NOVEL / The Signal Beyond the Veil · February 21, 2025 0

092-ประตูแห่งเสียงกระซิบ (เบื้องหลังห้วงลึก)

ความว่างเปล่าบีบอัดรอบตัวผม มันหนักอึ้งและไม่ยอมปล่อยผ่าน ลมหายใจแต่ละลมหายใจเหมือนการสูดเอาเงาดำที่หนืดข้นเข้าไปในปอด แสงเรืองรองจากมีดหมอเป็นสิ่งเดียวที่ยับยั้งความมืดที่กำลังคืบคลานไม่ให้กลืนกินผมไป

Sponsored Ads

ประตูด้านหลังผมหายไปแล้ว—ไม่มีทางย้อนกลับอีกต่อไป

ความเงียบสงัดบดบังทุกสิ่ง มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่มันเต็มไปด้วยเสียงกระซิบที่แผ่วเบา เต็มไปด้วยการสั่นสะเทือนที่ช้าและกว้างใหญ่ ราวกับมีบางสิ่งกำลังเฝ้ามองผมอยู่จากที่ไกลแสนไกล

“ตั้งสติ นาวิน” ผมพึมพำกับตัวเอง มือกำสมุดใบลานแน่นจนเหงื่อซึม “นายมาที่นี่เพื่อยุติเรื่องนี้”

พื้น—หรืออะไรก็ตามที่ผมยืนอยู่—ทอดยาวออกไปในทุกทิศทาง เรียบลื่นและสะท้อนแสงเล็กน้อย ราวกับกระจกสีดำขัดมัน เหนือหัวผมคือท้องฟ้าที่ไร้ฟ้า มีแต่ความมืดทึบที่แผ่ขยายไปไม่มีที่สิ้นสุด ประดับด้วยแสงสว่างริบหรี่จากดาวดวงไกลโพ้น

เวลาบิดเบี้ยว ผิดเพี้ยน ผมอาจจะอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่นาทีหรืออาจจะเป็นหลายปี ผมก็ไม่มีทางรู้ได้เลย

จากที่ไกลโพ้น ร่างหนึ่งเริ่มก่อตัวขึ้นมา

เงาร่างสูงใหญ่ห่อหุ้มด้วยความมืดที่หยดไหลเหมือนของเหลว ขอบร่างกายบิดเบี้ยวและไหลซึมลงไปสู่ความว่างเปล่าด้านล่าง ดวงตา—หรือจุดที่ควรจะเป็นดวงตา—เรืองแสงสลัวด้วยแสงสีขาวเย็นเยียบสองจุด

ครูบาสวรรค์หรืออย่างน้อยก็… สิ่งที่หลงเหลือจากเขา

Sponsored Ads

[ยินดีต้อนรับ, นาวิน] เสียงนั้นแหวกความเงียบออกมา นุ่มนวล ว่างเปล่า และก้องกังวานในอกผม [คุณทำได้ดี มีน้อยคนที่จะก้าวข้ามธรณีนี้และยังคง… รู้สึกตัวอยู่]

ผมกำมีดหมอแน่นขึ้นกว่าเดิม “คุณไม่ใช่ครูบาสวรรค์ คุณก็แค่… ซากที่เหลือจากเขาเท่านั้น”

ร่างเงานั้นเอียงหัวเล็กน้อย คล้ายกับนกที่กำลังศึกษาดูบางสิ่งที่เปราะบาง

[สิ่งที่เหลืออยู่ และสิ่งที่ถูกพรากไป มันล้วนเหมือนกันในที่แห่งนี้ ความว่างเปล่าโอบรับทุกสรรพสิ่ง]

อากาศรอบตัวเย็นลงอีกครั้ง ลมหายใจผมกลายเป็นควันสีขาวจางๆ พวยพุ่งขึ้นเป็นละอองบาง ๆ อยู่เบื้องหน้า

[คุณไม่จำเป็นต้องต่อสู้, นาวิน] เงามืดกระซิบ [ที่นี่มอบความสงบให้คุณ ไม่มีความหิวโหย ไม่มีความกลัว ไม่มีการสูญเสีย มีเพียง… การดำรงอยู่เท่านั้น]

ส่วนหนึ่งในใจผม—ส่วนที่เหนื่อยล้าจากทุกอย่าง—อยากจะฟังเสียงนั้น อยากจะก้าวไปข้างหน้า อยากจะปล่อยวางทุกอย่าง

แต่พระสมเด็จที่ห้อยอยู่รอบคอผมส่องแสงแผ่วเบา ความอบอุ่นจากมันแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เหมือนกับเชือกเส้นสุดท้ายที่ยึดผมไว้กับโลกที่ผมจากมา

“ไม่” ผมพูดเสียงหนักแน่น “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อโอบรับอะไรทั้งนั้น ฉันมาที่นี่เพื่อจบพิธีกรรมนี้ และปิดประตูนั้นซะ”

เงามืดหัวเราะ เสียงหัวเราะแหบแห้ง ว่างเปล่า และสะท้อนก้องไปทั่วทุกทิศทาง

[โอ้, นาวิน คุณเชื่อจริงๆ หรือว่าคุณจะต่อกรกับความเป็นนิรันดร์ได้ด้วยมีดและยันต์กระดาษเพียงไม่กี่แผ่น? คุณคิดว่ามือมนุษย์ของคุณจะปลดเปลื้องสิ่งที่เริ่มต้นไว้ที่นี่ได้งั้นหรือ?]

ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ ยกมีดหมอขึ้นตรงหน้าแสงสลัวจากมันส่องสว่างเล็กน้อยในความมืดอันลึกล้ำ

“เดี๋ยวก็รู้กัน”

และด้วยคำพูดนั้น ผมก้าวไปข้างหน้า ฝ่าเข้าสู่ความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด.

Sponsored Ads

———————

ยันต์ตัดขาด

ผมทรุดเข่าลงข้างหนึ่ง ก่อนจะดึงเอาสมุดใบลานออกมาและพลิกผ่านหน้ากระดาษที่เปราะบางอย่างระมัดระวัง ยันต์โบราณอันซับซ้อนขยับไหวเล็กน้อยบนใบลาน เหมือนหมึกที่ยังไม่แห้งดี

“เอาล่ะ… ได้เวลาแล้ว”

ด้วยมีดหมอในมือ ผมเริ่มสลักยันต์ตัดขาดเพื่อทำลายพิธีกรรม ลงบนพื้นผิวสีดำมันวาวเบื้องล่าง ใบมีดขูดผ่านพื้นผิวที่คล้ายกระจกส่งเสียงดัง “ซี๊ดดด” ตามรอยที่ลากผ่าน เส้นแสงสีฟ้าบางเบาแผ่กระจายออกจากทุกจุดที่ผมสลัก

ร่างเงาที่อยู่ตรงหน้า—เศษเสี้ยวของครูบาสวรรค์ยืนมองผมเงียบๆ ไม่ขยับเขยื้อน ราวกับกำลังสนุกกับความพยายามอันไร้ผลของผม

ทุกครั้งที่ผมสลักลงไป เสียงกระซิบก็ดังขึ้นกว่าเดิม ซ้อนทับกันจนกลายเป็นเสียงประสานที่ฟังไม่ได้ศัพท์

[หยุดเถอะ]
[ไม่มีประโยชน์]
[ปล่อยวาง]
[ที่นี่คือความสงบ]

เสียงเหล่านั้นเกาะกินขอบเขตสติสัมปชัญญะของผม แรงกดดันจากมันทำให้สมองผมปวดตุบ ๆ แต่ผมกัดฟันแน่นและยังคงลากเส้นต่อไป

ทุกครั้งที่ผมสลักลงไป พื้นสั่นไหวเล็กน้อย เหมือนกับห้วงลึกกำลังปฏิเสธการแทรกแซงของผม

[คุณกำลังเสียเวลาเปล่า] เสียงของเงาดังกังวาน มันก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าว เงาของมันทอดยาวไปบนพื้นสะท้อน กลืนกินแสงสลัวจากยันต์ที่ผมสร้างไว้

ผมสลักยันต์แรกเสร็จและเริ่มต้นลงมือกับยันต์ที่สอง เหงื่อเย็นเหนียวเหนอะหนะไหลอาบใบหน้า นิ้วมือของผมสั่นระริก แต่ผมไม่หยุด

เงายกมือโครงกระดูกขึ้นมา และเงามืดสีดำรอบ ๆ ตัวผมก็พุ่งเข้าใส่ เหมือนคลื่นน้ำสีดำที่กำลังจะท่วมท้นผมให้จมดิ่งลงไป

Sponsored Ads

———————

การเดิมพันของหลิน

ไกลออกไป—ไกลเกินกว่าจะวัดได้ แต่ก็ใกล้เสียจนได้ยินชัดเจน—เสียงของผู้บัญชาการหลินแทรกผ่านห้วงลึกเข้ามา เสียงของเธอแผ่วเบาแต่ชัดเจน

“นาวิน! ได้ยินฉันไหม?!”

ผมหยุดมือจากการสลักยันต์ชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นจากยันต์ที่ยังสลักไม่เสร็จดี

“ผมอยู่นี่!” ผมตะโกนฝ่าความมืด

เสียงของหลินกลับมาอีกครั้ง แทรกผ่านเสียงฮัมของเครื่องควบคุมพลังงาน และเสียงฮืด ๆ ของการพลาสม่า

“เรากำลังเปิดประตูค้างไว้ แต่กำลังจะพัง! อะไรก็ตามที่นายกำลังทำ—รีบทำให้เสร็จเดี๋ยวนี้!”

ร่างเงาเอียงศีรษะอีกครั้ง ดวงตาเรืองแสงแคบลง

[พวกเขาช่วยคุณไม่ได้หรอก, นาวิน และถึงแม้คุณจะทำสำเร็จ… คุณไม่มีวันออกไปจากที่นี่ได้]

ผมไม่สนใจคำพูดของมัน ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ยกเว้นยันต์ที่อยู่ตรงหน้า

“เกือบ… เสร็จแล้ว…” ผมพึมพำเบาๆ

จังหวะที่ผมสลักเส้นสุดท้ายของยันต์ที่สอง เส้นแสงสีฟ้าสว่างวาบและแผ่คลื่นพลังออกไปเป็นวงกว้าง เงามืดที่อยู่รอบ ๆ ผงะถอยหลัง และเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าแรงกดดันอันหนักอึ้งของห้วงลึกเบาลงเล็กน้อย

แต่เงามืดนั้นก็พุ่งเข้ามา

ร่างของมันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว หนวดเงามืดแผ่ขยายออกมาราวกับกรงเล็บที่พยายามจะฉีกกระชากทุกสิ่ง พวกมันพุ่งเข้าใส่รูนที่ผมสลักไว้ พยายามดึงและลบล้างมันออกไป

ผมหายใจหอบแรง มือยังคงจับมีดหมอไว้แน่น

และในขณะนั้นเอง ผมก็รู้ได้ทันที—ไม่มีที่ว่างให้ผิดพลาดอีกต่อไป.

Sponsored Ads

———————

จุดเริ่มต้นของการล่มสลาย

ที่ด้านนอกผู้บัญชาการหลินตะโกนสั่งการทีมของเธอ

“ยึดจุดยึดพลังงานไว้ให้แน่น! เสริมโหนดแปดทันที! เรากำลังสูญเสียความเสถียรของโครงสร้าง!”

ตาข่ายพลังงานสั่นไหว แสงสีน้ำเงินที่เรืองรองอยู่ในลวดลายสัญลักษณ์กระพริบถี่อย่างอ่อนแรง เจ้าหน้าที่หน่วยม่านต่อสู้อย่างสุดกำลัง คอยยิงปืนพลังงานสะกดเข้าใส่เงามืดที่ไหลทะลักออกมาจากขอบประตู

ภายในห้วงลึก ร่างเงาของครูบาสวรรค์พุ่งเข้ามาหาผม

[คุณไม่มีทางชนะ, นาวิน!]

ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนของพระสมเด็จที่ร้อนขึ้นตรงหน้าอก แสงของมันส่องสว่างขึ้นเรื่อย ๆ

“ตอนนี้เลย นาวิน!” เสียงของหลินดังสะท้อนก้องเข้ามาในห้วงว่างเปล่า

ผมไม่คิดอะไรอีกต่อไป ไม่ลังเลอีกแล้ว

ผมเงื้อมีดหมอและแทงมันลงไปที่ยันต์สุดท้ายด้วยแรงทั้งหมดที่ผมมี

ใบมีดจมลึกลงไปในพื้นผิวสีดำมันวาว ยันต์ส่องแสงสว่างวาบราวกับแสงจากดวงอาทิตย์ รอยร้าวแตกลามไปทั่วพื้นผิวของห้วงลึก

ทั้งโลกสั่นสะเทือน

เสียงกรีดร้องจากร่างเงาของครูบาสวรรค์ ดังก้องราวกับท้องฟ้ากำลังแตกสลาย

โลกเอียงกระเท่เร่ เงามืดทั้งหมดถาโถมเข้าไปสู่ศูนย์กลาง

พลังมหาศาลราวกับพายุเฮอริเคนดึงร่างผมให้ลอยถอยหลัง พุ่งตรงไปยังประตู—สู่แสงสลัวจากตาข่ายพลังงานด้านนอก

Sponsored Ads

———————

เสียงกระซิบสุดท้าย

ผมกระแทกพื้นด้านนอกประตูอย่างแรง ร่างกายกระแทกกับพรมที่ไหม้เกรียม ขณะที่เงามืดเบื้องหลังพังทลายลง ถูกดูดกลับเข้าไปในห้วงลึกราวกับควันถูกดูดผ่านช่องระบายอากาศ

ประตู—แตกเป็นเสี่ยงๆ และส่องแสงสว่างเจิดจ้า—สั่นไหวครั้งหนึ่ง สองครั้ง…

จากนั้นมันก็ปิดลงด้วยเสียงดังสนั่น ราวกับโลกทั้งใบสะเทือนเลื่อนลั่น

ความเงียบงันโรยตัวลงมาครอบคลุมทุกสิ่ง

หลินยืนอยู่เหนือผม ปืนพลาสม่าในมือเธอยังคงแผ่วเสียงหึ่ง ๆ เบา ๆ เจ้าหน้าที่หน่วยม่านยืนนิ่ง อุปกรณ์กักขังของพวกเขายังคงส่องแสงระเรื่อด้วยพลังงานที่เหลืออยู่

เราทำได้แล้ว

แต่ในขณะที่ผมนอนหอบหายใจอยู่บนพื้นนั้นเอง เสียงกระซิบสุดท้ายก็ดังแผ่วเบาขึ้นมา—เบาราวกับลมหายใจ เบาราวกับมันอาจเป็นเพียงจินตนาการของผมเอง

[มันยังไม่จบ… โอบรับความว่างเปล่า…]

หลินทรุดตัวลงข้างๆ ผม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล

“นาวิน?”

ผมหลับตาลง กำพระสมเด็จไว้แน่น

“มันจบแล้ว… แต่ยังไม่จบจริงๆ”

ในแสงสลัวที่ยังคงส่องผ่านพื้นที่ Co-Working Space ผมไม่อาจสลัดความรู้สึกหนึ่งออกไปได้เลย

บางสิ่งบางอย่างยังคงเฝ้ามองอยู่

และมันกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง…