เสียงหึ่งเบา ๆ จากแล็ปท็อปดังคลออยู่ในร้าน ขณะที่ผมเลื่อนดูโค้ดข้อมูลที่ยุ่งเหยิงจากแอปของแหวนต้องคำสาป สายตาผมจับจ้องไปที่หน้าจอด้วยความตั้งใจ น้ำกำขอบเก้าอี้แน่นราวกับว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้เธอไม่หลุดออกจากความเป็นจริง เสียงกระซิบเงียบหายไปชั่วคราว แต่ความกดดันในห้องยังคงชัดเจน
Sponsored Ads
ธนาเอนตัวอยู่ที่มุมห้อง จิบสมูทตี้ในมือพร้อมเลื่อนดูโทรศัพท์ “แล้วไง” เขาพูดระหว่างจิบ “ตกลงนี่เป็นแค่เครื่องติดตามสุขภาพที่ต้องคำสาป หรือเทคโนโลยีจอมวายร้ายกันแน่?”
ผมถอนหายใจ ดันเก้าอี้ไปข้างหลัง “ทั้งสองอย่าง” ผมตอบเสียงเรียบ “นี่มันไม่ได้แค่ตรวจสอบอารมณ์ แต่มันเก็บเกี่ยวอารมณ์พวกนั้น ทุกครั้งที่น้ำรู้สึกสิ้นหวังหรือหวาดกลัว แอปจะเก็บข้อมูลเหล่านั้นแล้วส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์นี้” ผมชี้ไปที่หน้าจอเน้นที่อยู่เครือข่าย
เสียงของน้ำแทบจะกระซิบ “ทำไมใครถึงทำแบบนี้?”
“เพราะความสิ้นหวังเป็นพลังงานที่ทรงพลัง” ผมอธิบาย พลางขมวดคิ้ว “และใครบางคน—น่าจะเป็นพวกวงจรสีชาด—กำลังใช้มันเพื่ออะไรบางอย่างใหญ่กว่า สัญลักษณ์ที่ฝังอยู่ในโค้ดนี้ มันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม มันกำลังดูดพลังจากคุณ”
น้ำตัวสั่น จับแขนตัวเองแน่น ผมหันไปหาธนา ที่กำลังจ้องหน้าจออย่างเคร่งเครียด ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มของเขาเปลี่ยนเป็นแววตาเคร่งขรึม
“เฮ้ ธนา” ผมพูดพลางชี้ไปที่โทรศัพท์ “โทรหาผู้บัญชาการหลินให้ที บอกเธอว่ามันเป็นเรื่องด่วน”
เขาเลิกคิ้วขึ้น “คุณคิดว่าเธอจะยอมทิ้งทุกอย่างเพราะคุณเจอโค้ดหลอนๆ นี้?”
“เธอจะยอม เพราะเธอรู้ว่ามันสำคัญ” ผมตอบขณะที่หยิบพระสมเด็จที่ห้อยคอขึ้นมาสัมผัสเพื่อเรียกสมาธิ นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่มันเป็นบางอย่างที่มืดมนกว่านั้นมาก
Sponsored Ads
———————
การมีส่วนร่วมของผู้บัญชาการหลิน
ไม่นานนัก เสียงที่คมชัดของหลินก็ดังมาจากลำโพงในร้าน ผมเปิดลำโพงเพื่อเลี่ยงการถือโทรศัพท์ให้นานเกินไป
“นี่ควรจะเป็นเรื่องดีจริงๆ นะ นาวิน” เธอพูด น้ำเสียงเจือความรำคาญ “ฉันไม่ใช่คนในแผนกไอทีส่วนตัวของคุณ”
“เชื่อผมเถอะ คุณอยากฟังเรื่องนี้” ผมตอบ พลางส่งสัญญาณให้น้ำยังนั่งอยู่กับที่ในขณะที่เธอเริ่มขยับตัวอย่างกระวนกระวาย “ผมเจอแหวนสุขภาพต้องคำสาปที่ผูกกับแอปที่เก็บเกี่ยวพลังงานอารมณ์ เซิร์ฟเวอร์ที่มันเชื่อมโยงมีร่องรอยของวงจรสีชาดชัดเจน”
หลินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ “คุณมั่นใจนะว่าเป็นวงจรสีชาด?”
“มั่นใจมาก สัญลักษณ์ที่ฝังอยู่ในโค้ดแอปนี้ตรงกับเคสไม้เซลฟี่ต้องคำสาป พวกเขากำลังตั้งเครือข่ายเพื่อเก็บเกี่ยวความสิ้นหวังจากผู้ใช้งาน และใช้มันในพิธีกรรมที่ใหญ่กว่า ผมเดาว่านี่เป็นหนึ่งในทดลองของพวกเขาเพื่อเจาะเข้าสู่ห้วงลึก”
ธนาขยับเข้าใกล้ลำโพง ยิ้มแม้สถานการณ์จะเคร่งเครียด “พวกคุณมีแผนกเทคโนโลยีผีหลอนไหม หรือว่านาวินต้องส่งบิลให้ตรงถึงตัวคุณ?”
เสียงของหลินยังคงเย็นชา “ถ้าคุณเลิกทำตัวตลกได้ ฉันจะดูว่าจะจัดการยังไงได้บ้าง เซิร์ฟเวอร์นั้นอยู่ที่ไหน?”
ผมบอกพิกัดที่ผมพบในสิทธิ์การเข้าถึงของแอป หลินไม่ตอบกลับในทันที และผมแทบจะได้ยินเสียงความคิดในหัวเธอที่กำลังพิจารณา
“ฉันจะส่งทีมไป” เธอพูดในที่สุด “ถ้าเซิร์ฟเวอร์นี้เชื่อมโยงกับวงจรสีชาด เราจะตัดการเชื่อมต่อ แต่ถ้าสิ่งนี้ผิดพลาด—”
“มันจะไม่” ผมพูดแทรก “แต่รีบหน่อย ยิ่งสิ่งนี้เชื่อมต่ออยู่นานเท่าไหร่ คนที่มันทำร้ายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
Sponsored Ads
———————
แหวนเอาคืน
เมื่อหลินวางสาย ผมจ้องไปที่แหวนเรืองแสงบนเคาน์เตอร์ เสียงหึ่ง ๆ ที่เคยเบาเริ่มดังขึ้น ราวกับจังหวะเต้นของหัวใจ ลมหายใจของน้ำแผ่วลงเรื่อย ๆ มือของเธอสั่นขณะกำเก้าอี้ไว้แน่น
“คุณโอเคไหม?” ผมถามพลางขยับเข้าไปใกล้
“ฉันไม่แน่ใจ” น้ำพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ฉันรู้สึกเหมือนมันกำลัง…ดึงฉันอีกแล้ว”
ก่อนที่ผมจะตอบอะไร แหวนก็ส่องแสงสว่างจ้า แสงเรืองแรงขึ้นเรื่อย ๆ น้ำอ้าปากร้องเบา ๆ ดวงตาเธอกลอกกลับขาว ขณะที่เธอคว้าศีรษะด้วยความเจ็บปวด แล้วจู่ ๆ มือของเธอก็พุ่งไปหยิบแหวนจากเคาน์เตอร์ ราวกับถูกบังคับโดยพลังที่มองไม่เห็น
“น้ำ หยุด!” ผมตะโกน พร้อมพยายามคว้ามือเธอไว้ แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป
แหวนเลื่อนเข้ามือเธออย่างง่ายดายและน่าขนลุก มันล็อกเข้าที่นิ้วเธออย่างแนบแน่น ร่างกายของน้ำแข็งทื่อ แสงที่ล้อมรอบแหวนเริ่มเต้นเป็นจังหวะเดียวกับความหนาวที่แผ่กระจายทั่วห้อง
“เอาแหวนออกเดี๋ยวนี้!” ผมพยายามดึงแหวนออก แต่มันแน่นจนไม่ขยับ ริมฝีปากของน้ำขยับ และเสียงที่ไม่ใช่ของเธอเปล่งออกมา ต่ำลึกและว่างเปล่า
“ปล่อยวาง” เสียงนั้นกระซิบ ราวกับเย้ยหยัน “ปล่อยวาง แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้น”
ธนากระโดดลุกขึ้นจากมุมห้อง ในมือมีม้วนสายสิญจน์ “เอ่อ นาวิน? ตอนนี้เราต้องทำยังไง?”
“ช่วยจับเธอไว้” ผมพูด พลางคว้าสายสิญจน์จากมือธนาและพันรอบข้อมือน้ำอย่างรวดเร็ว พลังจากสายสิญจน์เปล่งแสงเล็กน้อย พอจะชะลอแสงของแหวนได้บ้าง แต่ยังไม่สามารถหยุดมันได้ทั้งหมด
หัวของน้ำหงายไปข้างหลัง ดวงตาเธอยังเหม่อลอย “มันมืดเหลือเกิน” เธอพึมพำ “มืดและสงบ…”
“น้ำ ฟังฉัน!” ผมตะโกน พลางจับไหล่เธอแน่น “คุณไม่ได้อยู่คนเดียว อยู่กับฉันนะ!”
แสงจากแหวนสว่างขึ้นอีกครั้ง และในช่วงเวลาที่น่ากลัว ผมคิดว่าอาจจะสูญเสียเธอไป แต่แล้วพระสมเด็จที่ห้อยอยู่รอบคอของผมก็เปล่งความอบอุ่นออกมา แสงนั้นปกคลุมร่างน้ำเหมือนเกราะป้องกัน ร่างของเธอเริ่มผ่อนคลายเล็กน้อย แม้ว่าพลังของแหวนจะยังคงอยู่
Sponsored Ads
———————
น่าตื่นเต้น
ผมถอยหลังออกมา หัวใจเต้นรัว ขณะที่จ้องมองแหวนต้องคำสาปที่ยังคงเปล่งแสงอย่างท้าทาย แม้จะใช้ทั้งสายสิญจน์และพลังจากพระสมเด็จก็ตาม สิ่งที่ควบคุมมันดูเหมือนไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ และผมเองก็เช่นกัน
“ธนา” ผมพูด เสียงนิ่งแม้จะอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย “เตรียมตัวให้พร้อม เราไม่ได้สู้แค่คำสาปอีกแล้ว สิ่งนี้มีจิตใจของมันเอง”
“แล้วแผนคืออะไร?” เขาถาม เสียงที่มักติดตลกเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวจริงจัง
ผมจ้องไปที่แหวนเรืองแสง แสงที่เต้นเป็นจังหวะเหมือนกำลังเยาะเย้ยผม “เราต้องหยุดมัน ไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม”
เสียงพึมพำจากน้ำที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ดังแผ่วเบาในห้อง ขณะที่แหวนยังคงเต้นจังหวะอย่างไม่ลดละ ผมรู้ทันทีว่าการต่อสู้ครั้งนี้ยังอีกไกลกว่าจะจบลง
Sponsored Ads