You have no alerts.
    Header Background Image
    นิยายแปล แบ่งปัน สนุกขำขัน ได้ที่นี่ WhatANovel.com
    Chapter Index

    คุณรู้ดีว่าตัวเองอยู่ในภาวะทางการเงินที่แปลกเมื่อสามารถจ่ายเงิน 49,900 บาทเพื่อซื้อแล็ปท็อปได้  แต่ยังสะดุ้งทุกครั้งที่เห็นโปรอาหารแมวลดเหลือสิบห้าบาทหน้าเคาน์เตอร์ 7-Twelve

    Sponsored Ads

    ฉันไม่ถึงกับจน แค่รวยในแบบที่ยังต้องกลั้นใจเวลาหยอดเหรียญตู้น้ำ แล้วลุ้นว่ามันจะยอมปล่อยน้ำหรือกลืนเหรียญ ค่าใช้จ่ายประจำเดือนนี้ดูเหมือนเมนูร้านอาหารที่แถมของแถมชื่อ “วิตกจริต” มาทุกจาน

    อันดับแรก ค่าเช่า 5,000 บาทถ้วน เป็นราคาที่ถือว่าคุ้ม ถ้าไม่นับว่าห้องนี้แอร์ฟรีเฉพาะคนที่ชอบเปิดหน้าต่างให้ยุงบินเข้า ต่อด้วยค่าประจำแม่ 1,000 บาททุกต้นเดือน (“โอนให้ค่าฝันดี”) ค่าน้ำค่าไฟอีก 3,000 บาท ที่เมืองนี้เขาคิดเงินทุกหยดทุกวัตต์ บางเดือนฉันยังสงสัยว่าโดนเก็บค่าไฟเผื่อห้องข้าง ๆ เปิดคาราโอเกะหรือเปล่า

    และที่สำคัญ งบอาหารรวมมนุษย์และแมวอยู่ที่ 5,000 บาท แบ่งเป็น “อาหารคน” (ข้าว ไข่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตามวาระ) กับ “อาหารแมว” (ซองหรูส่งตรงจากต่างประเทศที่ลาเต้แค่ดมแล้วเมิน หันไปกินหมูทอดค้างคืนแทน)

    ข้างห้องเปิดเพลงเพื่อชีวิตแบบวนลูปตั้งแต่เจ็ดโมง ฉันเริ่มสงสัยว่ามีใครเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เลือกเพลง “หมดเวลา” เป็นนาฬิกาปลุกทุกวันไหม ลาเต้กระดิกหูตามจังหวะเบส แล้วถอนหายใจเหมือนเขารู้ว่าเพลงนี้จะวนอีกรอบ 

    ฉันลองรวมบิลแล้วพบว่ารายจ่ายที่จริงคือ “ขนมแมวแบบสุ่ม” และ “ขนมปังที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย” ทุกสัปดาห์

    อินเทอร์เน็ตยังคงใช้ระบบบัตรขูดตามแบบ RB51 ซื้อ เติม ขูด พิมพ์โค้ด สวดมนต์ให้ติด ลาเต้มักช่วยด้วยการไปนั่งทับบัตรก่อนกรอกตัวสุดท้ายเสมอ

    ฉันจ้อง spreadsheet ในหน้าจอ แม้จ่ายครบทุกบิลแล้ว บัญชีก็ยังเหลือเกินครึ่งล้าน  แต่ปัญหาคือ ฉันยังใช้ชีวิตเหมือนคนมีเงินติดลบตลอดเวลา นิสัยเก่า แก้ไม่หาย ลาเต้ม้วนตัวอยู่ข้างถาดเหรียญ มองเงินสดเหมือนจะพูดว่า แกก็จะเอาไปซื้ออะไรไร้สาระอีกล่ะ เดี๋ยวฉันจัดการให้

    ฉันจดบันทึกลงสมุดบัญชี

    “จ่ายแล้ว: ค่าเช่า น้ำไฟ อาหาร แม่ แมว และภาษีความกลัวอนาคต” 

    ยอดเงินคงเหลือ: ฿539,942

    ไม่แย่นัก สำหรับเมืองที่ไม่ยอมให้ใครรู้สึกให้คุณรวย แม้ว่าคุณจะไม่จนก็ตาม ยอดเงินหกหลักดูมั่นคงดี จนคุณเงยหน้าเจอพัดลมเพดานที่สั่นเหมือนจะลาออก ในเมืองที่ไฟดับก่อนฝนตกหนึ่งวินาทีเสมอ ไม่มีอะไรมั่นคงจริงหรอก

    แม้แต่ความรู้สึกว่า “วันนี้น่าจะรอด” ก็ยังมีอายุแค่เท่ากับบัตรเติมเน็ตแบบ 3 วัน 

    Sponsored Ads

    ———————

    ฟอร์ม 30-2/ท.

    สิ่งที่ยุ่งยากกว่าการแต่งเพลงใหม่ในเมืองนี้ คือการต้องพิสูจน์ว่าเพลงนั้นเป็นของเราจริง

    ฉันเดินเข้ากรมทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมกับความรู้สึกว่าไม่น่าออกจากบ้านโดยไม่พก “ชีวิตสำรอง” แสงไฟฟลูออเรสเซนต์ พัดลมที่หมุนพอให้กลิ่นความสิ้นหวังฟุ้งไปทั่วล็อบบี้ และแถวที่ยาวเหมือนงูที่เครียดกับระบบภาษี ฉันไม่แน่ใจว่าต้องยื่นฟอร์ม หรือยื่นชีวิตให้ระบบตรวจสอบด้วย เพราะที่นี่ ถ้าคุณหายใจผิดจังหวะ อาจต้องเริ่มนับคิวใหม่ 

    เก้าอี้ทุกตัวที่สาม จะมีใครสักคนกอดแฟ้มเขียนว่า “สำคัญมาก” ซึ่งในกรุงเทพฯ แปลว่า “อาจหายระหว่างทางได้ทุกเมื่อ”

    ฉันมีของศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นประจำพิธีกรรม

    – เดโมเทป cassette (กรอกกลับด้วยปากกาลูกลื่นไว้แล้วกันเหนียว) 

    – ชีทคอร์ดหนาเตอะพอจะปาใส่หัวคน 

    – ฟอร์ม 30-2/ท. เขียนด้วยลายมือเหมือนเสียดายหมึกทุกเส้น

    ฉันยื่นเทปให้เหมือนกำลังส่งลูกเข้าโรงเรียนที่ไม่มีครู และยื่นชีทคอร์ดเหมือนแนบจดหมายลาโลกทางวรรณกรรม เสียงในหัวพูดว่า “ส่งไปเหอะ อย่างน้อยก็มีคนรับไว้ก่อนที่จะหายไปในลิ้นชักราชการ” 

    เจ้าหน้าที่คนเดิม ผมสั้น เสื้อเชิ้ตแขนพับ สายตาแบบคนที่เคยเห็นความฝันทุกสายในกรุงเทพฯ เดินเข้ามาลงชื่อแล้วก็หายไปกับฝุ่นควัน 

    เธอเหลือบดูคำว่า “ดึงดัน” ในช่องชื่อเพลง ไม่แสดงความเห็นใด ๆ แค่พยักหน้าแบบราชการ “เรื่องของคุณ ไม่ใช่ของฉัน”

    “ค่าธรรมเนียมห้าร้อยบาทค่ะ รับเงินสดเท่านั้น” 

    ฉันจ่าย เธอประทับตราเสียงดังเหมือนใบสั่งจราจร แล้วหย่อนเทปฉันลงถาดพลาสติกป้าย “รอดำเนินการ” 

    ซึ่งดูเผิน ๆ ก็เหมือน “ที่พักสุดท้ายของความหวังครึ่งเมืองนี้” ระหว่างรอ ฉันนับจำนวนผู้เข้าร่วมขบวนการ

    ผู้ชายคนหนึ่ง ยื่นเนื้อเพลง “รักแท้แพ้ค่าน้ำมัน” ยาว 4 หน้า ป้าคนหนึ่งถือเพลงธีมละครซิตคอม ตัวอักษร Comic Sans เต็มแผ่น  น้องนักศึกษากำลังอ่านขั้นตอนรอบที่สาม พร้อมเหงื่อไหลทะลุยูนิฟอร์ม ไม่มีใครที่นี่เป็นคนดัง แต่ทุกคนอยากได้ลิขสิทธิ์ 

    ในเมืองที่เสียงดังขนาดนี้ หลักฐานเดียวว่าคุณเคยมีอยู่ ก็คือรอยประทับตราบนฟอร์มที่ไม่มีใครอ่าน

    “จะรับใบเสร็จเลยไหมคะ หรือให้มารับพรุ่งนี้?” 

    ฉันยิ้ม “เอาวันนี้เลยครับ เผื่อคืนนี้จะฝันว่าดัง”

    เธอไม่หัวเราะ แต่พัดลมสั่นอย่างเข้าใจ

    ฉันออกมาพร้อมใบเสร็จ สำเนาฟอร์ม และความรู้สึกว่า ในกรุงเทพฯ ต่อให้คุณมีไอเดียดีแค่ไหน มันก็ต้องเข้าคิวก่อน ที่หน้าทางออก ระบบนี้ไม่เคยถามว่าเพลงดีไหม  มันแค่ถามว่า “คุณเขียนชื่อให้ตรงบรรทัดหรือเปล่า?” แต่ถ้านี่คือด่านหนึ่งที่ต้องผ่านก่อนจะได้ฟังเพลงตัวเองแบบไม่โดนขโมย… ฉันก็จะต่อแถวไปเรื่อย ๆ  สุนัขจรตัวหนึ่งนอนขวางป้ายจอดมอเตอร์ไซค์อย่างสงบ อย่างน้อยมันก็ไม่ต้องกรอกฟอร์ม

    Sponsored Ads

    ———————

    ความฝัน 56k ส่งผ่าน 2G

    มีอะไรบางอย่างในเสียงหวีดของโมเด็ม 56k ที่ทำให้การ “ส่งเรื่องสั้น” กลายเป็นพิธีกรรมห้าดาวที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ในความหงุดหงิด หวาดหวั่น และหวังว่ามันจะไม่ล่มกลางทาง เพราะเสียง “กรี๊ด–ปี๊ด–แต๊กๆๆๆ” นั้นคือเสียงของโอกาสในโลกที่ยังใช้ฟลอปปีดิสก์เป็นจี้ห้อยคอ

    เว็บไซต์ของ เสียงระหว่างซอย เป็นทุกอย่างที่คุณคาดหวังจากวรรณกรรมอิสระยุค RB51 พื้นหลังสีเบจแบบ “กระดาษ A4 เปียกฝน” ฟอนต์ Times New Roman ขนาดไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับอารมณ์แอดมิน เส้นแบ่งเมนูโค้งผิดมุมในแบบที่นักออกแบบควรลาออกไปทำนา

    ไม่มีระบบล็อกอิน ใครอยากส่งก็เชิญเลย  ตรงกลางมีปุ่ม “ส่งต้นฉบับ” ใหญ่เบ้อเร่อ เหมือนท้าทาย ใต้ปุ่มมีช่องกรอกแค่สามช่อง

    – หัวข้อเรื่อง

    – ช่องผู้เขียน

    – ไฟล์แนบ (รองรับ .doc, .txt, .rtf, หรือจะก็อปลงกล่องข้อความถ้าเน็ตกาก)

    ฉันก็อปเรื่อง ko_kong_sand.doc วางในช่องแบบระแวดระวัง  เช็กชื่อเรื่องสามรอบ กลัวจะหลุดไปเป็น “ก่อกล่องทราย” หรือ “โก่งกรองทราย” โดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนกดแนบไฟล์ ฉันเหลือบดูลาเต้ที่ตอนนี้นั่งทับปลายสายโมเด็มอย่างสงบ เหมือนเป็นช่างควบคุมเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการประทับจิตผ่านอุ้งเท้า 

    ฉันพูดลอย ๆ “อย่าเพิ่งขาดนะเพื่อน ไม่งั้นเราจะกลายเป็นคนเขียนที่ไม่มีคนอ่าน” 

    ลาเต้ไม่ตอบ แต่เลียขาหน้าเหมือนจะบอกว่า ปัญหาเครือข่ายไม่ใช่ความรับผิดชอบของแมว

    พอฉันกด “แนบไฟล์” แถบสถานะขึ้นแค่คำว่า 

    “โปรดรอสักครู่…” …และกะพริบอยู่แบบนั้น เหมือนพระกำลังสวดหลังอยู่หลังตาลปัตร

    ลาเต้เดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ  นี่คือเวอร์ชันดิจิทัลของการเขียนจดหมายใส่ขวด แล้วโยนลงแม่น้ำเจ้าพระยา หวังว่าอีกชาติจะมีใครเจอ

    มีแค่ประโยคสั้น ๆ สีเทา 

    “ต้นฉบับของคุณได้ถูกส่งเรียบร้อยแล้ว”

    ฉันจ้องหน้าจอ  ฟังเสียงโมเด็มถอนหายใจเหมือนพ่อแม่ที่ผิดหวัง  ฝนตกกระทบหน้าต่างเบา ๆ เหมือนเคาะจังหวะซัมบ้าโดยใช้มือเดียว บางครั้งเสียงธรรมชาติยังดราม่าน้อยกว่าระบบฝากไฟล์เว็บวรรณกรรม

    นี่แหละ “ความกล้าทางวรรณกรรม” ส่งเจดีย์ทรายของคุณลงหลุมดำ แล้วไปชงกาแฟซอง เพราะทุกอย่างหลังจากนี้ มันอยู่นอกมือคุณแล้ว

    ฉันเขียนโพสต์อิทไว้บนจอ

    “3 พ.ค. 2001 – ส่ง ‘ก่อกองทราย’ เรียบร้อย ขอให้ algorithm เมตตา”

    โมเด็มตัดการเชื่อมต่อเองอย่างมีศักดิ์ศรี ลาเต้เหลือบมองนิดหน่อย แล้วเดินกลับไปชามข้าวเหมือนบอกว่า ถ้าไม่ใช่ข่าวเรื่องอาหาร ฉันไม่อิน

    Sponsored Ads

    ———————

    นัดหมายเรียบร้อย ไม่ต้องอ้อมค้อม

    [SMS – Bank of New Siam]
    เงินเข้า: ฿10,000.00
    จาก: ธนศักดิ์ เอียดภูรี
    รายละเอียด: Payment – ดึงดัน
    ยอดเงินคงเหลือ: ฿549,942

    หนึ่งหมื่นบาท ดูดีขึ้นเสมอเมื่ออยู่บนจอสี่เหลี่ยมเขียว ๆ มากกว่าอยู่ในหัว ฉันนึกถึงค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ซองเหรียญที่กองอยู่บนโต๊ะ มันพอให้ขยับชีวิตต่อไปได้…แบบไม่ต้องลุ้นเกินไป

    ฉันยังไม่ทันจะเก็บโทรศัพท์ ชื่อ “พี่ต้น ก็โผล่ขึ้นมา  เขาไม่เคยส่งข้อความ มีแต่โทร กฎส่วนตัวที่ฉันเลิกถามหาที่มานานแล้ว

    “มึง เงินเข้าแล้วใช่ไหม กูเพิ่งโอนค่าดึงดันไปหมื่นนึง” 

    “ครับ เข้าแล้วครับพี่” 

    “พรุ่งนี้หกโมงเจอกันร้านเดิม เอาเอกสารกับบัตรประชาชนมาด้วย อย่าให้ต้องรอนะ” 

    “ครับพี่” 

    “เสาร์นี้วงเล่นดึงดัน ที่ Skyline Loops มึงมาดูด้วย อยากให้มึงเห็นเอง ไม่ใช่แค่นั่งแกะคอร์ดอยู่ห้อง” 

    “ต้องไปอยู่แล้วพี่” 

    พี่ต้นหัวเราะห้วน ๆ “อย่าแต่งตัวเหมือนจะไปต่อทะเบียนรถล่ะ กูขอร้อง” 

    ฉันหัวเราะ ไม่ตอบ

    ก่อนวางสาย เขาพูดเสริมเบา ๆ เหมือนเพิ่งนึกได้
    “แล้วถ้ามีใครถามนะ ว่าค่าจ้างนักแต่งเพลงแม่งเท่าไร… มึงช่วยตอบแบบให้เขาอยากลาออกจากวงการหน่อยนะ”
    “เอ่อ… หมื่นนึงครับ” ฉันตอบ
    “เต็มกรอบพอดี แถมไม่ต้องจ่าย VAT” เขาว่า แล้วตัดสายไป

    ฉันวางโทรศัพท์ลงบนเตียง เสียงหัวเราะของพี่ต้นยังวนอยู่ในหู มันเป็นเสียงของเพื่อนที่รู้ว่าจะจัดการอะไรยังไง และรู้วิธีทำให้ชีวิตไม่เครียดเกินไป 

    ลาเต้เดินมาทิ้งตัวลงตรงข้างมือฉันแบบไม่ขออนุญาต แล้วเอาหน้าผากดใส่โทรศัพท์ เหมือนจะถามว่า นัดหมายเรียบร้อยแล้วใช่ไหม? หรืออาจแค่อยากได้ไออุ่น 

    ฉันจิ้มปากกาแล้วเขียนลงในสมุด

    “4 พ.ค. 2001 – 6PM – ร้านเดิมกับพี่ต้น เอาบัตรประชาชนไปด้วย ห้ามแต่งตัวเหมือนข้าราชการ”

    ลาเต้ยื่นอุ้งเท้าไปแตะสมุด แล้วถอนหายใจเบา ๆ แบบนักวางแผนโลจิสติกส์ที่เพิ่งอัปเดตรอบประชุม 

    ฉันพึมพำ “ต้องแต่งยังไงวะถึงจะดูไม่เหมือนต่อทะเบียนรถ…” 

    สมองประมวลผลชุดทางเลือก

    – เชิ้ตลายตาราง = เหมือนรอเข้าธนาคาร 

    – เสื้อวงดนตรี = เหมือนอยากขอขึ้นเล่นแทน 

    – เสื้อยืดลายแมว = เหมือนลากลาเต้ไปเป็นพร็อพ 

     ลาเต้ยกหางขึ้น เหมือนจะโหวตตัวเลือกสุดท้ายอย่างไม่ปรึกษา ฉันเอนหลังลง มองเพดานที่เริ่มมีรอยร้าวลายสายฟ้า และพึมพำ 

    “กับบางคน คุณไม่ต้องพูดกันเยอะ แค่ไปให้ถึงตามนัด ก็พอแล้ว…” 

    …แต่ถ้าจะให้ครบ ก็ควรไปแบบไม่โดนไล่กลับเพราะแต่งตัวเหมือนจะยื่นฟ้องกรมสรรพากร

    Sponsored Ads

    0 Comments

    Heads up! Your comment will be invisible to other guests and subscribers (except for replies), including you after a grace period.

    Note