เงาวิญญาณมีเพียงส่วนครึ่งตัวบน ส่วนล่างเหมือนถูกตัดขาด เงานั้นโปร่งใสมาก แกว่งไกวอยู่ในลมเย็นของห้อง ทำให้เชดรู้สึกไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้
Sponsored Ads
“ในมือคุณยังมีรูปปั้นอีกกี่ชิ้น? ตอนนี้รูปปั้นนางเงือกอยู่ที่ไหน?”
เชดถามเสียงเบา
เขาต้องการยืนยันว่ารูปปั้นนั้นคืออะไร เขาไม่ได้ตั้งใจจะเก็บหรือสัมผัสมัน ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตราย ส่วนการฆ่าแล้วถามคำถามนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายใช้รูปปั้นอันตรายนั้นมาหลอกเขา ซึ่งเงาของวิญญาณที่ถูกเรียกมาจาก [เสียงสะท้อนของวิญญาณ] ไม่สามารถโกหกได้
“รูปปั้นพวกนั้นโยนทิ้งไปก็ไม่มีประโยชน์ เพื่อหาวิธีปลดคำสาป ฉันเก็บไว้สามชิ้นอยู่ในห้องใต้ดิน”
เสียงที่ไร้ความรู้สึกตอบกลับมา ราวกับเสียงนั้นดังมาจากที่ห่างไกล ฟังดูว่างเปล่าและอ่อนแรง
“ห้องใต้ดินเข้ายังไง? มีอันตรายอะไรไหม? ในห้องใต้ดินมีอะไรอีก?”
เชดถามอีกครั้ง
“ห้องใต้ดินเข้าทางประตูข้างตู้ไม้กวาดบันไดได้ หลังจากเข้าห้องใต้ดินแผ่นพื้นแรกห้ามเหยียบ ไม่เช่นนั้นประตูจะล็อก ในห้องใต้ดินมีรูปปั้นนั้น มีเครื่องรางที่ฉันซื้อมาเพื่อไล่คำสาป มีวัสดุที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการขับไล่ และก็มีของบางอย่างที่ฉันคิดว่าช่วยป้องกันตัวเองได้”
เงาตอบอีกครั้ง
Sponsored Ads
“แล้วเงินของคุณอยู่ที่ไหน?”
คราวก่อนเขาไม่ได้เอาทรัพย์สมบัติของครอบครัวพอนตันที่ตายไป เพราะได้สัญญากับมิสบาสก์ว่าจะไม่เอาของที่ไม่จำเป็นไป แถมตามหลักแล้วการปล้นสมบัติจากคดีฆ่าล้างบ้านก็ไม่ใช่พฤติกรรมที่ดี
แต่คราวนี้ต่างออกไป ฝ่ายตรงข้ามตั้งใจหาความตายเอง เชดไม่มีความรู้สึกผิดที่จะเอาเงินของคนแบบนี้ไป แน่นอนถ้าจำนวนเงินมากเขาจะบริจาคส่วนหนึ่งให้กับโบสถ์แห่งแสงอรุณ
“ในบ้านมีแค่เศษเงินเล็กน้อย ส่วนใหญ่เก็บไว้ในธนาคารเอกชนที่ท่าเรือน้ำเย็น และอีกส่วนหนึ่งอยู่กับภรรยาของฉันที่กลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัว”
ดูเหมือนโบสถ์แห่งแสงอรุณจะไม่ได้เงินก้อนนี้ ธนาคารเอกชนอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารยืนยัน เชดก็ไม่มีเวลาและความคิดจะตามหาผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
“งั้นก็ไปเถอะ”
ถามรายละเอียดของเรื่องราวอีกเล็กน้อยเพื่อยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก จากนั้นก็โบกมือ เงาของวิญญาณสลายไปเอง เชดค้นหาที่ร่างของศพสักหน่อยแล้วก็ตระหนักว่าการค้นหากระเป๋าสตางค์ในบ้านเป็นเรื่องโง่เขลา
ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องใต้ดิน ห้องใต้ดินของเจสัน เดอรัล เล็กกว่าบ้านของเชดเล็กน้อย เขายืนอยู่บนบันไดหินลงไปด้านล่าง แล้วหาปุ่มหมุนของตะเกียงแก๊สบนผนังด้านหนึ่ง
ภายใต้แสงสลัว เชดเห็นกล่องที่ถูกปิดด้วยผ้าสีแดง ซึ่งมีรูปปั้นนางเงือกทั้งสามซ่อนอยู่
Sponsored Ads
‘รู้สึกถึงอะไรไหม?’
[องค์ประกอบการดูหมิ่น นั่นคือเศษซาก แต่ไม่รุนแรงเท่ากับเหรียญเลือดโจรสลัด]
“เศษซากจริง ๆ”
เชดเพียงยืนอยู่ที่บันไดด้วยความระมัดระวัง ไม่คิดจะเข้าไปในห้องใต้ดิน เขามองไปรอบ ๆ ห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยของหลากหลายชนิดที่วางซ้อนกันอย่างยุ่งเหยิง ด้านหลังรูปปั้นที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีแดงนั้น กลับมีสัญลักษณ์ของเทพเจ้าผู้ชอบธรรมทั้งห้าแขวนอยู่ด้วยกัน
ที่มุมห้องมีหนังสือทางศาสนากองเรียงกันเป็นตั้ง ๆ เครื่องรางที่ทำจากโลหะ ไม้ และคริสตัลซึ่งดูคล้ายของที่ระลึกจากการท่องเที่ยวถูกแขวนไว้บนผนังด้านซ้าย บนพื้นของห้องใต้ดินมีเกลือสีขาวบริสุทธิ์โรยไว้เต็มไปหมด และที่ชั้นวางของหน้าผนังด้านขวามีหิน โลหะ และสมุนไพรบางชนิดวางอยู่ เป็นของที่ยากจะเข้าใจได้
ใต้กล่องที่มีรูปปั้นนางเงือกสามตัวนั้น ยังมีภาพวาดอีกห้าหรือหกภาพ วางหันหน้าตรงไปที่รูปปั้นที่ถูกคลุมไว้เพราะมุมที่ไม่เหมาะสม เชดจึงต้องพยายามมองถึงจะเห็นเนื้อหาในภาพวาด และพบว่ามันเป็นภาพวาดแมวทั้งหมด
“ใช้ภาพวาดแมวหันไปทางนางเงือก…เขายังมีความคิดแบบนี้ แต่กลับไม่ยอมไปขอความช่วยเหลือจากโบสถ์ของเทพเจ้าผู้ชอบธรรม…แปลกจริง ๆ…เดี๋ยวก่อน”
ดวงตาของเชดหันกลับไปมองชั้นวางของที่ผนังด้านขวาอีกครั้ง และจ้องไปที่ชั้นที่สองด้านซ้ายซึ่งมีหญ้าสีฟ้าสดมัดรวมกันอยู่ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
Sponsored Ads
“นี่มันดูคุ้นตามาก…”
หลังจากใช้เวลาระลึกความจำอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที
“หญ้าฟ้าเข็มทิศ!”
รางวัลจากเหตุการณ์ที่คฤหาสน์เลควิว บวกกับรางวัลจากกุญแจแห่งกาลเวลาในระดับเทวทูต ทำให้เชดได้รับพลังวิชาเกี่ยวกับ [กาลเวลา] สองชนิด แต่การเคลื่อนย้ายในระยะ 10 ฟุต ด้วย [การกระโดดของลาเลก] ยังไม่สามารถทำได้เพราะขาดวัสดุหลัก ซึ่งต้องรอถึงเดือนหน้าถึงจะฝึกได้
หลังจากนั้น เชดได้ค้นพบพรรณนาของพืชชนิดนี้จากตำราเรียนปีหนึ่งของนักเวทวงแหวน จึงสามารถจำมันได้ทันทีที่เห็นมันบนชั้นวางของ
“หรือว่าการมาที่เมืองท่าน้ำเย็นนี้ มีเป้าหมายเพื่อสิ่งนี้?”
เขาต้องการคว้ามันโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็หยุดชะงักทันที เขาระวังหลบกับดักบนพื้น แล้วเดินไปยังชั้นวางของและหยิบหญ้าสีฟ้าที่ถูกมัดด้วยผ้าขึ้นมาตรวจสอบ
หลังจากตรวจสอบสักครู่ เชดยืนยันว่ามันคือวัสดุหลักที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้วิชา [การกระโดดของลาเลก] จริง ๆ
หญ้าฟ้าเข็มทิศแม้แต่ในโลกใหม่ก็หาได้ยากมาก สิ่งที่อยู่ที่นี่น่าจะเป็นของที่เจสัน เดอรัล เก็บมาจากการตรวจยึดของต้องห้าม
นอกจากนี้ บนชั้นยังมีแร่ธาตุและสมุนไพรอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เชดไม่รู้จักมันมากนัก แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องออกจากที่นี่มือเปล่า เขาหยิบแร่บางส่วนใส่กระเป๋า ส่วนสมุนไพรนั้นหยิบลำบาก เขาจึงหยิบเพียงขวดของเหลวที่มีป้ายติดไว้ไม่กี่ขวด
เนื่องจากมีรูปปั้นที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีแดง เชดไม่กล้าเดินค้นหาของดีต่อไป เขามองไปรอบ ๆ และยืนยันกับเสียงในหัวของเขาว่าไม่มีเศษซากอื่นใดนอกจากรูปปั้นนั้น จากนั้นจึงออกจากห้องใต้ดินเตรียมจะจากไป
เมื่อออกไป เขาต้องปีนหน้าต่าง แต่เมื่อเขาเข้าใกล้หน้าต่าง กลับพบว่ามีคนอยู่ในตรอกที่เต็มไปด้วยโคลน
Sponsored Ads
“เกิดอะไรขึ้น?”
เชดระแวดระวังขึ้นมา เขาแนบตัวกับผนังข้างหน้าต่างแล้วมองออกไปเห็นคนห้าคนในตรอก คนพวกนี้ไม่ได้เดินผ่าน แต่เหมือนมารออะไรบางอย่าง
“แย่แล้ว”
เขาเดินไปยังหน้าต่างอีกด้านของประตูหน้า และมองออกไปข้างนอก เห็นคนถือร่มเดินผ่านพร้อมกับแอบมองมาที่บ้าน แสดงให้เห็นว่าประตูหน้าก็ไม่ปลอดภัย
“มิสเตอร์เดอรัลไปทำอะไรให้ใครโกรธเข้า? เดี๋ยวก่อน…หรือว่าจะเป็นโบสถ์เทพเจ้าผู้ชอบธรรม?”
เมื่อคิดอย่างละเอียด ชายวัยกลางคนที่เชดเพิ่งฆ่าไปนั้น ซื้อตำราต้องห้าม ฆ่าคนเร่ร่อนเพื่อเอาเลือด และทำเรื่องแปลก ๆ ในห้องใต้ดิน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะถูกโบสถ์จับตามอง
“ไม่ว่าเขาจะไปทำให้ใครโกรธไว้ก็ตาม แต่ถ้าฉันอยู่ที่นี่ต่อไปคงจะลำบากแน่”
เชดคิดในใจ จากนั้นจึงรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ค้นหาประตูช่องลับที่นำไปยังห้องใต้หลังคา แล้วไต่บันไดขึ้นไป
ห้องใต้หลังคามีข้าวของวางกองอยู่มากมาย แชดไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาค่อย ๆ เปิดหน้าต่างห้องใต้หลังคาออกเล็กน้อย มองออกไปเห็นฝนยังตกหนัก และจากมุมนี้ระยะทางไปถึงบ้านอีกฝั่งหนึ่งของตรอกดูเหมือนจะไม่ไกลนัก
“น่าจะกระโดดข้ามไปได้นะ”
เขาล้วงหาขากบในกระเป๋าแล้วต้องยอมทิ้งแร่ธาตุบางส่วนที่หนักเกินไป จากนั้นก็ร่ายคาถาและโยนขากบเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะดันหน้าต่างออกแล้วกระโดดไปข้างหน้า
เชดไม่แน่ใจว่าคนที่เฝ้าดูบ้านนี้อยู่ข้างล่างจะเห็นเขาหรือไม่ เขากระโดดลอยขึ้นไปในอากาศ และเมื่อแน่ใจว่าจะสามารถลงบนหลังคาของบ้านอีกฝั่งได้ เขาก็เตรียมตัวกระโดดต่ออีกครั้ง
หลังคาของบ้านมั่นคงพอ ทำให้เชดไม่ตกลงไปสร้างรูใหญ่บนหลังคา เขาก้มตัวต่ำแล้ววิ่งเบา ๆ บนหลังคา ขยับไปข้างหน้าสองก้าว จากนั้นก็กระโดดอีกครั้ง
ท่ามกลางฝนที่ตกหนัก เชดดูเหมือนเป็นจุดดำเล็ก ๆ บนท้องฟ้าที่ไม่สะดุดตา เขาก้มตัวลงบนหลังคาแล้วมองไปรอบ ๆ โดยไม่มีคนจากตรอกข้างล่างตามมา
จากนั้นเชดกระโดดอีกครั้ง คราวนี้เลือกบ้านที่ต่ำกว่าเล็กน้อยทางด้านเฉียงไปข้างหน้า บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ตรงจุดตัดระหว่างถนนใหญ่กับตรอกเล็ก เมื่อเชดแนบตัวลงและตรวจสอบรอบ ๆ ว่าปลอดภัยดีแล้ว เขาก็กระโดดลงไปที่พื้น ถอดหน้ากากและเสื้อคลุมออก
เขาไม่ทิ้งมันไว้ที่นั่น แต่พับแล้วซ่อนไว้ในเสื้อคลุมภายนอก
Sponsored Ads
หลังจากจัดแจงเสื้อผ้าที่เปียกโชกให้เรียบร้อยแล้ว เชดทำท่าเหมือนคนหลบฝน ใช้มือป้องศีรษะแล้ววิ่งออกจากตรอกไป
ไม่สนใจเรื่องที่อยู่ข้างหลัง แชดตัดสินใจว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาวิ่งไปตามกำแพงเตี้ย ๆ ข้างทาง ในบ่ายฝนตกที่อึมครึมของเมืองท่า และหายลับไปในถนนที่ไกลออกไป
เชดที่จากไปไม่ได้สังเกตว่าใกล้กับตรอกที่เขาวิ่งออกไป มีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม
ไม่กี่วินาทีหลังจากที่เขาวิ่งผ่านไป หน้าต่างของรถม้าที่แง้มอยู่เล็กน้อยก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงาม และผมยาวสีแดงเพลิง
หญิงสาวที่สวมมงกุฎเงินมองออกไปข้างนอกด้วยความสงสัย แต่เชดที่กำลังรีบกลับบ้านนั้นได้วิ่งไปไกลแล้ว
ตำรวจกลุ่มหนึ่งตามหลังชายวัยกลางคนผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมในเสื้อคลุมสีดำ วิ่งตรงมาที่รถม้า สารถีลงจากรถและตรวจสอบบัตรประจำตัวของชายวัยกลางคน ก่อนจะอนุญาตให้เขาเข้าใกล้
“ฝ่าบาท”
ชายคนนั้นเก็บร่มแล้ววิ่งฝ่าฝนเข้ามาใกล้หน้าต่างรถม้า ก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ โดยไม่กล้าสบตาคนที่อยู่ข้างใน
“พวกเราได้ล้อมบ้านเป้าหมายไว้แล้ว เมื่อเริ่มปฏิบัติการ เราจะนำสิ่งที่ละเอียดอ่อนออกมาบางส่วน รูปปั้นนางเงือกที่ท่านต้องการ ไม่มีปัญหาแน่นอน”
“อย่าประมาทล่ะ โบสถ์เทพเจ้าผู้ชอบธรรมก็รู้เรื่องที่นี่ ฉันไม่ต้องการให้พวกเขารู้ว่าฉันเอาอะไรไป คุณรู้ดีว่าฉันทำงานยังไง”
หญิงสาวผมแดงในรถม้าพูดขึ้น น้ำเสียงไม่รุนแรงนัก แต่ก็ยังทำให้ชายกลางคนในฝนตัวสั่นเล็กน้อย ชายกลางคนยืดตัวขึ้นพร้อมกับเหยียบเท้าขวาลงกับพื้น
“โปรดวางใจเถิดฝ่าบาท ไม่มีอะไรจะผิดพลาด”
พูดจบ ชายคนนั้นก้มตัวเล็กน้อยแล้วหันกลับไปยังที่ปฏิบัติการพร้อมกับทีมของเขา
แต่หญิงสาวผมแดงที่นั่งอยู่ในรถม้า ขณะนี้กลับไม่ได้สนใจสิ่งที่ได้ยินมาเกี่ยวกับของที่อาจจะได้มาในมือแล้ว
ภาพฝนที่ตกข้างนอกสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ เธอปิดหน้าต่างรถม้าอีกครั้ง ภายในรถแม้จะไม่ใหญ่โต แต่ก็มีทุกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโซฟา โต๊ะน้ำชา เครื่องหอม หรือถ้วยชาเซรามิก
หญิงสาวผมแดงสวมมงกุฎสีเงิน เสื้อกระโปรงยาวสีขาว มีแถบกระดุมตกแต่งจากเงินบริสุทธิ์ตรงช่วงเอว และสวมรองเท้าหนังสีดำเล็ก ๆ
เธอยกถ้วยชาขึ้นมาโดยที่นิ้วก้อยยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลแสดงถึงความคิดที่ลึกซึ้ง เธอพึมพำเบา ๆ กับตัวเองหลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง
“เมื่อกี้ฉันตาฝาดไปหรือเปล่านะ?”
พูดพลางยกมือขึ้นแตะต่างหูทับทิมสีแดงที่หูขวา
“เชดมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
Sponsored Ads
<< มีอากำลังวิ่ง…>>
ในอีกด้านหนึ่ง เชดกลับไปที่โรงแรมเล็ก ๆ จัดของของเขาให้เรียบร้อย มองออกไปนอกหน้าต่างและไม่พบใครตามเขามา เขาจึงรีบเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม
เชดกางร่มแล้วเดินวนไปในตรอกเล็ก ๆ รอบ ๆ อยู่หลายรอบ จนสุดท้ายจึงเดินอ้อมไปยังท่าเรือ เขาถือกระเป๋าเดินขึ้นสะพานท่าเรือ และเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเฝ้าดู เขาก็ก้มตัวทำท่าจะหยิบของในน้ำ แล้วพุ่งตัวลงไปในทะเลทันที
เชดไม่ได้กางร่มเลยตั้งแต่แรก ร่างกายเขาเปียกโชกอยู่แล้ว ทำให้การดำน้ำรู้สึกอบอุ่นกว่าที่คิด
ด้วยผลของ [หายใจใต้น้ำ] เขากอดกระเป๋าที่ห่อด้วยผ้าใบไว้ข้างหนึ่ง และว่ายน้ำไปในทิศทางที่ดีจนไปถึงหน้าผาหลังท่าเรือ
เขาโผล่ศีรษะออกจากน้ำเล็กน้อยเพื่อยืนยันว่าก้อนหินสีดำด้านหน้านั้นคือหินโสโครกที่ใช้ขึ้นฝั่ง ตอนนี้น้ำลดทำให้ส่วนหนึ่งของรอยแยกใต้หน้าผาโผล่ขึ้นมา เชดกึ่งเดินกึ่งว่ายขึ้นมาจนได้
เมื่อขึ้นฝั่งในถ้ำมืด เชดยังจับปลาตัวใหญ่ที่วิ่งเข้ามาติดมือไว้ได้ ระหว่างที่เขากำลังเดินไปยังผนังที่ซ่อนอยู่ เขาเกือบสะดุดกับเต่าที่อยู่บนพื้น
เชดเรียกวงแหวนแห่งชีวิตออกมาเพื่อทำให้ผนังหายไป จากนั้นจึงเดินไปยังรูปปั้นเทพเจ้าโบราณแล้วแตะมัน ร่ายคาถาเพื่อเข้าไปในช่องว่างวงกต แตะสัญลักษณ์นำทางกลับบ้าน และเข้าสู่พื้นที่วงกลมอีกครั้ง
เชดรีบเดินออกจากห้องใต้ดิน เสื้อผ้าเปียกโชกของเขายังมีน้ำหยดอยู่ เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นว่าที่จัตุรัสเซนต์เทเรซายังคงมีฝนตกอยู่
เขายืนมองฝนที่ตกอยู่ข้างนอกอยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจลึก ๆ วางกระเป๋าลง และนั่งพิงกำแพงโดยไม่สนใจว่าน้ำทะเลจะเปียกกำแพงหรือพื้น
“เฮ้อ การเดินทางคราวนี้ถึงแม้จะไม่มีอันตรายอะไร แต่ก็เหนื่อยจริง ๆ”
สีหน้าที่เคร่งเครียดของเขาค่อย ๆ คลายออก เชดนั่งมองฝนตกข้างนอกฟังเสียงฝนเกระทบหน้าต่างอยู่สักพัก ก่อนจะค่อย ๆ สงบใจลง
เขาลุกขึ้นมองไปที่ปลาตายตัวใหญ่ในมือ ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ แต่พอมันเข้าใกล้รูปปั้นเทพเจ้าโบราณมันก็สิ้นใจ ไม่ใช่ว่ารูปปั้นของเทพเจ้าโบราณ [ช่องว่างแห่งบรรพกาล] ห้ามนำสิ่งมีชีวิตเข้ามาเคลื่อนย้ายในมิติ แต่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถทนต่อแรงกระทบทางจิตใจเมื่ออยู่ใกล้รูปปั้นได้
เชดจึงคิดว่า หากไม่แน่ใจว่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของอีกฝ่ายเพียงพอ การพาสิ่งมีชีวิตไปด้วยในมิติการเคลื่อนย้ายอาจจะเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้
เชดอาบน้ำล้างกลิ่นน้ำทะเลออกจนหมด และแช่เสื้อผ้าในอ่างน้ำในห้องน้ำ จากนั้นก็กางร่มออกไปข้างนอก ขึ้นรถม้าไปยังถนนขนนก
ขอบคุณสำหรับปีนี้ค่ะ มีทางเข้าให้อุดหนุนนิยายก็แจ้งได้นะคะ