NOVEL / Whispering Verse · February 19, 2025 0

238-ผีในงานศพ

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เชดอ่านหนังสืออยู่หนึ่งชั่วโมงก่อนจะออกจากบ้าน

เขาเรียกรถม้าที่หัวมุมถนน จากนั้นเดินทางข้ามเมืองไปทางทิศตะวันออก มุ่งหน้าไปยังสุสานนอกเมือง ระหว่างทาง เชดที่เบื่อหน่ายกับการนั่งเฉย ๆ จึงเริ่มสนทนากับคนขับรถม้า ทั้งคู่คุยกันเรื่องสภาพอากาศในช่วงนี้ บ่นเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากนั้นก็พูดคุยถึงงานของตนเอง

Sponsored Ads

บางทีอาจเป็นเพราะใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และท่าทีที่เป็นมิตรของเชด ทำให้คนขับรถม้ายินดีพูดคุยกับเขาอย่างสนุกสนาน รถม้าคันนี้ไม่ใช่ของเขาโดยตรง แต่เขาเช่ามันมาจากสมาคมรถม้าเช่าในโทเบสก์ เขามีหน้าที่ขับรถม้าตามพื้นที่ที่กำหนด และต้องแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งให้กับสมาคม รายได้ที่เหลือก็จะนำกลับไปเลี้ยงครอบครัว

แม้ว่ารายได้จากการขับรถม้าจะดีกว่าการเป็นคนงานแบกหามที่สถานีรถไฟ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะพาครอบครัวออกจากความยากจนได้ เหตุผลหลักคือเขามีลูกถึงห้าคน

เด็กสี่คนเป็นลูกของตัวเอง ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นลูกของพี่ชายที่เสียชีวิตไปแล้ว ในยุคนี้ การตายอย่างกะทันหันเป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับกรณีของนักสืบสแปร์โรว์

“ช่วงนี้รายได้ก็ดีขึ้นหน่อย ฉันถึงกับสั่งนมจากบริษัทจำหน่ายนมนกแก้วสีเงินมาทุกวัน เด็ก ๆ ทุกคนก็ได้ดื่มกันหมด โอ้ คุณครับ ฉันได้ยินมาว่าการดื่มนมจะช่วยให้ตัวสูงขึ้นได้”

“ก็มีคนพูดกันแบบนั้น… แต่ฉันจำได้ว่านมจากบริษัทจำหน่ายนมนกแก้วสีเงินไม่ใช่ราคาถูก ๆ นี่?”

เชดถามด้วยความสงสัย คนขับรถม้ายิ้มอย่างภูมิใจ

“เมื่อไม่นานมานี้ ราคานมลดลงครับ เห็นว่าโกดังมีปัญหาบางอย่างและต้องเร่งระบายนมออกไปก่อนที่จะซ่อมเสร็จ ตอนที่ฉันรับส่งสุภาพบุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่นั่น เขาบอกฉันเรื่องนี้ เพื่อนบ้านหลายคนของฉันก็รีบสั่งไว้ก่อนที่ราคาจะขึ้นอีกครั้ง มันเป็นเรื่องดีจริง ๆ”

Sponsored Ads

สุสานสาธารณะโทเบสก์ เป็นส่วนสำคัญของโครงการพัฒนาเมือง แม้จะเรียกว่า “สุสานสาธารณะ” แต่ไม่เพียงแต่คนทั่วไป แม้แต่ขุนนางและสมาชิกของราชวงศ์บางคนก็ถูกฝังที่นี่

พื้นที่ของสุสานมีขนาดกว้างใหญ่ และการเลือกสถานที่ฝังศพ ไม่ว่าจะเป็นบนดินหรือในห้องเก็บศพใต้ดิน การเลือกพื้นที่ที่หันหน้าไปทางแสงแดดหรืออยู่ในร่มเงา แม้แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบและความหนาแน่นของสุสาน ทุกอย่างล้วนมีความสำคัญ

การสร้างสุสานสาธารณะในยุคสมัยแห่งไอน้ำ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะทางการมีงบประมาณเหลือเฟือ แต่เป็นเพราะการขยายเมืองโทเบสก์ต้องประสบปัญหากับพื้นที่ของสุสานเก่าแก่รอบ ๆ เมือง

ในโลกที่ศาสตร์ลี้ลับเป็นเรื่องจริง พิธีกรรมฝังศพย่อมไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ดังนั้นจึงตัดสินใจสร้างสุสานสาธารณะทางทิศตะวันออกของเมือง เหตุผลที่เลือกทิศตะวันออกก็เพราะบริเวณนี้ติดกับภูเขา ส่วนทิศอื่น ๆ เป็นพื้นที่ราบ ซึ่งเป็นทิศทางที่เหมาะสมสำหรับการขยายเมือง

เมื่อเปรียบเทียบกับสุสานชนบทเล็ก ๆ ที่ดูโทรม ๆ ซึ่งจัดการโดยมิสเตอร์คอปส์ สุสานสาธารณะของเมืองโทเบสก์นั้นยิ่งใหญ่และสง่างามกว่าอย่างเทียบไม่ติด ถนนถูกสร้างอย่างดีเชื่อมต่อกับตัวเมือง และนอกจากรถม้าที่ได้รับอนุญาตจากสุสานแล้ว รถม้าภายนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่

ถนนหินถูกปูอย่างเป็นระเบียบ เชื่อมต่อระหว่างส่วนต่างๆ ของสุสาน ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ, ทิศตะวันออก และ ทิศตะวันออกเฉียงใต้

จุดหมายของเชดในครั้งนี้คือสุสานทิศตะวันออก เขตสาม ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นเขตของคนร่ำรวย

การฝังศพในห้องเก็บศพใต้ดินนั้นมีราคาแพงมาก ไม่ใช่แค่ในปี 1853 แม้แต่เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่คุณนายวัตสันซื้อมันไว้ ราคาก็เกินกว่า 30 ปอนด์ อย่างแน่นอน

ข้อมูลทั้งหมดนี้ เชดได้มาจากการสนทนากับคนขับรถม้า ระหว่างการเดินทางที่ยาวนานและน่าเบื่อ ทั้งสองพูดคุยกันหลายเรื่อง และคนขับรถม้าก็ยินดีที่จะพูดคุยกับคนอย่างเชดอย่างจริงใจ ดังนั้นตอนลงจากรถม้า เชดจึงให้ทิปเพิ่มอีก 5 เพนนี เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับความบันเทิงระหว่างทาง คนขับรถม้าถอดหมวกและโค้งคำนับเพื่อแสดงความขอบคุณ

Sponsored Ads

เนื่องจากสุสานสาธารณะของเมืองโทเบสก์บริหารจัดการโดยศาลาว่าการและโบสถ์แห่งธรรมชาติ จึงมีโบสถ์อยู่ภายในสุสานด้วย

โบสถ์สีขาวขนาดเล็กตั้งตระหง่านอยู่ข้างบ้านพักของคนดูแลสุสาน ประตูทางเข้าเต็มไปด้วยประกาศมรณกรรม แจ้งให้ทุกคนทราบถึงชื่อของผู้ที่จะถูกฝังในวันนี้

ขณะเชดยืนจัดเสื้อผ้าบนถนนหินหน้าโบสถ์ แขกที่มาร่วมพิธีศพก็เริ่มทยอยเดินทางมาถึง การเข้าร่วมพิธีศพเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเตรียมสิ่งใดเป็นพิเศษ เพียงแค่สวมชุดทางการสีดำก็เพียงพอแล้ว

ภายในโบสถ์ เชดพบกับคุณนายวัตสัน ซึ่งยืนอยู่ข้างโลงศพ ฝาโลงไม้ที่เคลือบแลคเกอร์ประดับด้วยสัญลักษณ์รูปประแจสีเงิน ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งการสร้างและการทำลายล้าง “สตรีแห่งการสร้าง” ซึ่งสะท้อนถึงศรัทธาของมิสเตอร์วัตสันผู้ล่วงลับ

“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ คุณแฮมิลตัน”

“ทิวาสวัสดิ์ คุณนายวัตสัน ได้โปรดอย่าเศร้าไปเลย”

เชดกล่าวปลอบใจเธอเบา ๆ จากนั้นคุณนายวัตสันจึงแนะนำชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างโลงศพให้เขารู้จัก

แม้จะเรียกว่าวัยกลางคน แต่ชายคนนี้ก็ดูเหมือนจะอายุใกล้ 50 ปี แล้ว

เขาคือ จอห์น วัตสัน น้องชายของคุณวัตสันผู้ล่วงลับ บุตรชายคนเล็กของเอิร์ลวัตสันรุ่นก่อน แม้เขาจะไม่ได้รับสืบทอดบรรดาศักดิ์ แต่ก็ยังคงมีทรัพย์สินและกิจการของตนเองในท้องถิ่นแห่งนี้

แม้ว่าคุณนายวัตสันจะบอกว่าทั้งสองมีความขัดแย้งกัน แต่ความขัดแย้งนั้นก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นต่อหน้าเชด ชายวัยกลางคนกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพที่เชดมาร่วมงาน เชดเองก็ถามถึงขั้นตอนของพิธีศพและยืนยันว่ามีบาทหลวงมาร่วมงาน

นี่เป็นพิธีศพครั้งแรกที่เชดได้เข้าร่วมในโลกนี้ ขณะที่เขาว่างเขามองไปยังโลงศพไม้และอดคิดไม่ได้ว่า มิสเตอร์วัตสันผู้ถูกฝังอยู่ในกำแพงหลังจากเสียชีวิต จะมองความสัมพันธ์ระหว่างภรรยาและครอบครัวอย่างไร

“พิธีศพที่มาสายถึงสามสิบปี”

แม้พิธีนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเขามากนัก แต่เชดก็อดถอนหายใจไม่ได้

Sponsored Ads

ธรรมเนียมการจัดพิธีศพในยุคนี้คล้ายคลึงกับงานศพแบบตะวันตกในบ้านเกิดของเขา สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนสนิทที่แสดงความโศกเศร้ามารวมตัวกัน บาทหลวงจากโบสถ์ที่ผู้ตายศรัทธาเป็นผู้ประกอบพิธี จากนั้นญาติผู้ใหญ่หรือบุคคลสำคัญจะกล่าวคำไว้อาลัย ก่อนที่ญาติสนิทจะทยอยเล่าถึงความทรงจำเกี่ยวกับผู้ตาย

ทุกขั้นตอนของพิธีจัดขึ้นภายในโบสถ์เล็ก ๆ แห่งนี้ ช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดคือการอธิษฐานร่วมกัน นำโดยบาทหลวง เพื่อวิงวอนให้วิญญาณของผู้ตายได้พักผ่อนอย่างสงบ

ภายในโบสถ์ ผู้ร่วมงานต่างก็นั่งลงบนเก้าอี้ยาวตามลำดับ ครอบครัววัตสันและแขกที่มาร่วมพิธี ศักดิ์ศรีและฐานะทำให้ที่นั่งแทบจะเต็มทั้งโบสถ์

เชดได้รับเกียรติให้เป็นผู้กล่าวคำไว้อาลัยเป็นคนที่สอง หลังจากบาทหลวง พิธีเริ่มต้นขึ้นในเวลา บ่ายสองโมง คำไว้อาลัยถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว เชดเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวเอง จากนั้นจึงอ่านถ้อยคำที่ถูกเขียนไว้บนกระดาษ ซึ่งเต็มไปด้วยคำชมเชยและความเสียดายต่อการจากไปของมิสเตอร์วัตสัน

พิธีดำเนินไปเป็นเวลาสิบนาที เมื่อจบลง ทุกคนต่างปรบมือเบาๆ ตามมารยาท หญิงชราคนหนึ่งที่นั่งแถวหน้าใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดบังใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา ไม่แน่ใจว่าน้ำตานั้นจริงหรือไม่ แต่เชดมั่นใจว่าคุณนายวัตสันร้องไห้ด้วยความจริงใจ

เชดยังไม่สามารถกลับได้ทันที ต้องรอจนกว่าโลงศพจะถูกส่งลงไปยังห้องใต้ดินตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ เพราะเขานัดหมายไว้ว่าจะรับเงินหลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น จากนั้นเขาจะเดินไปเยี่ยมนักสืบสแปร์โรว์ ซึ่งหลุมฝังศพอยู่ไม่ไกล

Sponsored Ads

เนื่องจากไม่มีใครรู้จักเขา เชดจึงเลือกนั่งที่แถวหลัง ใกล้ประตูทางออก ขณะเดินอย่างเงียบๆ ไปยังที่นั่ง เขากลับถูกหญิงสาวสวมหมวกดำประดับดอกไม้สีขาวคนหนึ่งยื่นกระดาษแผ่นเล็กให้

ตอนแรกเขานึกว่ามันเป็นข้อความสำคัญอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเปิดออกกลับพบว่ามันเป็นที่อยู่ และด้านล่างมี รอยจูบจากลิปสติกสีแดงสด ประทับเอาไว้

“อืม…”

[คุณคิดว่ามันคืออะไรล่ะ?]

เสียงในหัวดังขึ้นเบา ๆ ข้างหู

‘คงเป็นอะไรทำนองขอความช่วยเหลือ หรือขอให้ช่วยแก้ปัญหาบางอย่าง’

เขาตอบพร้อมกับขยำกระดาษเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วยัดใส่กระเป๋า คิดไว้ว่าจะหาที่ทิ้งหลังจากพิธีศพเสร็จสิ้น

เชดไม่มีอารมณ์จะทำความรู้จักกับสาวแปลกหน้าในตอนนี้

“งานศพแท้ ๆ ยังมีคนมาแอบจีบกันอีก ช่างเป็นเรื่องตลกจริง ๆ”

เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ แม้จะพูดเบาเพียงใด แต่ดูเหมือนคนรอบข้างจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด

“น่าสนใจจริงๆ”

เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู เชดสะดุ้งเล็กน้อย คิดว่าคงมีใครได้ยินคำพูดของเขา แต่แล้วเขาก็รู้สึกแปลกใจ เพราะเสียงนั้นมาจากทางซ้ายมือ ซึ่งมีเพียงพรมปูระหว่างแถวเก้าอี้ยาว ไม่มีคนยืนอยู่ตรงนั้น

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เขาเหลือบตาไปทางซ้าย และพบกับชายวัยกลางคนที่มีร่างกายโปร่งแสง ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา

ชายผู้นั้นยืนกอดอกไว้ด้านหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย ขณะจ้องมองไปยังคุณนายวัตสันที่กำลังกล่าวคำไว้อาลัยให้สามีของเธออยู่บนแท่นเล็ก ๆ ในโบสถ์

ชายร่างโปร่งแสงดูเหมือนแขกที่มาสายสำหรับงานศพครั้งนี้ และเมื่อพบว่าไม่มีที่นั่งว่างเหลือ เขาจึงได้แต่ยืนดูอยู่ท้ายห้อง แต่ความโปร่งแสงของร่างกายและความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมา บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่มนุษย์

Sponsored Ads

เชดไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด หลังจากเหลือบมองไปแวบหนึ่ง เขาก็ละสายตากลับมา แล้วบ่นพึมพำในใจเบา ๆ ว่า

‘นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย? ฉันแค่มางานศพเท่านั้นเอง…’

เหตุผลที่เขาไม่ตื่นตระหนก เพราะสิ่งนี้ไม่ได้แสดงพลังอันตรายใดๆ ออกมา

[อธิบายง่ายๆ ก็คือ คุณเจอ ‘ผี’ น่ะสิ]

เสียงในหัวพูดด้วยน้ำเสียงหัวเราะ

เชดยังคงนั่งนิ่งอย่างสงบเรียบร้อย ดวงตาเหลือบไปมองทางซ้ายเป็นครั้งคราว ขณะที่ ‘สิ่งที่น่าจะเป็นผี’ ยังคงจดจ่ออยู่กับการมองคุณนายวัตสัน และไม่ได้สังเกตเลยว่าเชดสามารถมองเห็นเขาได้

แม้ร่างกายจะโปร่งแสง แต่ใบหน้าก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่า เชดไม่เคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน แต่เขาสงสัยว่านี่อาจเป็นคุณวัตสันผู้ล่วงลับ

เพียงแต่โชคร้ายที่ไม่มีภาพถ่ายของเขาหลงเหลืออยู่เลย ทำให้เชดทำได้แค่คาดเดาเท่านั้น

‘มันมาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่?’

[ประมาณหนึ่งวินาทีก่อนที่คุณจะกล่าวคำพูดของคุณ นั่นก็คือขณะที่คุณนายวัตสันขึ้นไปบนแท่นเพื่อกล่าวคำไว้อาลัย]

‘อย่างนั้นเองสินะ…’

เชดพยายามนึกถึงความรู้เกี่ยวกับ “วิญญาณ” ที่เขาเคยอ่านมา หลังจากที่คนเสียชีวิตในบ้านพักของเขาไม่นานมานี้ ทำให้เขาไปค้นคว้าหนังสือจากสถาบันเซนต์บาร์เรนส์เพื่อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

Sponsored Ads