อากาศใน Co-Working Space บนชั้น 14 เย็นเยียบและคมกริบ ทุกลมหายใจเป็นเหมือนมีดที่บาดผ่านผิวหนัง น้ำแข็งบางๆ คืบคลานไปตามขอบกรอบประตูที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ขณะที่สัญลักษณ์บนไม้เก่าพลุ่งพล่านสว่างวาบเปล่งแสงที่ไม่สม่ำเสมอ
Sponsored Ads
เสียงกระซิบเริ่มกลายเป็นคำพูด แต่ละพยางค์แทรกซึมเข้าหูผม หนักอึ้งราวกับน้ำผึ้งที่เจือยาพิษ
[นาวิน… ผู้บัญชาการหลิน… ความพยายามของพวกคุณ… น่าชื่นชม… แต่ไร้ประโยชน์…]
เสียงนั้นไม่ได้ดังมาจากรอบตัวเราเท่านั้น—มันอยู่ ภายใน ตัวเรา แต่ละคำพูดเหมือนมันสั่นสะเทือนอยู่ในซี่โครงของผม และก้องอยู่หลังดวงตา
ผมหันไปเห็นหลินยืนตึงเครียดอยู่ข้างๆ ปืนพลาสม่าของเธอแผ่ไอร้อนคุกรุ่นอยู่ในมือ ข้อนิ้วของเธอขาวซีดเพราะกำด้ามปืนแน่น
“ครูบาสวรรค์” หลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่มั่นคงราวกับเคอนกรีต “ถ้าคุณยังอยู่ที่นั่น ในนั้น ถ้ายังสู้กับสิ่งที่อยู่ หลังกำแพงประตูนี้ พูดออกมาเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าไม่… ก็จงเงียบไปตลอดกาล”
ประตูสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เศษไม้ผุ ๆ หลุดร่วงลงมาราวกับใบไม้แห้ง ขณะที่แรงกดดันบางอย่างที่มองไม่เห็นกดทับห้องจนแทบหายใจไม่ออก
[ฉันเห็นคุณ หลิน… ฉันเห็นคุณ นาวิน… เจ้าทั้งสองสามารถมีได้มากกว่านี้… อำนาจ… การควบคุม… เพียงแค่… เปิดประตูบานนี้…]
มือของผมสั่นเล็กน้อยขณะที่กำด้ามมีดหมอแน่นขึ้น หลินสบตาผมเพียงเสี้ยววินาที—คำสั่งที่ไร้เสียง ส่งผ่านระหว่างเรา
อย่าฟัง อย่าหวั่นไหว
แต่เสียงกระซิบมันแทรกซึมลึกเกินไป มันไหลผ่านรอยแยกในจิตใจผมเหมือนไส้เดือนที่กำลังมุดผ่านผืนดินชื้น หว่านเมล็ดพันธ์แห่งคำถามและความสงสัยลงไปในสมอง
ถ้าเสียงนั้นพูดความจริงล่ะ?
ถ้าการเปิดประตูจะให้คำตอบ… ความชัดเจน… อำนาจ?
และในวินาทีนั้นเอง ผมรู้ว่าตัวเองกำลังถูกทดสอบ… และการทดสอบนี้ยังไม่จบลงง่าย ๆ
Sponsored Ads
———————
ภาพหลอนจากห้วงลึก
ผมก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว กอดสมุดใบลานไว้แนบอกแน่น ภาพตรงหน้าของผมเริ่มพร่ามัว ขอบเขตของสายตาเบลอเหมือนหมอกควันหนาทึบ
ทันใดนั้น โลกก็พับทบเข้าหากันและผมก็ไปอยู่ที่อื่น
ผืนกระจกสีดำทอดยาวออกไปจนสุดสายตา สะท้อนแสงระยิบระยับจากดวงดาวที่กำลังจะดับสูญ บรรยากาศรอบตัวเย็นเยียบ และเหนือหัว—ไม่มีท้องฟ้า มีเพียง ความว่างเปล่าที่ไร้ที่สิ้นสุดกดทับลงมา
เบื้องหน้าไกลออกไป ผมเห็นเงารางๆ ร่างหนึ่ง—ชายในเสื้อคลุมเงามืดที่ขยับไหวไปมา ใบหน้าของเขาถูกบดบัง แต่ท่วงท่ายืนของเขานั้น… คุ้นเคยอย่างน่าขนลุก
ครูบาสวรรค์
เขายกมือ มือที่มีแต่กระดูกนิ้วเรียวยาว บิดงอ ราวกับกรงเล็บ มือที่กำลังกวักเรียกผมอย่างเชื่องช้า
[คุณเห็นมันใช่ไหม?] เสียงของเขาเยือกเย็น นุ่มลึก แต่ไร้ความรู้สึก [ที่นี่… ความสงบนิ่งนี้… มันสมบูรณ์แบบ ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความหิวโหย มีเพียง… การดำรงอยู่]
หน้าอกของผมหนักอึ้ง ราวกับมีโซ่ตรวนพันธนาการซี่โครงเอาไว้ แขนขาของผมขยับไม่ได้ ผมอยากจะพูด อยากจะกรีดร้อง แต่ทั้งหมดที่ผมทำได้คือจ้องมองลงไปในความเวิ้งว้างที่กลืนกินใบหน้าของชายตรงหน้า
ไกลออกไป ผมได้ยินเสียงของหลินแว่วมา เธอกำลังตะโกนเรียกชื่อผม แต่เสียงนั้นไกลเหลือเกิน บิดเบี้ยวราวกับดังผ่านผืนน้ำ
ผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน—วินาที? ชั่วโมง? ชั่วนิรันดร์?
Sponsored Ads
แล้วผมก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่ง
ความอบอุ่นอ่อนโยนเริ่มแผ่ซ่านจากอกของผม แผ่กระจายออกไปราวกับระลอกคลื่นบนผิวน้ำสงบ พระสมเด็จที่ห้อยอยู่บนคอของผมเริ่มเปล่งแสงสลัวๆ และร้อนขึ้นช้าๆ
ความอบอุ่นนั้นซึมลึกเข้าไปใต้ผิวหนังของผม เสียงสั่นสะเทือนคล้ายระฆังวัดดังก้องเบา ๆ ในอก
แรงกดทับอันหนักอึ้งของห้วงลึกสั่นสะเทือน
ผมสูดหายใจเฮือก ราวกับเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากการจมน้ำ และภาพนิมิตนั้นก็แตกสลาย
ผมทรุดตัวลงกับพื้น มือกำมีดหมอแน่น หน้าอกกระเพื่อมหนักหน่วงเหมือนคนที่เพิ่งรอดจากการจมน้ำตาย
หลินทรุดตัวลงข้างๆ มือของเธอจับไหล่ผมแน่น ใบหน้าของเธอห่างจากผมเพียงไม่กี่นิ้ว
“นาวิน!” เธอตะโกน น้ำเสียงคมกริบราวกับมีดผ่าตัด “ได้ยินฉันไหม?! นายยังอยู่กับฉันหรือเปล่า?!”
ผมพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หายใจติดขัด “ผะ…ผมอยู่ตรงนี้…”
แต่ข้างหลังเรา เสียงกระซิบและเสียงพึมพำจากหน่วยม่านดังขึ้น บางคนกำหมวกกันน็อกไว้แน่น บางคนส่ายหัวแรงๆ เหมือนพยายามสลัดบางอย่างออกจากหู
หลินลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงของเธอกรีดผ่านความวุ่นวายรอบตัวเหมือนคมมีด
“ทุกคน! ตั้งสติ! จดจ่ออยู่กับเสียงของฉัน! มองตรงไปที่เป้าหมาย!”
เจ้าหน้าที่กลับมาจัดรูปขบวนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว อาวุธในมือส่องแสงสีฟ้าสลัว อุปกรณ์กักกันพลังงานยังคงแผ่คลื่นพลังออกมา แต่ผมก็เห็นได้ชัดถึงความสั่นไหว ความกลัวที่แทรกซึมเข้าไปในระเบียบวินัยของพวกเขา
พระสมเด็จบนคอของผมยังคงอุ่น และเปล่งแสงแผ่วเบา ราวกับประภาคารในพายุ
แต่ในความเงียบสงัดนั้น ผมรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
มันไม่ใช่แค่ แสงสว่างธรรมดา
มันคือ… การนับถอยหลัง
ประตูบานนั้นไม่ใช่แค่ทางกายภาพ
มันกำลัง โจมตีจิตใจเรา—เจตจำนงของเรา—และจิตวิญญาณของเรา
และในตอนนี้…
มันกำลังจะชนะ
Sponsored Ads
———————
เสียงเรียกจากธรณีประตู
สัญลักษณ์บนประตูสั่นไหวอีกครั้ง เรืองแสงสว่างขึ้นจนแสงสีนวลไหลรินลงบนพื้นราวกับแก้วหลอมละลาย
เสียงของครูบาสวรรค์ ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้นุ่มนวลราวกับบทกล่อมเด็ก
[ต้องมีใครสักคนก้าวผ่าน… ต้องมีใครสักคนจบวงจรนี้ ยุติความวุ่นวาย นำพาความสงบมาให้ทุกสิ่ง]
ผมพยุงตัวลุกขึ้นยืน มือที่กำมีดหมอสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่ น้ำเสียงแหบพร่าเมื่อผมเอ่ยออกไป
“หลิน… ต้องมีใครสักคนก้าวผ่านประตูนั้น”
“ไม่” เธอปฏิเสธทันควัน น้ำเสียงหนักแน่นและเด็ดขาด “ไม่มีใครก้าวผ่านมันเด็ดขาด เราจะผนึกมันเอาไว้ ไม่มีการต่อรอง”
“เธอไม่เข้าใจ” ผมชี้ไปที่สัญลักษณ์บนประตู “พิธีกรรมนี้มันไม่ได้พัง มัน…หยุดชะงักต่างหาก มันต้องการใครสักคนอยู่อีกฝั่ง เพื่อหยุดมัน เพื่อทำลายการเชื่อมต่อนี้อย่างถาวร”
ปืนพลาสม่าในมือของหลินส่งเสียงฟู่เบา ๆ ขณะที่มันเริ่มเย็นลง “ถ้านายก้าวผ่านธรณีประตูนั้น นายอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลยนะ นาวิน”
“แต่ต้องมีคนลอง”
หลินก้าวเข้ามาใกล้ น้ำเสียงของเธอลดลงจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ “งั้นให้ฉันไป ฉันมีทีมที่จัดการฝั่งนี้ได้ นาย—”
“ไม่!” ผมขัดเธอทันที “เธอไม่เข้าใจสัญลักษณ์พวกนี้ แต่ฉันเข้าใจ เธอจะหลงทางก่อนที่จะรู้ว่าต้องทำอะไรด้วยซ้ำ”
เราจ้องตากันนิ่งนาน ความเงียบที่แฝงไปด้วยความตึงเครียดลอยอ้อยอิ่งในอากาศ
หลินถอนหายใจแรง ไหล่ของเธอทรุดลงเล็กน้อยราวกับยอมรับความจริง
“นายต้องกลับมานะ” เธอพูดเบาๆ
ผมยิ้มจางๆ “จะพยายามให้ดีที่สุด”
Sponsored Ads
หลินหันไปสั่งทีมของเธอ “เตรียมตาข่ายรักษาเสถียรภาพรอบประตูเอาไว้ ให้มันเปิดค้างไว้—นานพอที่นาวินจะทำสิ่งที่เขาต้องทำ”
เหล่าเอเย่นต์เคลื่อนตัวอย่างว่องไว พวกเขาวางอุปกรณ์ปล่อยพลังงานกักกันที่ส่งเส้นแสงสีฟ้าเรืองรองไขว้กันรอบ ๆ ธรณีประตู
หลินหันกลับมาหาผมอีกครั้ง ดวงตาเธอแน่วแน่และจริงจัง “อย่าหลงทางในนั้นนะ นาวิน”
ผมสูดหายใจลึก มือข้างหนึ่งกำมีดหมอแน่น อีกข้างกอดสมุดใบลานเอาไว้
ประตูสั่นสะท้านกรอบไม้เก่าคร่ำครวญอย่างรอคอย
เสียงกระซิบเงียบลง อากาศเย็นเฉียบหยุดนิ่งอย่างน่าประหลาด
และจากนั้น… ประตูเปิดออกอย่างแผ่วเบา เผยให้เห็นแต่เพียงความว่างเปล่าที่มืดสนิท ไม่มีแสง ไม่มีจุดสิ้นสุด
อากาศรอบตัวผมหนักอึ้ง เหมือนกับกำลังก้าวลงไปในน้ำลึก
ผมหันกลับไปมองหลินเป็นครั้งสุดท้าย เธอพยักหน้าให้ผมอย่างแน่นิ่ง
ผมก้าวไปข้างหน้า
ความมืดกลืนกินผมไปทั้งหมด
Sponsored Ads
———————
สู่ห้วงลึก
เมื่อประตูปิดลงด้านหลังผม แสงจากสัญลักษณ์ต่าง ๆ กะพริบและค่อย ๆ จางหายไป
หลินยืนนิ่ง จ้องมองประตูที่ถูกปิดผนึกไว้ ปืนพลาสม่าของเธอยังคงถูกกำแน่นในมือ
เสียงกระซิบแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยอีกครั้ง ดังพอให้ได้ยิน แต่ก็เบาจนแทบเป็นเพียงจินตนาการ
[โอบรับ… ความว่างเปล่า]
หลินเบือนหน้าหนี ขากรรไกรของเธอขบแน่นจนเป็นสันนูน
“ทุกคน ประจำตำแหน่ง! เราจะไม่ไปไหนจนกว่าเขาจะกลับมา”
แต่ลึกลงไป ในมุมหนึ่งของจิตใจที่เธอไม่ยอมรับว่ามีอยู่ ความคิดหนึ่งยังคงหลงเหลืออยู่:
หากเขา… ไม่กลับมาเลยล่ะ?