NOVEL / The Signal Beyond the Veil · February 25, 2025 0

095-ภาพสุดท้าย (เงาในกรอบ)

เสียงกระดิ่งร้านดังขึ้นเบาๆ เมื่อประตูไม้เก่าถูกผลักเปิดออก หญิงสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามา—อายุประมาณ 30 ต้น ๆ ใบหน้าคมชัด ดวงตาบวมแดงจากการร้องไห้ มือที่สั่นเทาคู่นั้นกำลังถือกรอบรูปดิจิทัลสีดำเงาวาว เอาผ้าพันคอมาห่อมันไว้ลวก ๆ

Sponsored Ads

ผมเอนตัวพิงเคาน์เตอร์ มือข้างหนึ่งกอดแก้วกาแฟเย็นเอาไว้ ก่อนที่โทรศัพท์ในกระเป๋าจะสั่นขึ้นมา

ผู้บัญชาการหลิน

“บอกทีว่ามีข่าวดี” ผมพูดพลางยกโทรศัพท์แนบหู

เสียงของหลินดังชัดเจนและเฉียบคมผ่านสาย “ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าดีเลย นาวิน พวกเราเจออีกสามเคส กรอบรูปเหมือนกัน การหายตัวไปเหมือนกัน คู่รักคู่ล่าสุดหายไปเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว”

ผมวางแก้วลง หัวใจเริ่มเต้นแรง ที่ไหน?”

“ประตูน้ำ พวกเขาโพสต์รูปออนไลน์เมื่อวาน—ยิ้มแย้ม เสื้อคู่ กรอบรูปตั้งอยู่ด้านหลัง ตอนนี้? หายไปแล้ว”

ผมยกมือขึ้นถูหน้าอย่างเหนื่อยล้า “นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันกำลังทวีความรุนแรงขึ้น”

เสียงหลินลดต่ำลงเล็กน้อย “ฉันดึงบันทึกดิจิทัลบางส่วนออกมาได้ กรอบรูปพวกนี้กำลังส่งสัญญาณไปยังเซิร์ฟเวอร์กลาง มันถูกเข้ารหัส แต่… นาวิน มันยังทำงานอยู่ มีบางอย่างกำลังควบคุมอุปกรณ์พวกนี้”

“ส่งที่อยู่มาให้ผม” ผมพูดพลางคว้ากระเป๋าอุปกรณ์ขึ้นมาสะพายหลัง “ผมจะไปพบคุณที่สำนักงานใหญ่”

“ไม่ นายจะรอ และนายจะไม่พยายามแกะเจ้านั่นคนเดียว”

“ด้วยเกียรติของลูกเสือ” ผมตอบกลับ พลางคว้ากุญแจร้านมาถือไว้แน่น

“นาวิน…”

แต่ผมกดวางสายไปแล้ว

เสียงหึ่งของกรอบรูปดังขึ้นอีกครั้ง แผ่วเบาแต่ชัดเจนพอจะทำให้รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจ้องมองผมอยู่จากอีกฟากหนึ่งของหน้าจอมืดสนิทนั้น

“มิสเตอร์วาเลนไทน์…” ผมพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะก้าวออกจากร้านไปสู่ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเงาและความเงียบงันที่ไม่น่าไว้วางใจ

Sponsored Ads

———————

สำนักงานใหญ่หน่วยม่าน

อาคารศูนย์ราชการกรุงเทพฯ ตั้งตระหง่านเป็นอนุสาวรีย์แห่งกระจก เหล็ก และระบบราชการ แต่ลึกเข้าไปในปีกส่วนหนึ่งของอาคาร ซึ่งซ่อนอยู่หลังเครื่องสแกนชีวภาพและประตูเหล็กเสริมความแข็งแกร่ง คือ สำนักงานใหญ่หน่วยม่าน

ภายในศูนย์บัญชาการดูราวกับศูนย์กลางประสาทของบังเกอร์ไฮเทค—จอมอนิเตอร์ส่องสว่างด้วยสัญญาณพลังงาน ผนังเต็มไปด้วยแผนที่ที่มีจุดสีแดงกระพริบถี่ ๆ เหล่าเจ้าหน้าที่ในชุดยุทธวิธีเคลื่อนที่อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟเก่าและโอโซนจากเครื่องกำเนิดสนามพลังงาน

ผู้บัญชาการหลิน ยืนอยู่หน้าแผงควบคุมกลาง ดวงตาเฉียบคมและเด็ดเดี่ยวเหมือนเดิม ชุดยุทธวิธีของเธอมีร่องรอยการสึกหรอจากปฏิบัติการครั้งล่าสุด ข้างเอวมีปืนพลาสม่าที่เรืองแสงแผ่วเบา

เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองตอนที่ผมเดินเข้าไป “นายไม่รอ”

“คุณก็รู้อยู่แล้วว่าผมจะไม่รอ” ผมตอบ พลางวางกรอบรูปดิจิทัลต้องสาปลงบนโต๊ะโลหะข้างเธอ “เอาล่ะ มาดูกันเลยดีกว่า”

สายตาหลินตวัดมองกรอบรูปก่อนจะเม้มปากแน่น “นายรู้ไหมว่านายเพิ่งละเมิดระเบียบกี่ข้อตอนเอาไอ้นี่เข้ามา?”

ผมยักไหล่ “เราเลยจุดที่เรียกว่าปฏิบัติตามระเบียบมาไกลแล้วครับ ผู้บัญชาการ”

เธอถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนพยักหน้าให้ ริน เจ้าหน้าที่เทคนิคของหน่วย หญิงสาวที่มีดวงตาเฉียบคมและสัญลักษณ์หลายชิ้นเย็บติดอยู่บนเสื้อเกราะยุทธวิธี

“ริน เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับเซิร์ฟเวอร์หลัก เอาข้อมูลสดมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”

Sponsored Ads

———————

สัญลักษณ์ในสัญญาณรบกวน

กรอบรูปดิจิทัลดูเบาและเรียบลื่นเมื่อสัมผัส แต่กลับเย็นวาบอย่างน่าขนลุก—เหมือนกำลังกำกระจกที่ถูกทิ้งไว้ใต้ท้องฟ้าหนาวเหน็บ ผมเปิดเครื่อง

ช่วงแรก ภาพธรรมดาๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ: ภาพไปเที่ยวสวนสาธารณะ, เซลฟี่ยิ้มแย้ม, เดทจิบกาแฟยามเช้าที่เต็มไปด้วยแสงแดด แต่แล้ว… สัญญาณรบกวนก็เริ่มขึ้น เส้นสีดำขาดๆ เกินๆ ปรากฏขึ้น พาดผ่านรอยยิ้มที่เคยสดใส

ผมหยิบสมุดใบลานของย่าน้อย ออกมาและค่อย ๆ กางมันเหนือหน้าจอ กึ่งโปร่งแสงของใบลานเรืองแสง เผยให้เห็นบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ระหว่างพิกเซล—สัญลักษณ์ที่ซับซ้อน กำลังหมุนวนและก่อร่างขึ้นเป็นลวดลายใต้ภาพเหล่านั้น

“อืม…” ผมพึมพำเบาๆ “นี่ไม่ใช่การตั้งค่าจากโรงงานแน่ๆ”

แสงจากใบลานเผยให้เห็นสัญลักษณ์ที่แฝงอยู่ในเงามืด ราวกับถูกสลักลงไปในโค้ดดิจิทัลของอุปกรณ์ พวกมันไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญชักษณ์ แต่… พวกมันมีชีวิต มันเต้นระริกเป็นจังหวะอย่างแผ่วเบาในช่องว่างระหว่างการกระพริบของหน้าจอ

ผมเงยหน้าขึ้นมองเดือน “นี่ไม่ใช่แค่กรอบรูปธรรมดา แต่มันเป็นกับดัก—เป็นเครื่องสูบวิญญาณ มันกำลังดูดกลืนความทรงจำและอารมณ์ของคุณ… แล้วบิดเบือนมันไปเป็นอย่างอื่น”

เสียงของเดือรสั่นเครือ “คุณหมายความว่า… เป็นอย่างอื่นยังไงคะ?”

ผมขมวดคิ้ว “ลองนึกภาพมันเหมือนกับ… ตาข่ายดักปลา มันจับสามีคุณไว้ และตอนนี้มันกำลังรั้งเขาเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง”

Sponsored Ads

รินลากกรอบรูปไปที่สถานีควบคุมของเธอ มือที่สวมถุงมือขยับอย่างคล่องแคล่วขณะที่เธอเชื่อมมันเข้ากับเซิร์ฟเวอร์ บรรทัดของโค้ดที่บิดเบี้ยวและสัญลักษณ์แปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ราวกับชีพจรที่เต้นอย่างอ่อนแรง

“นี่ไม่ใช่การเข้ารหัสปกติ” รินพูดเสียงตึงเครียด “มัน…ซับซ้อน สัญลักษณ์พวกนี้ไม่ได้แค่ถูกฝังอยู่ในโครงสร้างดิจิทัล แต่มันถูก ‘ทอ’ เข้าไปในนั้น”

หลินก้าวเข้าไปใกล้หน้าจอ คิ้วขมวดมุ่น “นี่มันไม่ใช่เทคโนโลยีอีกต่อไปแล้ว มันกลายเป็นบางอย่างที่…อื่น”

บนหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ภาพจากกรอบรูปปรากฏขึ้น—คู่รักยืนเคียงข้างกัน ยิ้มแย้ม แต่เบื้องหลังพวกเขา…ไม่มีชายหาด ไม่มีสวน ไม่มีสถานที่ใดๆ นอกจาก ความมืดมิด

มันกระเพื่อมแผ่วเบา เหมือนผิวน้ำที่นิ่งสนิทถูกลมรบกวน

“พวกเขายังมีชีวิตอยู่” ผมพูดแผ่วเบา คำพูดติดขัดอยู่ที่ลำคอ

เจ้าหน้าที่รินหยุดชั่วครู่ “ในทางเทคนิคแล้วใช่ แต่…มันเหมือนกับว่าพวกเขาถูกแช่แข็ง ถูกขังอยู่ในสภาวะดิจิทัลที่รอคอยอะไรบางอย่าง”

ผมหันกลับไปมองกรอบรูปต้องสาป หน้าจอมันกระพริบเป็นริ้วสัญญาณรบกวนเล็ก ๆ ที่คืบคลานไปตามกระจก

เสียงของหลินยังคงนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความกังวล “ไม่ใช่แค่ดูดพลังงาน แต่กรอบรูปพวกนี้กำลังเก็บ ‘บางอย่าง’ เอาไว้ มันกักขังผู้คนเอาไว้”

จู่ ๆ อุณหภูมิในห้องก็ลดฮวบ ราวกับมีใครเปิดประตูสู่อากาศหนาวเหน็บ ลมหายใจของพวกเรากลายเป็นไอขาวใต้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์

กรอบรูปบนโต๊ะเริ่มสั่นเบา ๆ และเสียงกระซิบแผ่ว ๆ เริ่มแทรกผ่านความเงียบ

[อย่าปล่อยให้มันเอาตัวเราไป… ได้โปรด…]

Sponsored Ads

เจ้าหน้าที่รินถอยหลัง มือของเธอวางไว้เหนือสวิตช์ควบคุมการกักกัน ผู้บัญชาการหลินก้าวไปข้างหน้า เสียงของเธอเย็นชาและเฉียบขาด

“พวกเขารับรู้ทุกอย่าง”

ความเย็นเยียบวิ่งขึ้นมาจากสันหลังของผม การรับรู้…และติดอยู่ในสภาพนั้น นั่นคือชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

“ผู้บัญชาการ…อะไรก็ตามที่นี่ มันกำลังแพร่กระจาย เครือข่ายที่กรอบรูปเหล่านี้เชื่อมต่อไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีใครบางคนกำลังควบคุมมัน”

หลินกำหมัดแน่น “ยังมีกรอบรูปอีกกี่เครื่องที่ยังออนไลน์อยู่?”

เจ้าหน้าที่รินเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว แผนที่ขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ ปรากฏขึ้นบนจอมอนิเตอร์ จุดสีแดงกระพริบกระจายไปทั่วพื้นที่ที่พักอาศัย ตลาดกลางคืน และห้างสรรพสินค้า

“อย่างน้อยห้าสิบเครื่อง” รินพูดเสียงเบา “และทั้งหมดกำลังส่งสัญญาณไปยังที่อยู่เซิร์ฟเวอร์เดียวกัน สัญญาณกำลังวนอยู่ แต่ว่า…ฉันคิดว่าฉันระบุพิกัดได้แล้ว”

บนหน้าจอ ตัวอักษรสีแดงปรากฏขึ้น:
VALENCO.14—เซิร์ฟเวอร์ยังออนไลน์อยู่

ข้อความเรืองแสงอย่างช้า ๆ ราวกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่อ่อนแรง

ผมรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว “นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นี่เป็นเจตนา”

หลินพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง “มิสเตอร์วาเลนไทน์”

เจ้าหน้าที่รินชะงักไปชั่วขณะ “ผู้บัญชาการ…ฉันคิดว่าอุปกรณ์พวกนี้ไม่ได้แค่ส่งสัญญาณออกไป แต่มันกำลังรับสัญญาณบางอย่าง…คำสั่ง…หรือไม่ก็การเรียกหาอะไรบางอย่าง”

เสียงกระซิบจากกรอบรูปดังขึ้นอีกครั้ง ดังก้องเหมือนลมหนาวที่พัดผ่านช่องว่างมืดมิด

[โอบรับความว่างเปล่า…เข้าร่วมกับเรา…ขอบเขตนั้นรอเราอยู่…]

ผู้บัญชาการหลินทุบใส่แผงควบคุมการกักกัน เสียงกระซิบขาดหายไปในทันที กรอบรูปดับสนิท ความเงียบโรยตัวลงมา

ในความเงียบงันนั้น พวกเราต่างยืนนิ่ง รู้ดีว่าอะไรก็ตามที่พวกเราเพิ่งเผชิญหน้ามัน…มันยังไม่จบสิ้น

Sponsored Ads

———————

พิธีกรรมที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์

เสียงของหลินทำลายความเงียบ ก้องกังวานชัดเจนในห้องบัญชาการ
“เจ้าหน้าที่ริน ฉันต้องการให้กรอบรูปทุกเครื่องบนเครือข่ายนี้ถูกกักกันทันที ไม่มีข้อมูลเข้า ไม่มีข้อมูลออก”

“รับทราบ ผู้บัญชาการ” รินตอบ มือของเธอขยับอย่างคล่องแคล่วบนแป้นพิมพ์ ขณะที่โค้ดและสัญญาณเตือนปรากฏขึ้นบนจอมอนิเตอร์

หลินหันมาหาผม สายตาของเธอจริงจังและเด็ดเดี่ยว
“นี่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี นาวิน นี่คือพิธีกรรม สัญลักษณ์ดิจิทัลทำหน้าที่เป็นวงจรเปิด ใครบางคนกำลังรวบรวมพลังงาน—และวิญญาณ—ในปริมาณมหาศาล”

ผมพยักหน้า ความรู้สึกหนักอึ้งเกาะกุมในท้อง “กรอบรูปพวกนี้ทำตัวเหมือนประตู พวกมันไม่ได้แค่ขโมยผู้คนไป แต่มันกำลัง…พาพวกเขาไปยังที่อื่น”

หลินกัดริมฝีปากแน่น สีหน้าเคร่งเครียด “ถ้าเราไม่หยุดมันไว้ วันวาเลนไทน์ในกรุงเทพฯ กำลังจะกลายเป็นวันเก็บเกี่ยววิญญาณครั้งใหญ่”

เจ้าหน้าที่ริน เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ เสียงของเธอตึงเครียด “ที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ชี้ไปที่ตลาดกลางคืนเอเชียทีคค่ะ”

หลินปรับตำแหน่งปืนพลาสม่าที่เอวของเธอ “ถ้าอย่างนั้น เราออกปฏิบัติการคืนนี้”

ผมหยิบมีดหมอออกจากกระเป๋าและรัดมันไว้ที่เอวอย่างแน่นหนา “มิสเตอร์วาเลนไทน์เป็นคนควบคุมทุกอย่าง ถ้าเราเจอเขา เราจะเจอจุดศูนย์กลางของพิธีกรรมนี้”

หลินพยักหน้า สายตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความดุดัน “เตรียมตัวให้พร้อม นาวิน คืนนี้ทุกอย่างจะจบลง”

Sponsored Ads

———————

สัญญาณจากกรอบรูป

ขณะที่ผมหันหลังเดินตามหลินออกจากห้องบัญชาการ กรอบรูปต้องสาปบนโต๊ะก็ส่องแสงวาบขึ้นมาอีกครั้ง

เสียงสัญญาณรบกวนกระจายไปทั่วห้อง และ ใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นบนจอ

มิสเตอร์วาเลนไทน์

ผมจ้องไปที่ภาพของชายในชุดสูทเรียบหรู ผมเรียบแปล้ และรอยยิ้มกว้างขวางที่ดู…ผิดปกติ รอยยิ้มที่ไม่ใช่มิตรภาพ แต่เป็นการคุกคาม

ริมฝีปากของเขาขยับช้า ๆ แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา

ทว่าสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยินคือ เสียงกระซิบต่ำ แผ่วเบา และเย็นเยียบ ที่เจาะผ่านความเงียบเข้ามาในหูผม:

[แล้วพบกัน นาวิน… ความสงบนิ่งรออยู่]

หน้าจอดับวูบลงทันที

หลินหันกลับมามองกรอบรูป สายตาของเธอหรี่แคบลงอย่างระแวดระวัง

“ไปกันเถอะ” เธอกล่าวเสียงแน่วแน่

และขณะที่พวกเราออกไปสู่ค่ำคืนของกรุงเทพฯ ภาพรอยยิ้มของ มิสเตอร์วาเลนไทน์ ยังคงติดตาอยู่ในหัวของผม พร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งที่บอกผมว่า—

เรากำลังก้าวเข้าสู่กับดักอย่างช้าๆ