You have no alerts.
    Header Background Image
    นิยายแปล แบ่งปัน สนุกขำขัน ได้ที่นี่ WhatANovel.com
    Chapter Index

    ผมกำลังดื่มกาแฟเย็นแก้วที่สองไปครึ่งแก้วเมื่อโทรศัพท์ของผมดังขึ้น

    “นี่นาวินครับ” ผมรับสายด้วยความระมัดระวัง เพราะการโทรหลังพระอาทิตย์ตกมักไม่ได้หมายถึงงานง่าย ๆ

    Sponsored Ads

    เสียงทุ้มเล็ก ๆ แต่แหบพร่า ตอบกลับมาด้วยความเร่งด่วน “นาวิน นี่บอสหนู เจ้าของบาร์โฮสต์สาทรแท็ปรูม มีคนแนะนำคุณมา ผมต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับระบบ POS มัน…ไม่ปกติ”

    “ไม่ปกติยังไง?” ผมถาม ขณะบีบสันจมูกด้วยความเหนื่อยใจ “มันค้าง หรือคิดเงินซ้ำเหรอ?”

    มีเสียงหยุดไปครู่หนึ่งก่อนเขาจะตอบ “มันสร้างโปรไฟล์พนักงานขึ้นมา…ของคนที่ไม่ได้ทำงานที่นี่”

    “ฟังดูแปลก แต่—”

    “ไม่ คุณฟังนะ” บอสหนูพูดขัดจังหวะ “โปรไฟล์พวกนี้…มันสร้างขึ้นมาสำหรับคนที่หายตัวไป จากแถวนี้ในละแวกเดียวกัน”

    ผมนั่งตัวตรงขึ้นทันที “คุณหมายความว่า รายชื่อพวกนี้ตรงกับคนที่หายตัวไป?”

    “ใช่ แล้วมันพิมพ์ใบเสร็จประหลาด ๆ ออกมาด้วย อย่างเช่น ‘เช็กอินแล้ว แต่ไม่ได้เช็กเอาต์’ พนักงานผมไม่กล้าเข้าใกล้มัน และเอาจริง ๆ ผมก็อยากโยนมันลงแม่น้ำแล้วด้วย”

    งานนี้ทำให้สัญชาตญาณเรื่องเหนือธรรมชาติของผมกระตุกขึ้นทันที แต่บอสหนูก็ทำให้มันน่าสนใจขึ้น “ผมจะจ่ายให้คุณสองเท่าของค่าจ้างปกติ ถ้าคุณจัดการเรื่องนี้ได้”

    ผมถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ นึกเสียใจที่ต้องตอบรับ “ก็ได้ ผมจะไปดูให้”

    Sponsored Ads

    ———————

    ความประทับใจแรก

    บาร์โฮสต์สาทรแท็ปรูม ดูมีเสน่ห์ดึงดูดในแวบแรก—พื้นไม้ขัดมัน ป้ายไฟนีออน และกลุ่มลูกค้าที่แต่งตัวดีเดินกันขวักไขว่ แต่ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในร้าน กลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เหมือนอากาศในร้านหนาแน่นผิดปกติ กดทับผิวหนังและส่งคำเตือนที่ไม่มีเสียง

    บอสหนู—ชายร่างสูงวัยสี่สิบปลาย ๆ ผมสีดอกเลาที่ถูกเซ็ตอย่างเนี้ยบจนบอกได้ว่าเขาเคยเป็น “หนุ่มเจ้าสำราญ” กำลังยืนรออยู่ที่บาร์ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำที่รีดเรียบเป๊ะ แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล นิ้วมือเคาะเคาน์เตอร์ไม้ขัดมันด้วยความร้อนรน

    “ตรงนี้” เขาพูด พลางชี้ไปที่ระบบ POS สีดำมันเงาที่ตั้งอยู่ใกล้เครื่องคิดเงิน มันดูทันสมัยเกินไปสำหรับบรรยากาศย้อนยุคของร้าน

    “หรูดีนี่” ผมพูดขณะวางกระเป๋าลงข้างเครื่อง “มันทำค็อกเทลได้ด้วยหรือเปล่า?”

    “ก่อนหน้านี้มันแค่รับออเดอร์” บอสหนูตอบด้วยเสียงต่ำ “ตอนนี้มันเริ่มรับรายชื่อคนแล้ว”

    คำพูดนั้นเรียกความสนใจจากผมทันที ผมเปิดเครื่อง POS ขึ้นมา หน้าจอเรืองแสงด้วยอินเทอร์เฟซที่คมชัดของเครื่องราคาแพง ทุกอย่างดูปกติอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แต่แล้วหน้าจอก็กระพริบ ก่อนจะแสดงโปรไฟล์ใหม่ในฐานข้อมูลพนักงาน

    [พีรวัฒน์ อายุ 23 ปี หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม]

    ผมขมวดคิ้ว หันไปมองบอสหนู “นี่คือหนึ่งในคนที่หายตัวไปที่คุณพูดถึงใช่ไหม?”

    เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด กลืนน้ำลายลงคอจนลูกกระเดือกขยับ “เขาหายไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ทำงานอยู่ที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม”

    Sponsored Ads

    ผมยังไม่ทันที่จะพูดอะไร เครื่อง POS ก็ส่งเสียงดัง วืด แล้วพิมพ์ใบเสร็จออกมาด้วยเสียง ชึ่บ

    ผมหยิบมันขึ้นมาอ่านข้อความปริศนาที่พิมพ์อยู่บนกระดาษทำให้ผมขนลุก

    [ลงเวลาเข้าแล้ว แต่ไม่ได้ลงเวลาออก เวลาที่บันทึก: 19:42 น.]

    ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกเสียวสันหลังวาบ “บอสหนู ผมบอกได้เลยว่านี่ไม่ใช่แค่ปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ธรรมดา ๆ นี่มัน…บางอย่างที่มากกว่านั้น”

    หนูขยับตัวอย่างอึดอัด ดวงตาของเขามองไปที่ระบบ POS เหมือนกลัวว่ามันจะกระโจนใส่เขาได้ “คุณซ่อมมันได้ไหม?”

    “นั่นก็ขึ้นอยู่กับ” ผมตอบ พลางพับใบเสร็จและเก็บใส่กระเป๋า “ก่อนอื่น ผมต้องรันการวินิจฉัย หมายถึงต้องรื้อเครื่องนี้ออกและตรวจสอบอย่างละเอียด นั่นจะมีค่าบริการขั้นพื้นฐาน”

    “เท่าไหร่?”

    ผมเอียงหัว ประเมินสถานการณ์—และความสิ้นหวังของบอสหนูที่เห็นได้ชัด “ห้าพันบาท เป็นราคาเริ่มต้น ถ้าปรากฏว่ามันเป็นอะไรที่…ผิดปกติมากกว่านี้ เราคงต้องคุยกันใหม่เรื่องค่าใช้จ่าย”

    ไหล่ของบอสหนูห่อลงเล็กน้อย แต่เขาก็พยักหน้า “ได้ เอาเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่จัดการให้จบ”

    ผมวางมือลงบนเครื่อง POS ผิวสัมผัสของมันอุ่นกว่าที่ควรจะเป็น เหมือนมันมีชีวิต

    “โอเค มาดูกันว่าเรากำลังเจอกับอะไร”

    ขณะที่ผมเตรียมเครื่องมือ ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวในท้องผม มันไม่ใช่แค่เครื่องเสียธรรมดา แต่เหมือนมันกำลังจ้องมอง รอคอย และสิ่งที่ทำให้มันเสียหาย…ยังไม่หยุดแค่นี้แน่ ๆ

    Sponsored Ads

    ———————

    เหตุการณ์ประหลาด

    ขณะที่ผมกำลังตรวจสอบระบบ หน้าจอก็กระพริบอีกครั้ง คราวนี้มันแสดงภาพลาง ๆ ที่เหมือนรูปร่างของคน มันดูเหมือนสัญญาณรบกวนมากกว่าจะเป็นรูปร่างชัดเจน แต่ก็พอจะทำให้ขนที่ท้ายทอยผมลุกซู่ได้

    ตัวเครื่องปล่อยคลื่นความร้อนอ่อน ๆ ออกมา คล้ายกับว่ามันมีชีวิตและกำลังหายใจ

    “รู้สึกอะไรไหม?” ผมหันไปถามบอสหนู

    “ผมไม่แตะมันหรอก” เขาตอบทันที ถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว “มันต้องมีคำสาปอะไรแน่ ๆ คุณนั่นแหละเป็นช่างซ่อมไม่ใช่เหรอ?”

    ผมพึมพำเบา ๆ แล้วล้วงกระเป๋าหยิบกระจกส่องวิญญาณของย่าน้อยออกมา ผมยกมันขึ้นเหนือเครื่อง POS แล้วปรับมุมจนกระจกสะท้อนหน้าจอ

    รูปร่างที่บิดเบือนในจอกลับดูคมชัดขึ้นในเงาสะท้อน—ใบหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่ง แววตาและสีหน้าของเขาแข็งค้างราวกับถูกหยุดไว้ด้วยความกลัว

    เสียงของบอสหนูตึงเครียด “นั่น…นั่นคือพีรวัฒน์ ผมจำเขาได้”

    อากาศรอบ ๆ ตัวเครื่องเริ่มเย็นลง เสียงกระซิบเบา ๆ ดังลอดออกมาจากลำโพง

    [อีกคนเดียว…แค่คนเดียว]

    Sponsored Ads

    ———————

    อดีตหวนคืน

    ผมปิดเครื่อง POS แล้วหันไปถามบอสหนู “คุณได้เครื่องนี้มาจากไหน?”

    เขาชะงักและเกาที่หลังคออย่างประหม่า “เจ้าของบาร์คนก่อนเขาขายมันให้ผมราคาถูก บอกว่าเป็น ‘ของนำเข้าพิเศษ มีฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร’”

    “ฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร” ผมทวนคำด้วยน้ำเสียงแห้ง ๆ “อย่างเช่นการดูดวิญญาณของเพื่อนบ้านคุณ?”

    บอสหนูครางออกมาอย่างอ่อนใจ “ผมไม่รู้จริง ๆ มันดูหรูดี แล้วมันก็ทำงานปกติจนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วนี่แหละ”

    “แน่นอน” ผมพึมพำ พลางหันกลับไปดูเครื่องอีกครั้ง ผมเปิดเครื่องขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เชื่อมต่อเข้ากับแล็ปท็อปเพื่อรันการวินิจฉัย ซอฟต์แวร์ในระบบถูกเข้ารหัสไว้หลายชั้น ซึ่งดูไม่มีเหตุผลเลยสำหรับเครื่อง POS ธรรมดา—มันเกินความจำเป็นไปมากสำหรับแค่ระบบคิดเงินเครื่องดื่มและทิป

    ขณะที่ผมเจาะลึกเข้าไปในระบบ หน้าจอของแล็ปท็อปกลับดับลง และเครื่อง POS ก็กะพริบสว่างขึ้นมาอีกครั้ง

    [ช่วยพวกเรา]

    คำเหล่านี้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ตัวอักษรหนาและหยักเหมือนรอยขีดเขียนด้วยความเร่งรีบ

    [อีกคนเดียวเท่านั้น]

    อุณหภูมิในบาร์ลดฮวบ เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบา ๆ ราวกับมีใครเดินอยู่ แม้จะไม่มีใครขยับตัวเลยก็ตาม

    Sponsored Ads

    ———————

    น่าตื่นเต้น

    ผมเอื้อมมือไปหยิบน้ำมนต์จากในกระเป๋า เตรียมจะวาดวงกลมป้องกัน ทันใดนั้นเครื่อง POS ก็เริ่มส่งเสียงฮัมต่ำ ๆ ซึ่งก้องกังวานจนขวดเหล้าบนบาร์สั่นสะเทือน

    หน้าจอของมันกระพริบอีกครั้ง คราวนี้แสดงตัวเลขนับถอยหลัง

    [กะสุดท้ายเริ่มในอีก 24 ชั่วโมง]

    “บอสหนู” ผมพูดด้วยเสียงมั่นคง แม้ความตึงเครียดรอบตัวจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ “คุณอาจต้องยกเลิกการจองของพรุ่งนี้ ผมบอกได้เลยว่านี่ไม่ใช่แค่ระบบที่ถูกผีสิง แต่นี่มันกับดัก”

    บอสหนูหน้าซีด เขาจับขอบบาร์ไว้แน่น “แล้วเราจะทำยังไง?”

    ผมหันไปมองกระจกส่องวิญญาณซึ่งตอนนี้แสดงภาพใบหน้ามากมาย—หลายสิบใบหน้า ทั้งหมดกำลังจ้องมองผมจากอีกด้านหนึ่งของกระจก

    “เราต้องหาว่าใครเป็นคนวางกับดักนี้” ผมพูดเสียงเครียด ขณะเก็บเครื่องมือกลับเข้ากระเป๋า “และหยุดพวกมัน ก่อนที่เครื่องนี่จะเอาใครไปอีก”

    แต่แม้จะพูดแบบนั้น คำว่า “อีกคนเดียวเท่านั้น” ที่ดังก้องในอากาศยังทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า เราอาจจะมาช้าเกินไปแล้ว…

    0 Comments

    Heads up! Your comment will be invisible to other guests and subscribers (except for replies), including you after a grace period.

    Note