251- การแทรกซึม
by Whispering Verseภายในห้องพักของโรงแรม แสงสว่างเพียงพอจนเชดสามารถมองเห็นได้ชัด ตรงกลางของสัญลักษณ์คือรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เหนือสี่เหลี่ยมคือหมวกปลายแหลม และบนหมวกนั้น มีเส้นสามเส้นวาดล้อมรอบบนหมวกปลายแหลม
Sponsored Ads
“นี่คืออะไรเหรอ?”
มิสอานาตอธิบายอย่างรวดเร็ว
“เบาะแสใหม่ที่ได้มาจากหมอไง จำได้ไหมว่าสัปดาห์ก่อนหมอพยายามรวบรวมข่าวเกี่ยวกับซากสถาน? ในเมื่อมีคนรู้ที่ตั้งของมัน ก็แสดงว่าต้องเคยเข้าไปมาก่อน แล้วนี่คือลวดลายที่พบในซากสถาน ฉันเองก็หาความหมายของมันไม่ได้เลย—แต่ไม่คิดว่าอิรูนาจะจำมันได้”
มิสบาสก์ ยิ้มน้อย ๆ อย่างสงวนท่าที แล้วอธิบายกับเชดว่า
“ฉันเองก็เพิ่งนึกออกตอนรอนายอยู่เมื่อกี้นี่แหละ นี่คือ ‘สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์’ ของเทพเจ้าโบราณผู้ล่วงลับ [เทพเจ้าแห่งความไร้เดียงสา] ในการอบรมความรู้พื้นฐานของนักเวทวงแหวนของโบสถ์ฝ่ายเทพเจ้าผู้ชอบธรรม การจดจำสัญลักษณ์ของเทพเจ้าโบราณแต่ละองค์นับเป็นหัวข้อสอบสำคัญ เทพเจ้าองค์นี้ไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก ถึงฉันจะสอบได้ตั้ง 91 จาก 100 คะแนน ก็เพิ่งจะนึกออกเหมือนกัน~”
ประโยคสุดท้ายนั้น ดูเหมือนจะเป็นการชมตัวเองกลาย ๆ
“เทพเจ้าโบราณ…เทพเจ้าแห่งความไร้เดียงสา?”
เชดมองตรานั้นแล้ว ในนึกภาพของเขาปรากฏใบหน้าของเทพเจ้าองค์หนึ่งที่โผล่พรวดออกมาแล้วพูดว่า “เซอร์ไพรส์!”
“ไม่แปลกใจเลย แล้ว…ซากสถานใต้ดินแห่งนั้นก็คือ…”
“สิ่งที่เหล่าผู้ศรัทธาของพระองค์ทิ้งไว้”
มิสอานาตตอบอย่างมั่นใจ แล้วเชิญเชดให้นั่งลงบนเก้าอี้
“เทพเจ้าองค์นี้ดับสูญไปตั้งแต่ต้นยุคสมัยที่ห้า แต่เหล่าสาวกของพระองค์ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องจนถึงต้นยุคสมัยที่หก พวกเขาเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะหวนกลับมา อย่างที่อิรูนาบอก เรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าองค์นี้มีน้อยมาก พระองค์ไม่ใช่เทพเจ้าที่ทรงพลัง และสาวกก็ไม่ใช่พวกที่ชอบเผยแพร่ลัทธิ ตามเวลาแล้ว เราทั้งคู่เชื่อว่า ซากสถานใต้ดินในเมืองโทเบสก์แห่งนี้ น่าจะเป็นร่องรอยสุดท้ายของสาวกของ [เทพเจ้าแห่งความไร้เดียงสา]”
เชดพยักหน้า มิสบาสก์กล่าวเสริม
“กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ภายในซากสถาน นอกจากเศษซากระดับ ‘ปราชญ์’ ยังอาจมีสมบัติทั้งหมดที่ลัทธิเก่าเก็บไว้ รวมถึงความลับทั้งหมดของลัทธิที่หายสาบสูญนี้”
เชดหันไปมองนอกหน้าต่าง มองไปยังทิศทางของโรงพิมพ์น็อคที่เงียบสงัดในยามค่ำคืน
“ยังจะมีอะไรรอเราอยู่อีกนะ…?”
“อันนี้ตอบไม่ได้แล้วล่ะ ตอนนี้—ได้เวลาไปแล้ว”
เชดเป็นคนตรวจสอบเวลาจากนาฬิกาพกให้กับสุภาพสตรีทั้งสองเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งสามทบทวนแผนปฏิบัติการและข้อควรระวังอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเผากระดาษบันทึกและเอกสารทั้งหมดในห้องทิ้ง ก่อนจะออกจากโรงแรมไปด้วยกัน
Sponsored Ads
ถนนหน้าโรงพิมพ์น็อคมีชื่อว่า ถนนมาร์ตันมาร์เก็ต หลังจากฝนที่ตกทั้งวันหยุดลง ถนนก็เต็มไปด้วยโคลนตม ยามค่ำคืนที่ถูกหมอกปกคลุมอีกครั้ง ดูเหมือนไม่เหมาะแก่การเดินทางเอาเสียเลย
มิสอานาตสวมกระโปรงยาว ใส่แว่น และมีท่าทางเหนื่อยล้า ปรากฏตัวขึ้นที่ริมถนน เธอเดินเร่งฝีเท้ามาถึงหน้าโรงพิมพ์ แต่เพราะเลิกงานแล้ว ประตูเหล็กของโรงพิมพ์ก็ถูกปิดเอาไว้ เธอเคาะประตูเบา ๆ สองสามครั้ง แล้วหน้าต่างเล็กบนประตูเหล็กก็เปิดออก ชายคนหนึ่งยืนอยู่หลังประตู สีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
“ใครน่ะ? เลิกงานแล้วนะ”
“ฉันชื่อ อาลีนา ฟิค สั่งนามบัตรไว้กับพวกคุณเมื่อไม่กี่วันก่อน”
หญิงสาวผมสีน้ำตาลสั้นที่ดูเหนื่อยล้าตอบกลับ น้ำเสียงก็ฟังดูรำคาญเช่นกัน
“ขอรับนามบัตรที่สั่งไว้หน่อยเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าพวกคุณเลิกงานแล้ว แต่ฉันต้องใช้งานด่วนจริง ๆ”
ชายที่อยู่หลังประตูมองออกมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ แต่ในที่สุดก็พยักหน้า
“ได้ครับคุณผู้หญิง กรุณารอสักครู่”
พูดจบ ชายคนนั้นก็หมุนตัวเดินตรงไปยังอาคารสูงที่สุดในลาน—ซึ่งก็คือสำนักงานของโรงพิมพ์น็อค
เขาออกไปโดยไม่ได้ปิดช่องหน้าต่างเล็กบนประตูเหล็กให้เรียบร้อย ทำให้มิสอานาตสามารถชะโงกหน้ามองเข้าไปด้านในได้ เมื่อยืนยันว่าบริเวณลานด้านในไม่มีอะไรผิดแปลก และยังเหมือนกับตอนที่เธอสำรวจตอนกลางวัน มิสอานาตก็หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ กำไว้แน่นในฝ่ามือ
Sponsored Ads
ไม่นานนัก ชายคนนั้นก็กลับมาพร้อมกับกล่องกระดาษที่อ้างว่าเป็นของสั่งพิมพ์ เนื่องจากช่องหน้าต่างเล็กบนประตูไม่สามารถยื่นกล่องผ่านได้ เขาจึงถือพวงกุญแจติดมือมาด้วยเพื่อเปิดประตู
เมื่อประตูเปิดออก มิสอานาตกลับไม่ได้รีบรับกล่องทันที เธอก้มมองพื้นดินที่เต็มไปด้วยโคลน ชายคนนั้นเลยก้มลงมองพื้นด้วย แสงจากโคมไฟถนนแก๊สบนถนนสายนี้ค่อนข้างสลัว บริเวณลานของโรงพิมพ์ก็ไม่มีแสงไฟเท่าไรนัก
“มีอะไรที่พื้นเหรอ?”
ชายคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
มิสอานาตพูดพลาง เงื้อมือที่กำสิ่งของไว้ ฟาดใส่หน้าผากของชายคนนั้นทันที
“เวทพิธี—หุ่นเชิดแห่งจิต!”
ในมือของเธอคือกระดาษแผ่นหนึ่ง มีหมึกสีแดงสดวาดเป็นอักขระโบราณ เมื่อเธอฟาดแผ่นกระดาษลงบนหน้าผากของเขา เวทพิธีก็ทำงานทันที—แสงสีแดงแปลกประหลาดวาบขึ้นมา เหมือนอักขระถูกสลักลงไปบนหัวเขาจริง ๆ
ชายคนนั้นเบิกตากว้าง พยายามจะร้องออกมา แต่แสงสีแดงกลับแล่นเข้าดวงตาของเขา สิ่งที่สะท้อนในแววตา ไม่ใช่หญิงสาวตรงหน้าอีกต่อไป แต่คืออักขระบนหน้าผากของตัวเขาเอง สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย พูดเสียงเรียบ
“คุณผู้หญิง นี่คือของที่คุณสั่งไว้”
“ขอบคุณค่ะ วางไว้ตรงจุดที่พื้นแห้ง ๆ ก็พอ เดี๋ยวจะมีคนมารับของฉันไปอีกที”
มิสอานาตกล่าว ชายคนนั้นก็ทำตามคำสั่ง หลังจากกล่าวลาอย่างสุภาพ เขาก็ปิดประตูล็อกจากด้านในอีกครั้ง แล้วเดินกลับไปยังอาคารที่มีแสงไฟสว่างแค่ชั้นสองอย่างเป็นปกติ
Sponsored Ads
ไม่นานนัก เชดที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็ปรากฏตัวขึ้น เขาจับมือกับมิสอาต ทำเป็นทักทายกันเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหยิบกล่องกระดาษแข็ง แล้วเดินตามเธอไปตามถนนด้วยกัน
“เรียบร้อยดี”
หลังจากเดินมาไกลพอสมควร พวกเขาก็เลี้ยวเข้าไปในตรอกแคบ ๆ ที่ไม่มีแสงไฟ
มิสอานาตรีบหลับตาทันที ขณะที่มิสบาสก์ซึ่งแอบรอพวกเขาอยู่ในตรอกนั้น ก็ประคองเธอไว้ หญิงสาวนักพยากรณ์ในมือถือตุ๊กตาไม้ตัวเล็ก พันด้วยด้ายสีขาวทั่วทั้งตัว ตุ๊กตานั้นดูหยาบง่าย ขนาดยังไม่ถึงฝ่ามือ ส่วนบนของหัวมีอักขระสีแดงเรืองแสงอยู่
“อีกฝ่ายเป็นนักเวทวงแหวนหนึ่งวงแหวน ฉันควบคุมเขาได้ประมาณ 20 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นเขาจะเข้าสู่ภาวะหลับลึก…”
ดวงตาของเธอกลอกไปมาภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิท เสียงพูดของเธอต่ำลึกและเต็มไปด้วยสมาธิ
“ชายตาเงินไม่เชื่อใจคนในองค์กรของตัวเองมากนัก ดังนั้นคนที่รู้ว่าที่นี่เป็นฐาน มีอยู่น้อยมาก หลังจากที่ ‘เลือดปรอท’ กระจายตัวซ่อนตัวในเมือง กำลังคนที่นี่ก็ลดลงไปมาก คืนนี้ที่นี่มีคนอยู่เฝ้าราว 7 คน ในนั้น 4 คนเป็นนักเวทวงแหวน…ชั้นล่างเห็นอยู่ 2 คน… เขากำลังพยายามต่อต้านการควบคุม แต่ยังไม่หลุด ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่อาจจะมีผลข้างเคียงกับสมองเขาในภายหลัง…แต่ไม่เกี่ยวกับฉัน… ชั้นสอง…ปกติ มีห้องสว่างอยู่สองห้อง ในนั้นหนึ่งห้องมีนักเวทวงแหวน ฉันกำลังทักทายพวกเขา แล้ว…ขึ้นชั้นสาม… ไปไม่ได้—เขากลัว คนที่อยู่ชั้นสามเคยทำบางอย่างกับเขาแน่”
มิสอานาตขมวดคิ้วแน่น ขณะยังหลับตา เงียบไปสักพักจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วถอนหายใจยาว หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“เรียบร้อยแล้ว ฉันสั่งให้เขากลับไปที่ชั้นล่าง บอกคนอื่นว่าเขาขอไปพักสักครู่”
เชดถามเสียงเบา
“แน่ใจนะว่า…เขาจะไม่ฟื้น?”
มิสบาสก์ยังคงประคองมิสอานาตไว้ แต่ฝ่ายหลังดูเหมือนจะฟื้นตัวแล้ว เธอยกหุ่นไม้ในมือขึ้นให้ทั้งสองคนดู หัวของหุ่นดูเหมือนจะหลุดออกมาอยู่รอมร่อ
“ในสามวันจะไม่มีทางตื่นแน่นอน ต่อให้ตื่นขึ้นมาก็จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อน จำหน้าฉันไม่ได้แน่”
“ระบุตำแหน่งของนักเวทวงแหวนทั้งสี่คนได้แล้วหรือยัง?”
เชดถามบ้าง ขณะทั้งสามเดินลึกเข้าไปในตรอกแคบ
“นักเวทวงแหวนหนึ่งคนนั้น ‘หลับ’ ไปแล้ว ส่วนคนที่อยู่ชั้นสองน่าจะเป็นนักเวทวงแหวนสามหรือสี่วงแหวน กำลังอ่านนิยายอัศวิน ชั้นสามไม่ได้ขึ้นไป แต่จากการตอบสนองทางอารมณ์ ดูแล้วน่าจะเป็นนักเวทวงแหวนระดับสูง ยังมีอีกคนที่ไม่เจอ—ตามข่าวของหมอ คนผู้นั้นควรอยู่ในชั้นใต้ดิน เฝ้าทางเข้า ‘ซากสถาน’ ที่พวกเขาขุดเจอ…ระดับพลังของเขาไม่สามารถระบุได้”
“เท่านี้ก็ดีมากแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะรู้อะไรหมดตั้งแต่แรก”
เชดพยักหน้า แผนระยะที่หนึ่งของพวกเขาสำเร็จไปอย่างราบรื่น เขาหยิบเศษซากออกมาจากกระเป๋า—[เทียนบอร์โดซ์]
Sponsored Ads
“เริ่มบุกโรงพิมพ์กันเถอะ”
“แน่ใจเหรอว่าจะใช้เทียนตอนนี้เลย? เวทของฉันผสานกับอุปกรณ์เวทก็สามารถพรางตัวได้เหมือนกันนะ”
มิสบาสกก์ถามเสียงเบา คืนนี้เธอสวมเสื้อเชิ้ตขาวเข้ารูป แขนเสื้อทรงกระดิ่ง กระดุมทองแดงเรียงกันที่อก คอเสื้อและชายเสื้อมีลายลูกไม้ประดับ ด้านล่างเป็นกางเกงขายาวสีดำแบบผู้หญิง ซึ่งถือว่าเป็นแฟชั่นทันสมัยในยุคนี้ เพราะสะดวกเคลื่อนไหวมากกว่ากระโปรง ผมยาวของเธอถูกรวบไว้เป็นมวยด้านหลัง เผยให้เห็นใบหูทั้งสองข้าง ดูสง่างามและคล่องแคล่วอย่างประหลาด
เชดพยักหน้า
“ใช้ตอนนี้แหละ แม้เทียนจะเป็นของใช้แล้วหมดไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องหวงมันเกินไป เป้าหมายของคืนนี้คือ ‘ให้เธอเป็นผู้ถูกเลือก’ ไม่ว่าอะไรจะต้องแลก ก็ถือว่าคุ้มค่า”
ทั้งสามเดินลึกเข้าไปในตรอก โดยมีมิสอานาตเป็นผู้นำ เลือกทางแยกหลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่ตรอกแคบฝั่งตะวันออกของกำแพงโรงพิมพ์ เธอให้เชดและมิสบาสก์ถอยออกไปเล็กน้อย แล้วหยิบเหรียญขึ้นมาขว้างเบา ๆ ภายใต้แสงจันทร์ที่สลัว เธอพิจารณาด้านของเหรียญอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงหันมากล่าวกับสองคนข้างหลัง
“การทำนายบอกว่า ‘ตอนนี้’ ปลอดภัยดี”
เชดร่ายเวทพลางโยนขากบแห้งออกจากมือ จากนั้นหลี่ตาเล็กน้อยขณะจุดไฟที่ปลายเทียน ร่างของเขาก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน หญิงสาวทั้งสองยืนรออย่างเงียบ ๆ ที่เชิงกำแพง
ห้าวินาทีผ่านไป เชดปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่โคนกำแพง เขาเป่าดับเปลวไฟบนเทียน แล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“เรียบร้อยแล้ว ฉันเพิ่งกระโดดขึ้นไปมองข้างใน—ไม่มีใครเดินอยู่ในลานเลย แต่ต้องระวังพวกสุนัขเฝ้ายาม”
“ใช้สิ่งนี้”
มิสบาสก์หยิบถุงผ้าใบเล็กออกมา ภายในบรรจุผงละเอียดซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แปรธาตุ เมื่อโรยลงบนตัวจะช่วยกลบกลิ่นได้ชั่วคราว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของนักเวทวงแหวนในโบสถ์ฝ่ายเทพเจ้า
เชดจุดเทียนอีกครั้ง จากนั้นมิสอานาตและมิสบาสก์ก็ยืนอยู่ด้านซ้ายและขวา กอดแขนของเขาแน่น
“เตรียมตัวไว้เลย!”
เชดงอตัวเล็กน้อย สูดลมหายใจลึก แล้วกระโจนขึ้นไปสุดแรง แม้น้ำหนักของสองสาวจะถ่วงไว้
แต่พวกเขาก็ยังสามารถกระโดดข้ามกำแพงสูงได้ และลงแตะพื้นภายในลานอย่างนุ่มนวล
ทันทีที่เท้าแตะพื้น บางสิ่งที่มองไม่เห็น—ราวกับสายลม—พุ่งขึ้นจากใต้พื้นดิน มิสอานาตขยับข้อมือเบา ๆ สายสร้อยข้อมือสีเงินสะท้อนแสงจันทร์
“หยุด!”
เธอออกคำสั่ง และเวทคุ้มกันรอบลานซึ่งถูกตั้งค่าไว้ ก็หยุดทำงานลงด้วยพลังของของเศษซากที่เธอยืมมา พลังงานจากเศษซากนั้นทำให้เทียนในมือเชดดับลง แต่เขาก็รีบจุดมันขึ้นใหม่ทันที โดยไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติ
“เร็วเข้า—!”
มิสอานาตเร่งเสียงกระตุ้น ทั้งเธอและมิสบาสก์จับชายเสื้อคลุมของเชด แล้ววิ่งตามเขาผ่านลานเข้าสู่ตัวอาคาร
ที่เหนือหัวพวกเขา พระจันทร์ทั้งสาม—สีเงิน สีแดง และสีเหลือง—กำลังถูกเมฆครึ้มกลืนกลบทีละน้อย คืนนี้ สำหรับเชด—คือคืนที่ไร้การหลับใหลอย่างแท้จริง
0 Comments