096-โบว์แดงให้เธอ
by S.J. Raventideฉันบอกตัวเองว่าจะนั่งแค่ห้านาที
แค่เลื่อนดูผ่าน ๆ ลบสแปมจากคอร์สโค้ชชีวิตที่แถมความมั่นใจมาในรูป PDF อาจจะจ้องกำแพง อาจจะจ้องฝ้าเพดาน หรืออาจต่อรองกับจักรวาลให้เลื่อนเส้นตายความกล้าออกไปอีกหน่อย
Sponsored Ads
แต่ก่อนจะได้แตะแป้นพิมพ์ ฉันเห็นกระดาษบาง ๆ โผล่ออกมาจากใต้โต๊ะ เป็นแผ่นระบายสี โครงร่างธงชาติจากชุด Happy Meal ยับนิด ๆ ตรงขอบยังมัน ๆ อยู่นิดหน่อย
ฉันหยิบขึ้นมา พับครึ่งครั้งนึง พิมพ์ด้วยสีแดง ขาว น้ำเงิน พร้อมข้อความซีด ๆ ที่ว่า “ระบายเสรีภาพในแบบคุณ!”
“ของเล่นเสริมชาติในราคาเบอร์เกอร์เด็ก” ฉันพึมพำ พลางยิ้มออกมาโดยไม่ตั้งใจ
มันพิมพ์บนกระดาษบางเฉียบจนถ้าระบายสีแรงไปก็อาจลบขอบธงหายไปได้ทั้งแผ่น ซึ่งก็… ฟังดูสมจริงดี
แล้วเคอร์เซอร์ก็เริ่มกระพริบ ลาเต้ก็กระพริบตากลับ
แล้วห้องก็เงียบเกินกว่าจะไม่เขียนอะไร
โน้ตบุ๊กเปิดขึ้นมาด้วยเสียงเหมือนเครื่องพิมพ์กรมอะไรสักอย่างที่ยังตั้งค่าให้พ่นฝุ่นก่อนพ่นหมึก เหมือนจะเตือนฉันว่า ในเมืองนี้… การจะเริ่มพิมพ์อะไรได้ ต้องผ่านพิธีกรรมบางอย่างก่อนเสมอ ลาเต้ ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่เหมือนบอร์ดเซ็นเซอร์เงียบ ๆ เดินมานั่งบนแผ่นรองเมาส์เหมือนจะประทับตรา ไม่ผ่าน ให้กับจิตวิญญาณฉัน
แต่ฉันก็เปิดไฟล์เปล่าอยู่ดี
เคอร์เซอร์กระพริบเหมือนเจ้าหน้าที่อาวุโสที่นั่งไขว้ขาอยู่ปลายโต๊ะ พร้อมจะถอนหายใจใส่ถ้าไม่เริ่มพิมพ์เสียที
ฉันเริ่มพิมพ์
📖 “เสียงเพลงจบพอดีตอน 08.00
ฉันยังยืนอยู่หน้ารั้วโรงเรียน เหงื่อไหลลงมาระหว่างหลังคอกับปกเสื้อ มองเข้าไปข้างในเห็นเด็กนักเรียนยืนนิ่งเป็นแถว สองเท้าชิดกันพอดีเป๊ะ ทุกคนยังยืนนิ่ง แม้เพลงจะจบไปแล้ว… “
ลาเต้ยืดตัว เหมือนเคยเห็นฉากนี้มาก่อนแต่ก็ยังไม่ประทับใจ
📖 “ไม่มีเสียงวิทยุ ไม่มีเสียงระฆัง ไม่มีเสียงหัวเราะ จนกระทั่งเสียงล้อจักรยานของครูฝ่ายปกครองดังขึ้น เขาปั่นช้า ๆ ผ่านหน้าเสาธงแล้วหายไปตรงมุมตึก ถึงตอนนั้น ฉันถึงได้รู้ว่าฝ้ายไม่ได้อยู่ในแถว “
แล้วด้วยจังหวะเป๊ะเหมือนพนักงานออฟฟิศแอบฟังข่าวลือ เขาปัดปกซีดีตกจากขอบโต๊ะ
“ใจเย็น ๆ ” ฉันพึมพำ “แค่ร่างเฉย ๆ”
แต่ร่างนั้นกลับรู้สึกเหมือนความจริงมากกว่าสิ่งที่ฉันเขียนมาเป็นสัปดาห์
ฉันเลื่อนกลับขึ้นไปดูคำว่า “ฝ้าย” แล้วมองเคอร์เซอร์ กระพริบเหมือนเจ้าหน้าที่ที่กำลังรอให้ฉันส่งเอกสารผิดช่อง
ฉันพิมพ์ต่อ
📖 “มีแค่ประโยคเดียวพิมพ์เรียบ ๆ:
“ขอขอบคุณครอบครัวของเด็กหญิงฝ้าย ที่ให้ความร่วมมือกับ Civic Council อย่างสงบเรียบร้อย” “
เพราะแม้ระบบจะไม่ฟัง อย่างน้อยเจ้าเคอร์เซอร์กระพริบนี่ก็ยังไม่ขัดขวางฉัน
Sponsored Ads
———————
ไฟล์เงียบ ฉบับร่าง 02
ฉันเขียนฉากเปิดไว้แล้ว เขียนถึงโบว์แดงไว้แล้ว แต่มันยังไม่ใช่แก่น แก่นมันอยู่ตรงช่วงที่คนเลิกถาม
ฉันเริ่มหน้ากระดาษใหม่ อากาศในห้องนิ่งสนิท แบบเดียวกับความนิ่งเวลาหน้าต่างปิด แต่ความสงสัยเปิดอยู่
📖 “เขาเคยเป็นคนที่ชุมชนไม่ค่อยสนิทด้วย
ลุงมิตร ขายข้าวแกงอยู่ท้ายซอย พูดเสียงเบา ไม่ชอบเปิดไฟนีออนหน้าร้าน เคยบอกว่า “ไฟแรง ๆ ทำข้าวเย็นเร็ว” อยู่ดี ๆ วันหนึ่ง เขากลายเป็น
“ผู้นำกิจกรรมประเมินความไวต่อสัญญาณพลเมือง เขต 6” … “
ลาเต้กระดิกหางกับขอบจอ ฉันเกาหางคาง แต่ไม่หยุดพิมพ์
📖 “หลังจากนั้น ทุกเช้า ลุงมิตรถูกขอให้ไปยืนหน้าเสาธง
บันทึกความเงียบ เขาไม่ได้ตรวจการยืน ไม่ได้ฟังเสียงเพลง แค่ยืนหลับตา แล้วจดบรรยากาศว่า
“วันนี้เงียบเร็วขึ้นกว่าวานนี้ 0.2 วินาที” “
ฉันกะพริบตา ลาเต้หาว ฉันพิมพ์ต่อ ก่อนจะเปลี่ยนใจ
📖 “โรงเรียนของฝ้ายเริ่มใช้ระบบใหม่ ชื่อเรียกยาวมาก แต่ย่อว่า EPAS
“Emotional Posture Assessment System”
มันไม่ใช่กล้องวงจรปิด แต่เป็นกล่องสีเทาติดอยู่หลังลำโพงเพลงชาติ … “
ฉันจ้องหน้าจอ เลื่อนกลับ อ่านบรรทัดเรื่อง EPAS อีกครั้ง
📖 “…ไม่มีใครเห็นว่ามันทำงานยังไง แต่มีประกาศติดไว้ข้างกล่องว่า:
“ระบบจะไม่บันทึกภาพถาวร จะวิเคราะห์เฉพาะความไวต่อเสียงสัญญาณ และระดับ ‘การตอบสนองเชิงอารมณ์’ เพื่อการพัฒนาเท่านั้น”
ไม่มีใครกล้าถามว่ามันวัดจากอะไร “
ลาเต้ปีนขึ้นมานอนบนคีย์บอร์ด ไม่ยอมขยับ
ฉันกดเซฟ แล้วพิมพ์ต่อ
📖 “เสื้อยืดลายใหม่วางขายที่หน้าตลาด สีขาวพิมพ์ตัวอักษรแดง ไม่มีโลโก้ ไม่มีคำว่า Civic แค่ประโยคเดียว
“เธอเคยยืนไม่ทัน เราจะยืนแทน”
ไม่มีใครบอกว่าใครคือ “เธอ” แต่ทุกคนในเขตรู้ดีว่าเป็นใคร… “
ฉันอ่านบรรทัดนั้นซ้ำสองครั้ง แล้วก็ปล่อยให้คีย์บอร์ดถูกแมวครอบครองต่อไป
บางที เรื่องนี้อาจไม่ต้องจบให้กระจ่าง แค่ให้มันยืนอยู่ได้ โดยไม่มีใครต้องยืนคนเดียว
📖 “พรุ่งนี้วันจันทร์ ฉันจะไปยืนหน้าเสาธงอีกครั้ง พร้อมเสื้อยืดที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนเขียน
เพราะในเมืองนี้ เธอไม่ได้ตาย เธอแค่ยืนไม่ทัน แล้วเราก็ยืนแทนไปเรื่อย ๆเพื่อให้เพลงจบอย่างไม่มีคำถาม “
Sponsored Ads
———————
ไฟล์แนบขนาดไม่เกินความเงียบ
ในแนวทางการส่งต้นฉบับ เขียนไว้ชัดเจนว่าไฟล์ต้องเป็น `.doc` ฟอร์แมต ใช้ Unicode ภาษาไทย และโดยเฉพาะ ต้องใช้ฟอนต์ Cordia หรือ Tahoma เท่านั้น และแนบไฟล์ฟอนต์มาด้วย เพราะที่ออฟฟิศมีแต่ Angsana จัดหน้าแล้วตัวอักษรหลุด
ฉันไม่ได้แนบฟอนต์ไป แล้วก็ลบประโยคเปิดสามบรรทัดจากร่างอีเมลออกด้วย
– “ตามที่แนบมานี้”
– “เรียนเชิญพิจารณา”
– “ขอแสดงความนับถืออย่างสูง”
เพราะถ้าเขาไม่อ่าน ประโยคพวกนี้ก็ไม่ช่วย ถ้าเขา *จะ* อ่าน เดี๋ยวก็เข้าใจเองภายในสามบรรทัด
ฉันจ้องชื่อไฟล์: `bowdang_v02.doc` เอาเมาส์ไปชี้ค้างไว้อยู่เกือบนาที คิดว่าจะเปลี่ยนชื่อดีไหม
`final.doc`? หยิ่งไป
`final_maybe.doc`? สิ้นหวังไป
สุดท้ายเลยปล่อยไว้แบบเดิม
ฉันเปิดอีเมลใหม่
To: วารสารมองมารายเดือน
Subject: ส่งเรื่องสั้น: โบว์แดง / ตะวันหลงทาง
Attachment: bowdang_v02.doc
“เรียน กองบรรณาธิการ
หวังว่าอีเมลฉบับนี้จะพบคุณในช่วงเวลาที่เรียบร้อย แม้จะรู้ดีว่าในเมืองนี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียบร้อยนัก
สิ่งที่แนบมาด้วยเรื่องสั้นชื่อ “โบว์แดง”
เป็นงานเขียนแนว fiction หรืออย่างน้อย ฉันก็เลือกจะเรียกมันแบบนั้นในตอนนี้ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนไม่ทัน และระบบที่ยืนได้เสมอ เล่าผ่านความเงียบหลังจากไม่มีใครพูดชื่อเธอออกมาอีกเลย
เรื่องนี้เขียนขึ้นโดยสมัครใจ ภายใต้ระบบที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า “โดยสมัครใจ” ควรหน้าตาเป็นอย่างไร
เพื่อประกอบการพิจารณา มีบางข้อความที่อ้างอิงถึง เช่น
“ผู้แสดงความล่าช้าทางท่าที แม้ไม่มีการต่อต้านชัดเจน ย่อมถือว่าเป็นพฤติกรรมเบื้องต้นของการไม่พร้อมในเชิงสำนึก และอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยร่วมมือโดยสมัครใจ”
ข้อความข้างต้นมาจากบันทึกภายในของพลเมืองสมมติ อย่างน้อย… ฉันก็หวังว่าเป็นสมมติ
เรื่องนี้ไม่ได้ตะโกน ไม่ได้ต่อสู้ มันแค่ยืนอยู่ แต่ช้าไปนิดเดียว ไม่แน่ว่าจะมีที่ว่างในเล่มหน้าสำหรับเรื่องที่มาถึงช้า
หรือบางที บางที อาจยังพอมีที่ให้ประโยคหนึ่ง ยืนอยู่ตรงที่ที่เพลงมักจะเล่น
ด้วยความนับถือ
— ตะวันหลงทาง”
ลาเต้กระโดดขึ้นโต๊ะด้วยท่วงท่าเหมือนเจ้าหน้าที่ประมวลเอกสาร เขาดมร่างพิมพ์ต้นฉบับ แล้วใช้อุ้งเท้าเลื่อนเมาส์ออกจากปุ่ม “ส่ง” ไปทาง “บันทึกแบบร่าง”
“โอเค ไม่ต้องรีบก็ได้… เข้าใจละว่าการอนุมัติจากเทวดาไม่ได้มาพร้อมเสียงเอฟเฟกต์”
ฉันยิ้ม ยิ้มแบบที่ไปไม่ถึงไหน
“ไม่ใช่ว่าเมืองนี้จะพร้อมฟังอยู่แล้วนี่หว่า”
ฉันเอาเมาส์ไปชี้อีกครั้ง เคอร์เซอร์กระพริบ แล้วหยุดนิ่ง ฉันนึกถึงแผ่นระบายสีลายธงชาติที่แถมมากับ Happy Meal เหมือนความรักชาติแถมมากับของเล่น โดยไม่มีใครขอ
ฉันกดส่ง
ไม่รู้ว่าจะถึงใครไหม ไม่รู้ว่าจำเป็นต้องถึงหรือเปล่า
แต่ในเมืองที่เพลงชาติมักเริ่มก่อนเวลา บางทีเรื่องเงียบ ๆ ที่มาช้าไปหน่อย… ก็ยังนับว่า “มาถึง”
Sponsored Ads
———————
เสียงที่เคยเป็นเธอ
คาเฟ่นี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวเป็นของเก่า มันแค่เปิดเพลงผิดเวลา ลำโพงเหนือศีรษะเริ่มดังเสียงซ่า แล้วมันก็มาตามคิว เสียงของเธอ เสียงของเธอเมื่อก่อน ไม่ใช่แบบดีนัก
🎶 “ที่เธอเคยบอกฉัน อย่าร้องไห้ อยู่ให้ได้ถ้าเธอไม่อยู่…” 🎶
เสียงมันชัดเกินไป เรียบเกินไป พวกเขาลบเสียงสะท้อนออกหมด กดลมหายใจจนเรียบ เสียงสูดลมแรงก่อนขึ้นท่อนสอง หายไป เสียงแตกร้าวตรงคำว่า ฝันคนเดียว ถูกรีทัชด้วยโปรแกรมปรับคีย์
เธอกระพริบตาช้า ๆ แล้วหันมองนอกหน้าต่าง ไม่ใช่เพราะเพลงมันแย่ แต่เพราะมันเคยเป็นเธอ
สองโต๊ะถัดไป เด็กสาวคนหนึ่งฮัมเพลงตาม เพื่อนถาม “เวอร์ชั่นใหม่เหรอ?”
เด็กคนนั้นยักไหล่
“ไม่รู้ดิ เหมือนเสียงพี่นีน่าร้องเลยอะ”
แล้วก็หัวเราะเบา ๆ เหมือนพูดถึงโฆษณายุคก่อน
เธอไม่ได้หันไป ไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้อธิบายว่าทำไมเธอถึงไม่พูดอะไรอีก
🎶 “บรรจงวาดฝัน ให้งดงามเหมือนเก่า…” 🎶
“ท่อนสุดท้ายนั่น ฉันเขียนในห้องน้ำสตูดิโอ” เธอพึมพำ
“ก่อนที่เขาจะบอกให้ร้องแบบ ‘เว้นจังหวะน้อยลง’ นั่นแหละ”
เสียงเครื่องบดกาแฟดังกลบช่วงเงียบ เธอหัวเราะนิด ๆ เหมือนนึกขำใครบางคน
“เขาคงไม่ได้สังเกต…ว่าฉันเปลี่ยนลมหายใจตอนท้าย”
เธอกวนช้อนในแก้วช้า ๆ
“ไม่ใช่เปลี่ยนคำ แค่เปลี่ยนให้มันเป็นของฉัน”
เธอมองออกไปนอกร้าน อาคารฝั่งตรงข้ามมีชั้นล่างว่างเปล่า เคยเป็นห้องอัดเสียงใต้ดินในยุคที่ยังไม่มี Auto-Tune คราบเทปกาวรูปดาวยังติดอยู่บนกระจก
“ถ้าเสียงคนหายไปได้ง่ายขนาดนั้น… บางทีสิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่การอนุญาต แต่เป็นพื้นที่ก็พอแล้ว”
🎶 “…ที่วาดไว้ด้วยกัน จากนี้ฉันต้องฝันคนเดียว” 🎶
อากาศนอกหน้าต่างพร่าไหวเหมือนความทรงจำ แมวตัวหนึ่งนั่งสงบนิ่งบนตู้ไปรษณีย์สีแดง ขนสีขาวปนคาราเมล ไม่ขยับเลย เหมือนเครื่องหมายวรรคตอน
เธอกระพริบตา
เพลงจบลง ไม่มีเสียงปรบมือ ไม่มีใครสังเกตว่าเธออยู่ที่นั่น ยกเว้นเจ้าแมวตัวนั้น หรืออาจจะไม่
เพลงถัดไปของคาเฟ่เริ่มเล่น จังหวะเร็วแต่ลืมง่าย ถูกออกแบบมาเพื่อเติมเสียง ไม่ใช่พูดอะไร เธอลุกขึ้น หยิบกระเป๋า เดินออกจากร้านแบบไม่รีบ ไม่พูดกับใคร ไม่บอกลา
เหมือนเสียงของเธอในเมืองนี้ ยังอยู่ แต่ไม่เคยดังพอจะให้ใครตอบกลับ แต่ถ้ามีที่ให้ยืนโดยไม่ต้องนิ่ง…
บางทีเสียงเธออาจจะเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง
Sponsored Ads
ได้รับแรงบันดาลใจจาก The Red Bow โดย George Saunders (2003)
0 Comments