ห้วงลึกแห่งความว่างเปล่าทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตาไม่มีที่สิ้นสุดในทุกทิศทาง พื้นผิวเรียบเนียนราวกับกระจกสีดำสนิท และเย็นเยียบเหมือนสุสานที่ไร้ชีวิต เหนือหัวเราคือผืนฟ้าสีดำสนิทที่หมุนวนไปมา ประดับด้วยแสงดาวจาง ๆ ราวกับแสงเทียนที่กำลังจะดับลง
Sponsored Ads
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะลุกขึ้นยืน มือของผมสั่นเล็กน้อยขณะที่กำมีดหมอเอาไว้แน่น หลินยืนอยู่ข้างผม ปืนพลาสม่าในมือของเธอเปล่งแสงสีน้ำเงินจาง ๆ สายตาคมกริบของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ ขอบฟ้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ
“โอเค” ผมพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “นี่ไม่ใช่ห้องเซิร์ฟเวอร์อีกต่อไปแล้ว”
รองเท้าบูทของหลินกระทบกับพื้นผิวกระจกดัง “กึก กึก” ขณะที่เธอขยับท่าทางอย่างระแวดระวัง
“ไม่ใช่” เธอกล่าว น้ำเสียงเย็นเยียบ “นี่คือบางสิ่งที่แตกต่าง… เราอยู่ในพิธีกรรมนี้แล้ว”
จากที่ไกลโพ้น เสียงฝีเท้าดังกังวานขึ้น—เสียงรองเท้าหนังขัดเงากระทบกับพื้นกระจก
มิสเตอร์วาเลนไทน์ ที่ยืนอยู่ขอบของห้วงลึกแห่งความว่างเปล่า ร่างเงาของเขาถูกส่องสว่างด้วยแสงประหลาดจากด้านหลัง เนคไทสีแดงนิ่งสนิท และรอยยิ้มแหลมคมของเขาเปล่งประกายภายใต้แสงสลัว
“ยินดีต้อนรับ นักเดินทางทั้งสอง” เขาพูด เสียงของเขากระจายไปทั่วความเวิ้งว้างอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ยินดีต้อนรับสู่สถานที่ระหว่างช่วงเวลา พื้นที่ที่ถูกสลักขึ้นจากความโหยหา ถูกล้อมกรอบด้วยความเสียใจ และถูกผนึกด้วยรักนิรันดร์”
หลินยกปืนพลาสม่าขึ้นมา สายตาของเธอเป็นประกายแข็งกร้าว “เลิกพล่ามบทกวีวาเลนไทน์ไร้สาระนี่ซะ คนที่ติดอยู่ที่นี่อยู่ไหน?”
เขากวาดมือชี้ไปยังขอบของห้วงลึกแห่งความว่างเปล่า ซึ่งมีเงาราง ๆ ของคู่รักหลายคู่ปรากฏขึ้นและหายไปอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสับสน ถูกแช่แข็งไว้ในชั่วขณะสุดท้ายก่อนจะถูกกลืนหาย
“พวกเขาอยู่ที่นี่” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่เย็นเยียบ “และอีกไม่นาน… พวกคุณก็จะมาอยู่กับพวกเขา”
พื้นใต้เท้าของเราสั่นไหว คล้ายกับมีคนโยนก้อนหินลงไปในบ่อน้ำที่สงบนิ่ง เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นรอบ ๆ เรา
[จงร่วมกับเรา… โอบรับความว่างเปล่า… ความรักเป็นนิรันดร์…]
ผมจับมีดหมอให้แน่นกว่าเดิม ดวงตาของผมสบกับหลิน
“หลิน… เราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
Sponsored Ads
———————
เงาสะท้อนในความว่างเปล่า
ขณะที่เราก้าวเดินไปข้างหน้า อากาศรอบตัวเริ่มหนักอึ้ง แต่ละก้าวของเราราวกับต้องลุยฝ่าโคลนเปียกชื้นที่เหนียวหนืด
จากนั้น… เงาสะท้อนก็เริ่มปรากฏขึ้น
บนพื้นผิวกระจกใต้เท้าของเรา ภาพบิดเบี้ยวแวบผ่านไปมา—ภาพหลอนที่สร้างขึ้นจากเศษเสี้ยวของความกลัวและความเสียใจในใจเราเอง
ผมเห็นตัวเองยืนอยู่ในร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ของตัวเอง รอบกายเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่พังยับเยินและโปรเจกต์ที่ยังทำไม่เสร็จ แต่ร้านนั้นเงียบสนิท ว่างเปล่า—ไม่มีลูกค้า ไม่มีธนาที่บุกเข้ามาพร้อมกาแฟเย็น ไม่มีความวุ่นวายที่คุ้นเคย มีเพียงผม… คนเดียว… ตลอดไป
เสียงกระซิบแทรกซึมเข้ามาในความคิดของผม
[คุณช่วยพวกเขาไว้ไม่ได้ คุณมักจะมาช้าเกินไปเสมอ… โดดเดี่ยว… ตลอดกาล…]
ข้าง ๆ ผม หลินหยุดเดินกะทันหัน เงาสะท้อนของเธอแสดงให้เห็นภาพเธอยืนอยู่กลางตาข่ายกักกันที่แตกกระจาย รอบตัวเธอเต็มไปด้วยศพของเจ้าหน้าที่หน่วยม่าน—ทีมของเธอ—นอนนิ่งไร้ชีวิต ปืนพลาสม่าห้อยลงจากมือของเธอ ดวงตาของเธอว่างเปล่า ปราศจากความมุ่งมั่นอันคมกริบที่เป็นเอกลักษณ์
เธอกระซิบเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ฉัน… ไม่… ทำไม่ได้… ไม่ได้อีกแล้ว”
เสียงกระซิบเลื้อยผ่านพวกเรา พันธนาการจิตใจราวกับหมอกควัน
[คุณล้มเหลวอีกครั้ง… คุณจะล้มเหลวอีกครั้ง… ยอมแพ้ซะ… ร่วมกับเรา…]
ผมกัดฟันแน่น ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับยกมีดหมอขึ้นสูง แสงเรืองจาง ๆ ส่องสว่างจากใบมีด
“หลิน!” ผมเรียก น้ำเสียงหนักแน่น “มองมาที่ฉัน! มองตาฉันสิ!”
เธอกะพริบตา ดึงสายตาออกจากเงาสะท้อน หายใจหอบถี่ “ฉันอยู่ตรงนี้… ฉันยังอยู่ตรงนี้”
สัญลักษณ์บนพื้นเริ่มเปลี่ยนรูปร่างอีกครั้ง แสงสว่างขึ้นราวกับกำลังเย้ยหยันพวกเรา
“เราต้องไม่ปล่อยให้ที่นี่แทรกซึมเข้ามาในหัวของเรา” ผมพูดเสียงเครียด “เดินต่อไป!”
Sponsored Ads
———————
เงาจู่โจม
ความเงียบแตกสลายลง
จากขอบเขตของห้วงลึก เงาร่างเริ่มก่อตัวขึ้น—หลายสิบร่าง รูปร่างคล้ายคู่รักที่ถูกขังอยู่ในกรอบภาพ แต่ผิดเพี้ยน ใบหน้าพวกมันพร่ามัว แขนขาเหยียดยาวอย่างผิดธรรมชาติ ดวงตาว่างเปล่าเรืองแสงจาง ๆ
““เข้ามา!” หลินตะโกน พร้อมกับยกปืนพลาสม่าขึ้นเล็ง
เงามืดพุ่งเข้าหาเรา
หลินยิงปืนพลาสม่าเป็นชุดติดกันหลายครั้ง แต่ละลำแสงทำให้ความมืดสว่างวาบชั่วขณะ พลาสม่าพุ่งทะลุผ่านเงาเหล่านั้น สลายพวกมันเป็นควันจาง ๆ แต่จำนวนของพวกมันไม่ลดลง กลับเพิ่มขึ้นราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
ผมทรุดตัวลงบนเข่าข้างหนึ่ง และเริ่มใช้มีดหมอแกะสลักยันต์ขัดขวางลงบนพื้นผิวกระจก แสงสีฟ้าจาง ๆ ส่องออกมาจากแต่ละรอยสลัก ใบมีดแผดเสียงดัง “ซี่ ซี่” ขณะที่มันขูดกับพื้น
วงแหวนแสงสีน้ำเงินปรากฏขึ้นรอบตัวเรา เงามืดพุ่งเข้าใส่ แต่กระแทกกับบาเรียพลังงานและถูกผลักออกไป รอยข่วนจากกรงเล็บทิ้งเส้นจาง ๆ บนแสงสีฟ้า
แต่ทุกครั้งที่ผมสลักยันต์ พื้นใต้เท้าสั่นสะเทือน ความว่างเปล่าเริ่มไม่เสถียรยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
หลินยิงอีกนัด เสียงของเธอเครียดจัด
“นาวิน! แบบนี้ไม่ไหว! เราต้องมีแผนที่ดีกว่านี้!”
เงามืดพุ่งเข้ามาอีกครั้ง หนึ่งในนั้นเล็ดลอดผ่านวงแหวนยันต์ พุ่งตรงเข้าหาหลิน
“หลิน!” ผมตะโกนลั่น
ในชั่วเสี้ยววินาที ผมคว้าเป้สะพายหลัง และหยิบควายธนูขึ้นมา
เครื่องรางควายธนูเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า ขณะที่ผมขว้างมันไปทางหลิน
ควายธนูเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์วิเศษสีทอง แสงจากเขาสาดส่องไปทั่ว เงาร้ายถูกควายธนูพุ่งชน สลายหายไปในอากาศเหมือนควันถูกสายลมพัดกระจาย
ควายธนูเดินวนรอบหลิน ร่างกายเรืองแสงเป็นเกราะปกป้องเธอจากเงาที่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
หลินหันกลับมามองผม รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ตึงเครียด
“โยนได้แม่นใช้ได้เลยนะ”
แต่ทันใดนั้น พื้นใต้เท้าของเราสั่นสะเทือนอีกครั้ง และที่ไกลออกไป เบื้องลึกของความเวิ้งว้าง… มีบางสิ่งขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหว
Sponsored Ads
———————
ต้นตอของทุกสิ่ง
สายตาคมกริบของหลินจับจ้องไปยังบางสิ่งในระยะไกล—สัญลักษณ์ขนาดมหึมา หมุนวนอยู่กลางอากาศเหนือความเวิ้งว้าง มันเรืองแสงจาง ๆ ที่ขอบสัญลักษณ์มีพลังงานวูบไหว สั่นสะเทือนด้วยความโกลาหล
“นั่นแหละต้นตอ” หลินพูด น้ำเสียงเด็ดขาด “นั่นคือสิ่งที่ยึดสถานที่นี้ไว้ด้วยกัน”
สัญลักษณ์สั่นไหว ราวกับมันมีชีพจรเป็นของตัวเอง เงามืดรอบกายเราหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เหมือนกำลังรอคำสั่งจากบางสิ่ง
ใต้สัญลักษณ์นั้น มิสเตอร์วาเลนไทน์ ยืนอยู่ แขนทั้งสองข้างยกขึ้นราวกับกำลังแสดงความเคารพต่อบางสิ่งอันยิ่งใหญ่
“ทุกอย่างที่พวกคุณเห็น” เขาเอ่ยขึ้น น้ำเสียงชุ่มไปด้วยความพึงพอใจ “เกิดขึ้นจากสัญลักษณ์นี้ มันคือหัวใจของพิธีกรรมนี้—ผลงานชิ้นเอกแห่งความรักและความนิรันดร์”
เสียงของหลินแหลมคม เธอไม่สนใจคำพูดอันโอหังของเขา “แล้วเราจะไปถึงมันได้ยังไง?”
รอยยิ้มของมิสเตอร์วาเลนไทน์กว้างขึ้นอย่างน่าขนลุก “โอ้ ท่านผู้บัญชาการ คุณอยู่บนเส้นทางนั้นแล้ว แต่คำถามคือ… คุณจะจ่ายค่าผ่านทางได้หรือเปล่า?”
เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง รอบตัวเรา
[จงร่วมกับเรา… ความว่างเปล่า… ห้วงลึกกำลังรออยู่…]
สัญลักษณ์เหนือหัวเริ่มหมุนเร็วขึ้น แสงจากมันสะท้อนลงบนพื้นเวิ้งว้างเบื้องล่าง สร้างเป็นลวดลายวนซ้ำซ้อน ราวกับภาพสะท้อนจากกระจกที่บิดเบี้ยว
หลินหันมามองผม ดวงตาของเธอเด็ดเดี่ยวแม้จะมีความโกลาหลอยู่รอบกาย
“เราต้องไปถึงที่นั่น นาวิน สัญลักษณ์นั่นคือกุญแจ ถ้าเราทำลายมันได้ เราจะพังทั้งมิติพิธีกรรมนี้ลงมาได้”
ผมพยักหน้า กำมีดหมอแน่นในมือ
แต่ลึก ๆ ในใจของผม มีความรู้สึกหนักอึ้งแผ่ซ่านออกมา
การไปถึงมันไม่ใช่ส่วนที่ยากที่สุด
แต่การเอาชีวิตรอดต่างหาก ที่จะเป็นบททดสอบจริง ๆ
Sponsored Ads
———————
เส้นทางข้างหน้า
เงามืดเริ่มเคลื่อนเข้าหาเราอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของพวกมันกระตุกและดุดัน แสงสีทองจากควายธนูเริ่มริบหรี่ แต่ยังคงหมุนวนปกป้องพวกเราอย่างแน่วแน่
หลินบรรจุกระสุนพลังงานใหม่เข้าไปในปืนพลาสม่าของเธอ ขากรรไกรของเธอขบแน่น เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“นาวิน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เราต้องทำลายสัญลักษณ์นั่นให้ได้”
ผมพ่นลมหายใจออกมาช้า ๆ ละอองไอเย็นลอยฟุ้งออกมาจากริมฝีปาก
“ถ้างั้น ก็ต้องรีบไปก่อนที่มันจะกลืนกินพวกเราทั้งคู่”
สัญลักษณ์ที่ด้านบนสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ความว่างเปล่าเบื้องล่างไหวระริกเหมือนผิวน้ำที่ถูกกระทบจากแรงกระเพื่อม
เสียงของมิสเตอร์วาเลนไทน์ก้องกังวานไปทั่วห้วงลึก
“มาสิ นักเดินทาง… ความว่างเปล่ากำลังรออยู่…”
แล้วเงามืดก็พุ่งเข้าใส่เราอย่างรุนแรงอีกครั้ง
Sponsored Ads