Co-Working Space เต็มไปด้วยความโกลาหล—แสงสีขาวสว่างจ้า เสียงกรีดร้องของสิ่งมีชีวิตจากเงามืด และแรงกดดันมหาศาลจากบางสิ่งที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ กำลังพยายามแทรกตัวเข้ามาในโลกของเรา
Sponsored Ads
มีดหมอในมือของผมเรืองแสงสีขาวร้อนแรงขณะที่ผมปักมันลงไปที่แกนกลางของเครื่องดูดฝุ่นที่กำลังกระพริบสั่นไหว
คมมีดกรีดผ่านเปลือกเรืองแสง ลึกลงไปในสัญลักษณ์หมุนวนที่สลักอยู่บนตัวเครื่อง ประกายไฟระเบิดออกมา เส้นแสงพลังงานแตกกระจายราวกับเครื่องจักรกำลังต่อสู้กลับ
“หลิน! ทำเลยตอนนี้!” ผมคำรามผ่านเสียงโลหะที่แตกร้าวและเสียงกรีดร้องของเงามืด
“เขตกักกัน—เปิดใช้งาน!” หลินตะโกนออกคำสั่ง
เจ้าหน้าที่หน่วยม่านเคลื่อนที่อย่างพร้อมเพรียง กระแทกอุปกรณ์กักกันตามจุดสำคัญของสัญลักษณ์พิธีกรรม แต่ละอุปกรณ์ส่องแสงสีทองเจิดจ้า สร้างตาข่ายเส้นแสงที่ค่อยๆ ล้อมวงแหวนสัญลักษณ์เอาไว้
ขอบของประตูมิติเริ่มสั่นคลอน ราวกับเส้นด้ายที่กำลังถูกดึงจนหลุดลุ่ยออกจากผืนผ้า
เงามืดส่งเสียงกรีดร้อง ร่างของพวกมันบิดเบี้ยวและหดตัวกลับไปสู่ความว่างเปล่าที่กำลังพังทลาย
ทั้งอาคารสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แผ่นกระจกแตกร้าว แผ่นฝ้าเพดานหล่นลงมา และพื้นก็เหมือนกำลังสั่นสะท้าน ราวกับความเป็นจริงกำลังกลั้นหายใจ
ผมกัดฟันแน่น กดมีดหมอลึกลงไปในเครื่องดูดฝุ่น
“เอาหน่อยสิ เจ้ากองพลาสติกดื้อด้าน! พังซะที!”
เครื่องดูดฝุ่นส่งเสียงครางแหลมครั้งสุดท้าย ตัวเครื่องสั่นสะท้านอย่างรุนแรง สัญลักษณ์ที่สลักอยู่บนพื้นผิวของมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ประตูมิติดูดกลับเข้าไปด้านในพร้อมเสียงระเบิดดังสนั่น
คลื่นกระแทกของแสงเย็นยะเยือกกระแทกใส่ผมจนร่างกระเด็นไปข้างหลัง
แล้วทุกอย่าง…ก็เงียบลง
Co-Working Space กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง เสียงฮัมแผ่วเบาของประตูมิติหายไป สัญลักษณ์บนพื้นกลายเป็นเพียงร่องรอยไหม้เกรียมบนพรม
ที่จุดศูนย์กลาง ทุกอย่างจบลงตรงนั้น—เครื่องดูดฝุ่นนอนนิ่ง แตกหัก และไร้ชีวิต
ผมพลิกตัวนอนหงาย หายใจหอบเหนื่อย เหนือหัวผม หลินยืนอยู่ ใบหน้ายังคงนิ่งสงบ
“มันจบแล้ว” เธอกล่าวเสียงแผ่ว
Sponsored Ads
———————
วงจรที่แตกสลายและเศษกระจกที่กระจัดกระจาย
หน่วยม่านเคลื่อนที่อย่างมีประสิทธิภาพ จัดการพื้นที่ที่ยังคงมีพลังงานหลงเหลือ และลบสัญลักษณ์ที่ยังคงเหลืออยู่
หลินเดินเข้ามาหาผม ขณะที่ผมนั่งหมดแรงอยู่บนเก้าอี้สำนักงานที่ล้มระเนระนาด มือข้างหนึ่งถือขวดน้ำที่หนึ่งในเจ้าหน้าที่ส่งให้
“คุณทำได้ดีมาก นาวิน” เธอกล่าว
“ใช่” ผมตอบพลางหายใจหอบ “แต่คราวหน้า ตกลงกันไว้ก่อนนะว่า…ไม่เอาเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะอีกแล้ว”
ริมฝีปากของหลินกระตุกขึ้นเล็กน้อย เธอเกือบจะยิ้ม แต่เธอไม่ได้ยิ้ม
ใกล้ ๆ กันนั้น คุณปรียายืนกอดอก มองดูซากปรักหักพังของพื้นที่ทำงานที่ครั้งหนึ่งเคยดูทันสมัย เสื้อสูทของเธอยับเยิน เสื้อเชิ้ตที่เคยเรียบกริบมีรอยยับ และผมที่เคยรวบตึงก็หลุดลุ่ยจนดูแทบไม่เป็นทรง
หลินยื่นแฟ้มเอกสารให้เธอ “คุณปรียา เราต้องขอให้คุณเซ็นเอกสารนี้ เป็นมาตรการปกปิดข้อมูลมาตรฐาน ทุกอย่างที่คุณเห็นในคืนนี้…ไม่เคยเกิดขึ้น”
คุณปรียามองแฟ้ม ก่อนจะมองไปยังซากเครื่องดูดฝุ่น “ฉันบริหาร Co-Working Space ไม่ใช่แอเรีย 51”
“ยินดีต้อนรับสู่คลับ” ผมตอบแห้งๆ
คุณปรียาถอนหายใจเซ็นเอกสารโดยไม่พูดอะไรต่อ
หลินหันกลับมาหาผม ขณะที่หน่วยม่านเริ่มเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพ
“เราจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม แต่ฉันคิดว่าคุณปรียาคงยังต้องการใบแจ้งหนี้จากนายอยู่ดี”
ผมหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง ผมจะทำให้แน่ใจว่าเธอเห็นอัตราค่าล่วงเวลาของผมชัดเจน”
คุณปรียาหัวเราะเบาๆ แต่รีบกลบเกลื่อนด้วยการไอออกมาทันที
หลินหันกลับไปออกคำสั่งครั้งสุดท้ายให้กับหน่วยของเธอ ก่อนที่พวกเขาจะเคลื่อนย้ายออกไปอย่างเป็นระเบียบ
เธอมองผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพูดเสียงเบา “คืนนี้คุณทำได้ดีมาก นาวิน”
ผมยกมือขึ้นทำท่าตะเบ๊ะล้อเล่น “เรียกใช้ได้เสมอ ผู้การหลิน”
Sponsored Ads
———————
เสียงกระซิบจากเบื้องบน
ชั้น 14 ของ CloudNest Co-Working Space กลายเป็นสมรภูมิรบ พลังงานบางอย่างยังคงคุกรุ่นในอากาศ มีกลิ่นโอซนไหม้คลุ้งอยู่จางๆ เศษกระจกแตกละเอียดบดเสียงกรอบแกรบใต้รองเท้าบูทของผม ขณะที่ผมยืนอยู่ตรงกลางวงแหวนพิธีกรรมที่ไหม้เกรียม จ้องมองไปยังพรมที่ถูกเผาไหม้ ณ จุดที่เครื่องดูดฝุ่นได้พบจุดจบของมัน
หลินและหน่วยม่านของเธอเคลียร์พื้นที่ไปหลายชั่วโมงแล้ว เหลือไว้เพียงรอยไหม้จาง ๆ เสียงกระซิบที่หน้ากลัวยังคงลอยอยู่ตามมุมห้อง และความรู้สึกหวาดระแวงที่ยังไม่จางหายไปจากใจผม
ผมยังไม่ได้ไปไหน
ยังไม่ไปหาอะไรกิน ยังไม่พักผ่อน และไม่ได้ไปแม้แต่หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก—ผมก็ไม่ได้ไป
ประตูมิติอาจถูกปิด เครื่องดูดฝุ่นอาจถูกทำลายแล้ว แต่บางอย่างเกี่ยวกับสถานที่นี้ยังคง…แปลก ผิดปกติ
แสงไฟฟลูออเรสเซนต์เหนือศีรษะกะพริบเป็นบางครั้ง และพื้นคอนกรีตที่ควรจะแน่นหนากลับส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบา ๆ
ผมยกเก้าอี้สำนักงานที่คว่ำอยู่และนั่งลง ในมือยังคงกำมีดหมอแน่น ที่ค่ายพักแรมชั่วคราวของผม—มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กองกระป๋องเครื่องดื่มชูกำลังเปล่า และแก้วเก็บความร้อนที่ใส่กาแฟที่อุ่นจนเกือบจะเย็น
ผมยังไม่ได้กลับไปที่ร้าน ไม่สามารถกลับได้
ผมไม่ไว้ใจที่จะทิ้งสถานที่นี้ไว้ลำพัง—อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้
เงาที่มุมห้องไม่ได้ขยับอีกแล้ว แต่พวกมัน…รู้สึกเหมือนกำลังเฝ้ามอง
Sponsored Ads
———————
เสียงกระซิบที่ไม่ยอมหายไป
ในช่วงเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุดของการจ้องมองสัญลักษณ์ที่ถูกเผาไหม้ เสียงฮัมเริ่มขึ้นอีกครั้ง
เบาบางในตอนแรก แผ่วเบา ราวกับเสียงแมลงบินวนอยู่หลังกำแพง
ผมนั่งตัวตรง กำมีดหมอแน่นขึ้นกว่าเดิม
“อย่าเริ่มอีกนะ” ผมพูดออกมาดังๆ เสียงสะท้อนผ่านความเงียบวังเวงของพื้นที่ทำงานร่วมนี้
เสียงฮัมไม่สนใจคำขู่ของผม
มันยังคงดำเนินต่อไป—ห่างไกล และเป็นจังหวะ ราวกับชีพจรที่เต้นแผ่วเบา แต่ดูเหมือนจะแทรกซึมผ่านกำแพง ผ่านพื้น และผ่านอากาศรอบตัว
ผมหันไปทางศูนย์กลางของวงแหวนพิธีกรรม รอยไหม้ยังคงนิ่งสนิท ไม่ขยับ
แต่เสียงฮัมไม่ได้มาจากพรม ไม่ได้มาจากเศษซากของเครื่องดูดฝุ่นที่ตอนนี้ถูกล็อกไว้กับหน่วยม่าน
มันมาจากที่ลึกกว่านั้น ใต้คอนกรีต ใต้พื้นแห่งนี้
ผมค่อยๆ ยืนขึ้น รองเท้าของผมลากครูดไปบนพรมที่ถูกเผาไหม้
อากาศเย็นลงอย่างกะทันหัน ราวกับมีใครเปิดหน้าต่างออกไปสู่อวกาศที่ว่างเปล่าและเย็นยะเยือก
และจากเสียงฮัมที่ต่อเนื่องนั้น ผมได้ยินเสียงที่แผ่วเบาเสียจนแทบจะจับใจความไม่ได้—เสียงกระซิบ
[โอบรับความว่างเปล่า]
ลมหายใจของผมสะดุดกึก
ผมก้มมองโทรศัพท์ 04:14 น.
ทำไมทุกอย่างถึงต้องเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เสมอ?
“โอเค…” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ “ฉันต้องการนอน…แล้วก็บำบัดจิตใจอย่างจริงจัง”
แต่ผมยังคงไม่ไปไหน…
Sponsored Ads
———————
ทางเดินที่ไม่ควรมีอยู่
เมื่อรุ่งสาง เสียงฮัมเงียบหายไปอีกครั้ง
ผมยืดขาออก เดินไปตามทางเดินกระจกที่ทอดยาวไปตามขอบของพื้นที่ Co-Working Space ทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ถูกแต่งแต้มด้วยสีฟ้าและทองจากแสงเช้า ตึกระฟ้าทะลุผ่านกลุ่มเมฆต่ำราวกับใบมีดเหล็กยักษ์
แต่ทางเดินนี้…ให้ความรู้สึกแปลกประหลาด
ตรงปลายสุดของทางเดิน ผมสังเกตเห็นบางอย่าง—ประตู
มันไม่ควรจะมีประตูตรงนั้น
ผมเคยดูแผนผังของ CloudNest บนเว็บไซต์มานับครั้งไม่ถ้วนในตอนที่นอนไม่หลับ และผมมั่นใจว่าปลายทางเดินนี้ไม่มีทางออก
แต่ตอนนี้?
ประตูไม้แคบๆ เก่าและถูกแกะสลักด้วยสัญลักษณ์จางๆ ปรากฏขึ้น มันเปิดแง้มไว้นิดหน่อย อาบด้วยแสงสีขาวซีดจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์
ผมหรี่ตา นั่นมัน…เสียงหายใจหรือเปล่า?
เสียงฮัมเบาๆ ทอดยาวออกมาจากช่องว่างระหว่างประตูกับกรอบประตู จังหวะนั้นชวนให้รู้สึกเย็นยะเยียบ
มือผมเอื้อมไปที่เอว ปลายนิ้วแตะด้ามจับของมีดหมอ
สัญชาตญาณทุกอย่างกรีดร้องบอกให้ผมหันหลังกลับ
แต่แทนที่จะเชื่อ ผมกลับก้าวไปข้างหน้า
หนึ่งก้าว…
สองก้าว…
เสียงฮัมดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ผมขยับเข้าใกล้ มันสั่นสะเทือนผ่านพื้นรองเท้า และคืบคลานเข้าสู่กลางอกของผม
เมื่อผมอยู่ห่างจากประตูประมาณสองเมตร เสียงกระซิบก็ดังขึ้นอีกครั้ง
[โอบรับความว่างเปล่า]
คราวนี้ มันไม่ได้แผ่วเบา
มันอยู่ตรง…หลังประตู
Sponsored Ads
———————
ประตูล็อค
ผมไม่ขยับ กั้นหายใจ
ประตูส่งเสียงเอี๊ยดเบาๆ เปิดออกอีกเล็กน้อย ราวกับเชื้อเชิญให้ผมเข้าไป
ผมเอื้อมมือไป ปลายนิ้วห่างจากเนื้อไม้สลักเพียงไม่กี่นิ้ว…
ตรืดดดดด!
โทรศัพท์ในกระเป๋าผมสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ผมสะดุ้งจนเกือบทำมีดหมอหลุดมือ
หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นพร้อมกับข้อความแจ้งเตือน
[ผู้บัญชาการหลิน]
[คุณอยู่ที่ไหน? เราได้รับสัญญาณพลังงานผิดปกติจากชั้น 14 อีกครั้ง คุณยังอยู่ที่นั่นใช่ไหม?]
นิ้วผมสั่นขณะพิมพ์ตอบ
[ยังอยู่ที่นี่ บางอย่างผิดปกติ ประตูปรากฏขึ้นที่ปลายสุดของทางเดิน มัน…กำลังกระซิบ]
จุดสามจุดปรากฏขึ้น ขณะที่หลินกำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับ
แต่ก่อนที่ข้อความจะมา แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ก็กะพริบรุนแรง เงามืดเต้นระริกไปทั่วทางเดิน
เสียงฮัมกลายเป็นเสียงคำราม ต่ำและก้องกังวาน
และประตู…
ปัง!
มันปิดลงอย่างรุนแรง
แรงกระแทกทำให้ผมถอยหลังจนไปชนกับผนังกระจก จนแผ่นกระจกบานหนึ่งล้มลงมาดังเปรี๊ยะ
ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้ง
โทรศัพท์ผมสั่นอีกครั้ง พร้อมข้อความใหม่
[ผู้บัญชาการหลิน]
[ออกมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้ หน่วยม่านกำลังไป อย่าเข้าไปยุ่งกับประตูนั้นเด็ดขาด!]
ผมจ้องไปที่ประตูไม้ ซึ่งยังสั่นสะเทือนเล็กน้อยจากแรงกระแทกเมื่อครู่
อะไรก็ตามที่อยู่หลังประตูนั้น…มันยังไม่จบ
ผมหันหลังและวิ่งสุดชีวิตไปตามทางเดิน เสียงฮัมยังคงดังอยู่ในหัวของผม เหมือนเสียงสะท้อนจากฝันร้าย
Sponsored Ads
———————
รุ่งอรุณที่กรุงเทพฯ
ผมกระโจนเข้าไปในล็อบบี้ของพื้นที่ Co-Working Space มือสั่น ใจเต้นแรง ลมหายใจหอบถี่ แสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่องผ่านกระจกใสของล็อบบี้
เสียงฮัมเงียบไปอีกครั้ง
ประตูหายไป
ทางเดินกลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่ในขณะที่ผมหายใจเข้าอย่างลำบาก มือเกาะขอบโต๊ะประชาสัมพันธ์ไว้แน่น ความสั่นสะเทือนบางเบายังคงอยู่ในอกของผม
เสียงกระซิบเล็ดลอดเข้ามาในความคิดที่เหนื่อยล้าของผมอีกครั้ง
[โอบรับความว่างเปล่า]
ที่ไหนสักแห่ง ในกำแพง ในพื้น หรืออาจจะในช่องว่างระหว่างเสี้ยววินาที บางสิ่งกำลังรออยู่
และผมรู้สึกได้ว่ามันคงจะไม่เงียบสงบไปอีกนาน…