NOVEL / The Signal Beyond the Veil · February 7, 2025 0

081-แหวนเพื่อสุขภาพ (ฟื้นฟูสมดุล)

บรรยากาศในร้านเปลี่ยนทันทีเมื่อแหวนต้องคำสาปเริ่มสั่นอยู่บนผ้ายันต์ เสียงฮัมเบา ๆ กลายเป็นเสียงต่ำลึกคล้ายคำเตือนที่ก้องกังวานสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง น้ำเริ่มขยับตัวเล็กน้อยในเก้าอี้ ลมหายใจเธอสั้น ใบหน้าซีดเซียว ธนายืนตัวแข็งอยู่ใกล้เคาน์เตอร์ กำสายสิญจน์ในมือแน่นเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่เขาพึ่งพาได้

Sponsored Ads

“อยู่หลังเส้นนี้” ผมพูดพร้อมชี้ไปยังขอบเขตป้องกันอันเลือนลางของข้าวสารเสก รอบโต๊ะทำงาน “ไอ้เจ้านี่จะไม่ยอมไปง่าย ๆ แน่” 

ธนากลืนน้ำลาย พยักหน้าอย่างไม่ค่อยมั่นใจ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร แสงจากแหวนก็พุ่งสว่างขึ้นมา อากาศรอบตัวเย็นเยียบลงทันที ไฟในร้านเริ่มกะพริบไม่เป็นจังหวะ เงามืดร่างหนึ่งเริ่มปรากฏขึ้นเหนือแหวน บิดเบี้ยวเหมือนพยายามรวมตัวให้เป็นรูปร่าง ดวงตาว่างเปล่าเปี่ยมด้วยความชิงชัง และรูปร่างที่ดูเหมือนจะสลับระหว่างควันกับความแข็งกระด้าง

[เจ้ากล้าตัดการเชื่อมโยงหรือ?]

มันพูดด้วยเสียงที่เหมือนประสานระหว่างเสียงกระซิบที่ทับซ้อนกับเสียงโลหะบดขยี้กัน

“อืม ก็ใช่” ผมตอบเบา ๆ พร้อมคว้ามีดหมอขึ้นมาจากโต๊ะ “ไม่ได้ปลื้มโปรแกรมฟิตเนสของแกสักเท่าไหร่” 

เงานั้นสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นมีด แต่ก็กลับมารวบรวมพลังอีกครั้ง พุ่งเข้าหาน้ำพร้อมเงาดำที่เหมือนหนวด 

Sponsored Ads

———————

อัญเชิญควายธนู

ผมเอื้อมไปหยิบควายธนู รูปเล็กๆ จากชั้นวางใกล้ ๆ แล้ววางลงบนผ้ายันต์ทันทีที่สัมผัสกับผ้า รูปสลักเริ่มเรืองแสงอ่อน ๆ รายละเอียดแกะสลักดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาพร้อมพลังโบราณที่แผ่ซ่านออกมา 

“เอาล่ะ เพื่อนเก่า” ผมพึมพำ ขณะที่จับควายธนูไว้แน่น “แสดงพลังหน่อยสิ” 

แสงเรืองรองจากควายธนูเข้มขึ้น และร่างวิญญาณของมันก็ปรากฏขึ้นมา เป็นควายทองคำขนาดใหญ่ที่ดูแข็งแกร่งและน่าเกรงขาม กีบเท้าของมันกระทบพื้นด้วยเสียงก้องสะท้าน และดวงตาของมันเปล่งแสงแรงกล้าที่เต็มไปด้วยพลังปกป้อง อุณหภูมิในห้องเปลี่ยนทันที ความเย็นยะเยือกถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นและความแข็งแกร่ง 

เงาดำนั้นชะงักไปชั่วขณะ หนวดเงาที่พุ่งออกมาหยุดชะงักเมื่อควายธนูก้าวไปข้างหน้า ก้มศีรษะเหมือนกำลังท้าทาย 

วิญญาณควายธนูพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง ลมหายใจนั้นเปล่งประกายเหมือนแสงอาทิตย์ที่พุ่งทะลุความมืด 

Sponsored Ads

———————

พลังงานปะทะกัน

เงาดำพุ่งเข้ามาอีกครั้ง หนวดเงาปะทะกับพลังป้องกันจากควายธนู ควายทองคำส่งเสียงคำรามลึก พลังจากเขาของมันเปล่งแสงขณะพุ่งชนกับเงาดำ แรงปะทะทำให้ห้องสั่นสะเทือน สัญลักษณ์บนผ้ายันต์ส่องแสงกะพริบและเต้นเป็นจังหวะตามแรงปะทะ 

ร่างของน้ำกระตุกอย่างรุนแรง ลมหายใจไม่สม่ำเสมอ แหวนบนผ้ายันต์เปล่งแสงจ้าขึ้น พลังคำสาปจากมันเหมือนกำลังป้อนพลังให้กับเงาดำ 

“ไม่ใช่ในวันนี้” ผมพูดด้วยความมุ่งมั่น ก่อนจะยกมีดหมอขึ้นพร้อมเริ่มบทสวดอีกครั้ง คำพูดหลั่งไหลออกมาอย่างเป็นจังหวะ เสียงมั่นคงและหนักแน่น แสงสีทองจากพระสมเด็จที่ห้อยอยู่ที่คอน้ำส่องสว่างขึ้น ผสมพลังเข้ากับการต่อสู้ 

ควายธนูพุ่งชนอีกครั้ง เขาของมันชนเข้ากับร่างเงาเสียงดังสนั่น เงาดำกรีดร้อง ร่างของมันแตกร้าว ขณะที่แสงกระจายไปทั่วร่างกายของมัน

Sponsored Ads

———————

ทำลายคำสาป

เมื่อเงานั้นอ่อนแอลงชั่วขณะ ผมหันความสนใจกลับไปที่แหวน สัญลักษณ์ที่สลักบนพื้นผิวของมันบิดเบี้ยวและเคลื่อนไหว ราวกับกำลังต่อสู้กับพลังของผ้ายันต์และขอบเขตป้องกันที่ทำจากข้าวสารเสก แสงจากแหวนเต้นจังหวะเดียวกับลมหายใจตื้น ๆ ของน้ำ ราวกับกำลังดึงเธอลึกลงไปในอิทธิพลของมัน 

“จบตรงนี้แหละ” ผมพึมพำ ขณะยกมีดหมอขึ้นสูง ใบมีดส่องแสงด้วยพลังลี้ลับ เสียงบทสวดสะท้อนก้องในห้องเล็ก ๆ ขณะที่ผมฟันลงไปอย่างแน่วแน่ ใบมีดตัดผ่านสัญลักษณ์สุดท้าย ตัดขาดการเชื่อมโยงของแหวนกับห้วงลึก 

แหวนปล่อยเสียงกรีดร้องดังลั่น มันส่งแสงสว่างจ้าอย่างรุนแรงก่อนจะมอดดับลง เงาดำส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดครั้งสุดท้าย ขณะที่ควายธนูก้มเขาและพุ่งชนอีกครั้ง ทำลายเศษเสี้ยวที่เหลือของมันจนสิ้น 

ร่างของน้ำทรุดตัวลงบนเก้าอี้ ลมหายใจของเธอกลับมาเป็นปกติ ขณะที่พลังงานกดดันในห้องจางหายไป 

———————

ผลลัพธ์

ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ลดมีดหมอลงขณะที่ความเงียบปกคลุมทั่วห้อง แสงทองจากควายธนูค่อย ๆ หรี่ลง และร่างวิญญาณของมันก็จางหายไป เหลือเพียงรูปสลักที่วางนิ่งบนผ้ายันต์ 

ธนาก้าวเข้ามาอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดแต่เสียงของเขานิ่งขึ้น “มัน… จบแล้วใช่ไหม?” 

“จบแล้ว… ตอนนี้” ผมตอบ พร้อมทั้งห่อแหวนที่ตอนนี้ไร้พลังไว้ในผ้ายันต์ “แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับวงจรสีชาด เราเพิ่งจะเริ่มสะกิดแค่นั้น” 

น้ำเริ่มขยับตัว ดวงตาของเธอค่อย ๆ ลืมขึ้น เธอมองมาที่ผมด้วยสายตาที่มึนงงแต่โล่งอก “มันหายไปแล้ว” เธอกระซิบ “ฉัน… ฉันไม่สามารถต่อสู้กับมันได้ แต่คุณ—” 

“ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว” ผมพูดพร้อมยิ้มเล็กน้อย “แต่คราวหน้า ลองใช้เครื่องออกกำลังกายแบบธรรมดาดีกว่า ไม่ต้องมีแอป ไม่ต้องมีตัวติดตาม แค่รองเท้าวิ่งก็พอ” 

เธอหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นคือชัยชนะเล็ก ๆ ต่อความมืดมิดที่เกือบจะกลืนกินเธอไป

Sponsored Ads

———————

ปิดฉาก

หลังจากน้ำออกจากร้านไป ก้าวเดินของเธอดูมั่นคงขึ้น ไหล่ที่เคยหนักอึ้งก็เบาลง ธนาพิงเคาน์เตอร์พร้อมกับถอนหายใจยาว “รู้ไหม” เขาพูดกึ่งล้อเล่นแต่ยังคงมีแววตกใจอยู่ “ถ้าสักวันเครื่องติดตามสุขภาพของฉันเริ่มพูดกับฉัน ฉันจะลบแอปออกทันที”

ผมหัวเราะเบา ๆ ส่ายหัวขณะเริ่มเก็บกวาดโต๊ะทำงาน “หวังว่าจะไม่ถึงขั้นนั้นนะ ไม่งั้นฉันคิดค่าบริการสองเท่า”

บรรยากาศในร้านกลับมาสงบอีกครั้ง เสียงฮัมเบา ๆ ของหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ดังเป็นพื้นหลัง ขณะที่แหวนต้องคำสาปถูกล็อกไว้ในกล่องกักกันพร้อมกับสิ่งประหลาดอื่น ๆ ที่ผมสะสมจากงานสายนี้ อากาศในร้านรู้สึกเบาลง แต่ผมรู้ว่าความสงบสุขไม่เคยอยู่นาน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในร้านของผม

สายตาของผมมองไปยังกองของอุปกรณ์ที่ถูกคำสาป บนโต๊ะทำงาน สายตาจับจ้องที่ร่องรอยสัญลักษณ์ที่สลักอีกอันที่อยู่บนเคสโทรศัพท์ที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า 

“การใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีนั้นเกินจริงอยู่แล้ว” ผมพึมพำก่อนจะพลิกป้ายหน้าประตูเป็นปิดสำหรับค่ำคืนนี้

———————

สายจากผู้บัญชาการหลิน

ขณะที่ผมกำลังจะล็อกร้าน โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ผมชะงัก ผู้บัญชาการหลิน ความจริงที่ว่าเธอโทรมาแทนที่จะส่งข้อความ หมายความว่านี่ไม่ใช่บทสนทนาสบาย ๆ แน่นอน 

ผมปัดหน้าจอรับสาย “ว่าไง ผู้การ ก่อนที่เธอจะถาม ร้านยังอยู่ดีนะ และฉันก็ไม่ได้เผาอะไรเลย” 

“ตลกดี” เธอตอบ น้ำเสียงยังคงแห้งเรียบตามสไตล์ “ฉันแค่จะถามว่านายน่ะยังโอเคอยู่ใช่ไหม?” 

“แทบจะล้มแล้วล่ะ” ผมตอบ พิงตัวกับเคาน์เตอร์ “แหวนถูกทำลาย น้ำก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ก็ต้องขอบคุณ ‘เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ’ ของวงจรสีชาด” 

เสียงของหลินอ่อนลงเล็กน้อยจนเกือบจับได้ยาก “ฉันได้ยินมาเกี่ยวกับ… สภาพของแหวน นายแน่ใจนะว่าโอเค? ช่วงนี้นายกระโดดเข้าไปในเรื่องพวกนี้แบบไม่คิดหน้าคิดหลังเลยนะ” 

ผมหยุดชั่วขณะ ถูกความห่วงใยของเธอทำให้ไม่ทันตั้งตัว “ฉันไม่เป็นไร หลิน เชื่อฉันสิ ฉันก็แค่ดื้อรั้นเหมือนเคย” 

“นั่นแหละที่ทำให้ฉันต้องถาม” เธอตอบด้วยน้ำเสียงคมกริบ “เรากำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของวงจรสีชาด มันเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น และนายอยู่ตรงกลางของเรื่องนี้ ระวังตัวหน่อยนะนาวิน นายจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้า…” เธอหยุดก่อนจะพูดต่อ “…ถ้านายเสียหลักไป” 

“เสียหลัก?” ผมทวนคำอย่างขำขัน “หรือว่าเธอกำลังพูดถึง ‘ตาย’ แต่ใช้ศัพท์ทางราชการ” 

เธอถอนหายใจเสียงดังผ่านสาย “แค่ระวังตัว แล้วโทรหาฉันถ้านายรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ถึงแม้นายจะดื้อดึงแค่ไหน นายก็ไม่ควรสู้เรื่องนี้คนเดียว” 

“เข้าใจแล้ว ผู้การ” ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม “ฉันจะเพิ่มเบอร์หน่วยม่านลงในรายชื่อด่วน” 

“นายควรทำ” เธอพูด ก่อนจะวางสายไปอย่างรวดเร็วเหมือนตอนโทรมา 

Sponsored Ads

———————

ช่วงเวลาแห่งการไตร่ตรอง

ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า คำพูดของเธอยังคงดังก้องในความเงียบของร้าน หลินไม่ใช่คนที่จะเปิดเผยความห่วงใยได้ง่าย ๆ การที่เธอใช้เวลาโทรมาเพื่อสอบถาม ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจในอีกแง่หนึ่ง ถ้ากิจกรรมของวงจรสีชาดกำลังทวีความรุนแรงขึ้น มันก็คงไม่นานก่อนที่อะไรที่เลวร้ายกว่านี้จะเดินเข้ามาในร้านของผม 

ผมหันกลับไปมองโต๊ะทำงานอีกครั้ง ที่กล่องกักกันแหวนต้องคำสาปเปล่งแสงจางๆ นอนอยู่ เงียบสงบแต่ยังคงน่ากลัว อุปกรณ์อื่น ๆ ในกองยังคงวางเรียงอยู่ เป็นเครื่องเตือนใจถึงเส้นบาง ๆ ระหว่างสิ่งที่ผมทำได้และสิ่งที่ผมเสี่ยงทำทุกวัน 

แต่ตอนนี้ ร้าน และกรุงเทพฯ ก็ยังสงบ และนั่นก็มากพอแล้ว 

“การใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีนั้นเกินจริงอยู่แล้ว”  ผมพึมพำอีกครั้งก่อนจะปิดไฟในร้าน เตรียมตัวกลับบ้าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ผมก็พร้อมจะเผชิญหน้า—เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา