น้ำแข็งใสตามมาติด ๆ ไม่มีดราม่า เธอโดดขึ้นมาข้างเขา ระวังไม่ให้หางโดนสายไฟ  กระพริบตาช้า ๆ แล้วหันหน้าไปทางหน้าต่าง เหมือนกำลังเฝ้าสิ่งที่มองไม่เห็น

ไม่มีใครส่งเสียง แม้แต่ฉันก็เงียบ บ้านทั้งหลังเงียบแบบที่ไม่รู้สึกว่างเปล่า มันแค่…สมบูรณ์แล้ว

แม่เดินผ่านหน้าห้อง ไม่ได้เรียก ไม่ได้เคาะประตู ไม่ได้พูดว่า “กินข้าวได้แล้ว”

แต่ก่อนที่เธอจะเดินเลยไป เธอเอื้อมมือมาเปิดไฟตรงบันไดไว้ให้  หลอดเล็กสีขาวใต้ราวไม้เก่าเปล่งแสงพอประมาณ  เหมือนจะบอกว่า “ยังมีที่ว่างตรงนี้นะ”

ฉันปิดฝาโน๊ตบุคลง ไม่ได้ออกแรง แค่ดันเบา ๆ  เพียงพอแล้วสำหรับคืนนี้ น้ำแข็งใสกระพริบตาอีกครั้ง ลาเต้หลับตาอยู่ พัดลมดังคลิกสองที แล้วก็ถอนหายใจ ฉันเอนหลัง ไม่ใช่เพราะเหนื่อย แต่เพราะบ้านหลังนี้ ห้องนี้ จำฉันได้นานพอแล้ว

ฝูงจิ้งหรีดกลับมาร้องประสานอีกครั้ง มีรถวิ่งผ่านหน้าบ้านช้า ๆ จนได้ยินเสียงกรวดใต้ล้อ  ที่ไหนสักแห่ง มีคนจุดพลุเร็วเกินเทศกาล เสียงไม่ดังนัก แต่ทิ้งกลิ่นบางอย่างไว้ในอากาศ

ฉันแค่นั่งอยู่ตรงนี้ กับพวกเขา กับเรื่องเล่า กับห้องที่รอคอยให้ได้ยินมานาน และในความเงียบนั้น ทุกอย่างอาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่ถูกต้อง

Sponsored Ads

เค้าโครงเรื่องจาก “วันที่ครอบครัวกลับบ้าน” (2564)
นริศพงศ์ รักวัฒนานนท์