ห้องเซิร์ฟเวอร์กลายเป็นสุสานของสายเคเบิลที่บิดเบี้ยว แผงวงจรที่ยังมีประกายไฟแตกกระจาย และเศษกระจกที่สะท้อนแสงแผ่วเบา แสงจางๆ ของพลังงานที่เหลืออยู่ลอยค้างอยู่ในอากาศ คล้ายถ่านไฟที่กำลังจะมอดดับ ทอดเงาจาง ๆ ยาวไปตามซากปรักหักพัง
Sponsored Ads
เสียงฮัมจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใกล้สิ้นใจถูกแทนที่ด้วยเสียงพูดคุยเบา ๆ ของเหล่าเจ้าหน้าที่หน่วยม่านที่กำลังตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่
ผู้บัญชาการหลินยืนอยู่กลางห้อง สายตาคมกริบของเธอกวาดไปทั่วพื้นที่ สลับไปมาระหว่างทีมของเธอกับเศษซากสัญลักษณ์ที่แตกละเอียด ชุดยุทธวิธีของเธอเปื้อนคราบเขม่าควันและฝุ่นผง แต่ท่าทางของเธอยังคงหนักแน่น ไม่ยอมแพ้
“หน่วยอัลฟ่า เก็บกรอบรูปทั้งหมด รวมถึงเศษซากทุกชิ้น ร่องรอยพลังงานใด ๆ ห้ามหลุดรอดออกไปได้ หน่วยเบต้า ตรวจสอบบันทึกเครือข่าย ค้นหาเส้นทางการเชื่อมต่อของพิธีกรรมวาเลนไทน์นี้ทุกสาย ทุกเศษเสี้ยว”
เหล่าเจ้าหน้าที่เคลื่อนไหวทันที การเคลื่อนที่ของพวกเขาคมกริบและแม่นยำ
ผมนั่งยอง ๆ อยู่ข้างซากตู้เซิร์ฟเวอร์ที่แตกร้าว พลิกหาอะไรบางอย่างท่ามกลางเศษซาก ที่ไหนสักแห่งในความวุ่นวายนี้ “สมุดใบลานของย่าน้อย” ได้หลุดออกจากมือผมก่อนที่เราจะถูกดึงเข้าสู่ห้วงลึก มันไม่ใช่แค่เครื่องรางโบราณ—แต่มันคือ เชือกแห่งชีวิต
Sponsored Ads
หลินเดินเข้ามาใกล้ รองเท้าบูทของเธอเหยียบกระจกแตกดังกรอบแกรบ “หาเจอไหม?”
“ยังไม่เจอ” ผมพึมพำ ปัดคราบเขม่าที่เปื้อนแขนเสื้อ “แต่ผมจะไม่ทิ้งมันไว้ตรงนี้แน่ สมุดเล่มนั้นมีอายุมากกว่าพวกเรารวมกัน มันช่วยชีวิตผมมาหลายครั้งเกินกว่าจะนับได้”
หลินกอดอก สายตาของเธอนุ่มลงเล็กน้อย “เราจะหามันให้เจอ นาวิน แต่ตอนนี้กรอบรูปต้องมาก่อน เราเสี่ยงไม่ได้แม้แต่เศษชิ้นเดียวที่จะตกไปอยู่ในมือคนผิดแม้แต่น้อย”
ใกล้ ๆ กัน เจ้าหน้าที่มาลัยตะโกนขึ้นมา ชูเศษกรอบรูปที่แตกออกมาเป็นชิ้นใหญ่ บนผิวแตกนั้น สัญลักษณ์ยังคงส่องแสงแผ่วเบา
“ผู้บัญชาการ เศษชิ้นนี้ยังคงมีกระแสพลังงานหลงเหลืออยู่จาง ๆ”
หลินหันไป สายตาคมกริบ “ซีลมันไว้ในกล่องกักกัน ห้ามใครแตะต้องโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ผมลุกขึ้น ยกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จ้องมองเศษกรอบรูปที่ถูกวางลงในกล่องกักเก็บพลังงานอย่างระมัดระวัง เสียงฮัมอันแผ่วเบาของพลังงานทำให้ผิวหนังผมขนลุก
ผมถอนหายใจ “ไม่เอาแล้ว เทคโนโลยีวาเลนไทน์อีก”
หลินยิ้มมุมปากบาง ๆ “เห็นด้วย”
Sponsored Ads
———————
สายโทรศัพท์ถึงมะลิ
เมื่อกลับมาสู่ความคุ้นเคยที่อบอุ่นของ ‘ร้านนาวินซ่อมคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์’ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมารู้สึกเหมือนฝันร้าย กลิ่นธูปจาง ๆ และหัวแร้งจากการบัดกรีอบอวลอยู่ในอากาศ ผมจัดการเก็บเศษสุดท้ายของสัญลักษณ์ที่แตกละเอียดใส่กล่องกักกันอย่างระมัดระวัง มีดหมอกลับไปอยู่ที่เดิมบนชั้นวางเครื่องรางป้องกันของผม
ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของเดือน เสียงสัญญาณดังขึ้นสองครั้งก่อนเธอจะรับสาย
“นาวิน?”
เสียงของเธอแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความหวัง
“เฮ้ เดือน มันจบแล้ว” ผมพูดเบา ๆ “ตั้มปลอดภัย เขาจะได้กลับบ้านเร็ว ๆ นี้”
ความเงียบแทรกผ่านสาย ตามมาด้วยเสียงหายใจสะอื้นแผ่วเบา
“ขอบคุณ… ขอบคุณมากจริง ๆ”
“เขาจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวสักพัก” ผมพูดต่อ “สิ่งที่เขาผ่านมา…มันไม่ง่ายเลย แต่เขาเข้มแข็ง และคุณก็เช่นกัน”
“ขอบคุณนะ นาวิน ขอบคุณจากใจจริง ๆ”
ผมยิ้มบาง ๆ “ดูแลเขาดี ๆ นะ เดือน”
ผมวางสาย จ้องมองไปยังภาพสะท้อนของตัวเองบนกระจกจอคอมเก่า ๆ ที่แตกร้าว
ชีวิตหนึ่งได้รับการกอบกู้ หลายสิบชีวิตได้รับการช่วยเหลือ แต่ที่ไหนสักแห่ง ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกลืมเลือน ในอุปกรณ์ที่ไม่มีใครแตะต้อง เสียงกระซิบยังคงดังแผ่วเบา
Sponsored Ads
———————
การปรากฏตัวอันยิ่งใหญ่ของธนา
ประตูร้านของผมส่งเสียงเอี๊ยดเบา ๆ ก่อนที่ ธนาจะพุ่งเข้ามาเหมือนพายุที่ดื่มคาเฟอีนจนเกินขนาด ในมือข้างหนึ่งถือตุ๊กตารูปหัวใจยักษ์สีแดงสดและมืออีกข้างหนึ่งถือ กระป๋องกาแฟเย็น
“สุขสันต์วาเลนไทน์ย้อนหลังนะ ฮีโร่!” เขาประกาศเสียงดัง พร้อมโบกตุ๊กตารูปหัวใจเหมือนธงแห่งชัยชนะในสนามรบ
ผมครางออกมาอย่างหมดแรงและทิ้งหัวลงไปบนเคาน์เตอร์ “ธนา ถ้านายพูดอะไรอีกสักคำ ฉันสาบานต่อทุกวิญญาณในกรุงเทพฯ ว่า—”
“โธ่เอ๊ย!” ธนายิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผม “อย่าโทษฉันเลยน่า นายเองก็เล่นโรแมนติกทริปกับผู้การหลินซะขนาดนั้น ความรักมันอยู่ทุกที่—ในอากาศ ในเซิร์ฟเวอร์ และในห้วงลึกแบบดิจิทัลด้วย!”
ผมหยิบประแจที่อยู่ใกล้มือที่สุดและขว้างใส่เขา ธนาก้มหลบอย่างว่องไว ประแจหล่นกระทบพื้นพร้อมเสียงดัง แกร๊ง!
“ออกไป เดี๋ยวนี้!”
ธนายกกระป๋องกาแฟเย็นขึ้นจิบอย่างสบายใจ “ยอมรับเถอะน่า นาวิน นายกับหลินเป็นทีมที่ดีจริง ๆ ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบ ‘รักกันไม่รักกัน’ นี่มันสุดยอดไปเลย!”
ผมชี้ไปที่ประตูด้วยประแจในมืออีกอัน
ธนายกตุ๊กตารูปหัวใจขึ้นบังหน้าเหมือนโล่ “โอเค โอเค! ฉันไปแล้ว! แต่หนี้ฉันเล่ารายละเอียดทั้งหมดด้วยนะ และคำว่า ‘เล่ารายละเอียด’ สำหรับฉันหมายถึง ‘เมาท์ให้หมดเปลือก!’”
ธนายิ้มกว้าง โบกมือลา และเดินออกจากร้านพร้อมกับเสียงนกหวีดทำนองเพลงรักเกาหลี
ผมถอนหายใจยาว เอนตัวพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า
เสียงหึ่งเบา ๆ ดังมาจาก กล่องกักเก็บใต้เคาน์เตอร์ เศษชิ้นส่วนจากสัญลักษณ์ที่แตกละเอียดยังคงเรืองแสงแผ่ว ๆ ถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนา
Sponsored Ads
———————
กรอปรูปสุดท้าย
ภายในห้องนิรภัยของหน่วยม่าน ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนลึกที่สุดของอาคารศูนย์กลางราชการกรุงเทพฯ กรอบรูปสุดท้ายถูกผนึกไว้ในกล่องกระจกนิรภัยเสริมความแข็งแรง
พื้นผิวกระจกแตกร้าว สัญลักษณ์บนกรอบจางหายไปบางส่วน แต่พลังงานบางเบายังคงเต้นระริกอยู่ใต้รอยร้าว
ผู้บัญชาการหลินยืนอยู่ตรงหน้ากรอบรูป แขนกอดอก สีหน้าเรียบนิ่งและอ่านไม่ออก ขณะที่ประตูนิรภัยปิดลงด้วยเสียง “ตึก” หนักแน่น
เจ้าหน้าที่รินยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยแต่ยังมั่นคง
“ผู้บัญชาการ ระบบกักกันยังคงทำงานได้ แต่…เราตรวจพบสัญญาณพลังงานจาง ๆ ก่อนที่มันจะถูกซีล มันเหมือน…มันยังไม่หยุดนิ่งสนิทดี”
สายตาคมกริบของหลินจ้องมองไปที่ หน้าจอแตกร้าวของกรอปรูปที่กำลังกะพริบแผ่ว ๆ
ในช่วงเวลาสั้น ๆ หน้าจอสว่างขึ้นอีกครั้ง ภาพหมุนวนคล้ายกับกำลังแสดงบางสิ่ง—เป็นภาพของห้วงลึกที่มืดมิด ความว่างเปล่าที่กว้างใหญ่ประดับประดาด้วยแสงเลือนรางเหมือนดวงดาวใกล้ดับ
และจากนั้น คำพูดปรากฏขึ้นบนหน้าจอด้วยตัวอักษรที่แตกร้าวและสั่นไหว
[ความรักจะหวนกลับมาเสมอ]
เสียงกระซิบแผ่วเบาแทรกผ่านความเย็นเฉียบในห้องนิรภัย
[ความว่างเปล่ากำลังรอคอย… ความรักจะหวนกลับมาเสมอ…]
แสงบนหน้าจอดับลง เหลือไว้เพียงความมืดมิด
หลินหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนิรภัย เสียงฝีเท้าของเธอดังก้องกังวานไปทั่วห้องเงียบสงัด แต่เบื้องหลังเธอ แสงสลัวจาง ๆ ยังคงส่องริบหรี่ที่ขอบของกระจกแตกร้าว
Sponsored Ads
———————
เสียงกระซิบที่ยังหลงเหลืออยู่
แสงนีออนจากป้ายร้านของผมส่องแสงริบหรี่ เสียงหึ่งเบา ๆ ดังอยู่เหนือหัว ขณะที่ผมยืนอยู่บนพื้นคอนกรีตแตกร้าว มือยัดลึกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต เสียงวุ่นวายของกรุงเทพฯ ยังคงกึกก้อง—เสียงแตรรถ เสียงแม่ค้าตะโกนแข่งกับเตาย่างร้อนระอุ และเสียงหึ่งของไฟนีออนสลับกับกลิ่นอับชื้นของค่ำคืนในเมืองหลวง
ในกล่องกักเก็บที่อยู่ในร้านของผม เศษชิ้นส่วนจากสัญลักษณ์ยังคง ส่องแสงริบหรี่—จังหวะการเต้นช้า ๆ ไม่สม่ำเสมอ เป็นเหมือนหัวใจที่แตกสลาย ส่องสว่างด้วยแสงที่ขาดห้วงและเสียงกระซิบจากคลื่นสถิต
[ความรักเป็นนิรันดร์… ความว่างเปล่ากำลังรออยู่… อีกไม่นาน]
ผมสะบัดหัวเบา ๆ ไล่ความคิดนั้นออกไป ก่อนจะหันหลังเดินเข้าซอยมืดมิด มุ่งหน้าไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำ แต่ก่อนจะทันได้ก้าวไปไหน โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นสะเทือน หน้าจอสว่างวาบขึ้นด้วยชื่อ “ผู้บัญชาการหลิน”
หลินไม่โทรหาผม ถ้ามันไม่สำคัญจริง ๆ
ผมถอนหายใจและกดรับสาย “หลิน ถ้านี่เป็นเรื่องตู้ขายของอัตโนมัติต้องสาปอีกละก็… ผมจะลาพักร้อนยาว ๆ”
เสียงของหลินลอดออกมาชัดเจนและเด็ดขาด แต่แฝงไว้ด้วยความโล่งใจบางเบา “พอได้เลย นาวิน นี่เป็นข่าวดี…สักที”
ผมหยุดเดินทันที เท้าข้างหนึ่งค้างอยู่เหนือแอ่งน้ำที่สะท้อนแสงสีชมพูนีออนจากร้านค้าใกล้เคียง
“ผมไม่เคยได้ยินสองคำนี้จากคุณมาก่อนเลย ข่าวอะไร?”
“เราเจอมันแล้ว”
โลกโดยรอบดูเหมือนจะเงียบลงชั่วขณะ เสียงวุ่นวายของท้องถนนหายไป เหลือเพียงเสียงหัวใจเต้นหนักหน่วงอยู่ในหูผม
“สมุดใบลาน?” ผมกระซิบออกมา
“ใช่” หลินตอบทันที “มันติดอยู่ระหว่างตู้เซิร์ฟเวอร์สองตู้ ลึกจนเกือบไม่มีใครเห็น หน้าใบลานบางหน้าไหม้เกรียม ขอบบางส่วนฉีกขาด แต่มันยังอยู่ในสภาพดี”
ผมปล่อยลมหายใจยาวที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังกลั้นไว้ สมุดไบลาน—ต้นฉบับใบลานโบราณของย่าน้อย อัดแน่นไปด้วยความรู้และยันต์ที่เก่าแก่ยิ่งกว่าเมืองหลวงแห่งนี้ มันไม่สามารถถูกแทนที่ได้การสูญเสียมันไปเปรียบได้กับการสูญเสียส่วนหนึ่งของตัวตนผม
“ผมนึกว่ามันหายไปแล้ว” ผมยอมรับเสียงเบา
“แต่มันยังอยู่ที่นี่” หลินกล่าว “ตอนนี้มันถูกเก็บไว้ในห้องกักกันของเรา เจ้าหน้าที่เอกสารของเรากำลังตรวจสอบความเสียหายอยู่ แต่จากการสแกนเบื้องต้น ยันต์หลักยังคงใช้งานได้”
น้ำเสียงของเธออ่อนลงเล็กน้อย “ฉันรู้ว่ามันสำคัญกับนาย นาวิน นายมารับมันได้พรุ่งนี้เช้า”
Sponsored Ads
ภาระหนักอึ้งที่ผมแบกไว้เหมือนถูกยกออกจากบ่า ผมกำโทรศัพท์แน่นขึ้น มองไปยังถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟเบื้องหน้า
“ขอบคุณนะ หลิน” ผมพูดเสียงเบา
“ไม่เป็นไร” เธอตอบสั้น ๆ ก่อนจะหยุดไปชั่วครู่ “พักผ่อนบ้างนะ นวิน นายควรได้พักผ่อนบ้าง”
สายตัดไป ทิ้งไว้เพียงหน้าจอมืดสนิทในมือผม สมุดใบลานปลอดภัยแล้ว นั่นคือหนึ่งในจุดสำคัญที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีตาข่ายนิรภัยอีกครั้ง
แต่เมื่อผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและหันกลับไปยังถนน ผมได้ยินเสียงกระซิบอีกครั้ง
[ความรักเป็นนิรันดร์… ความว่างเปล่ากำลังรออยู่… อีกไม่นาน]
ผมรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว แม้ว่าอากาศรอบข้างจะอุ่นก็ตาม
หลินอาจจะได้สมุดไบลานกลับมาได้ และมิสเตอร์วาเลนไทน์อาจจะถูกขังไว้ตลอดกาล แต่…อะไรบางอย่างยังคงหลงเหลืออยู่ในเงามืด—ซ่อนตัวอยู่ในวงจรไฟฟ้า ในเสียงสะท้อนของสัญญาณดิจิทัล หรือในรอยร้าวบางเบาระหว่างโลกนี้และสิ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
มิสเตอร์วาเลนไทน์อาจจะหายไปแล้ว
แต่ความรัก?
ความรักมักจะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ
ผมมองกลับไปที่ป้ายไฟนีออนหน้าร้านของตัวเองที่ยังคงส่องแสงริบหรี่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในค่ำคืนอันอบอ้าวของกรุงเทพฯ
ที่ไหนสักแห่งในความมืดมิดนั้น… ผมยังคงรู้สึกได้ถึงมัน—เสียงหึ่งแผ่วเบา ของบางสิ่งที่กำลังมองดูอยู่ รอคอยอยู่… และกระซิบ