You have no alerts.
    Header Background Image
    นิยายแปล แบ่งปัน สนุกขำขัน ได้ที่นี่ WhatANovel.com
    Chapter Index

    คืนวันเสาร์ต้นเดือน พฤษภาคม อากาศร้อนเหนียวจนเหงื่อบนเพจเจอร์ก็เหมือนจะส่งสัญญาณเองโดยไม่ต้องมีสายเรียกเข้า

    Sponsored Ads

    สาวที่อยู่ข้างหน้ากำลังทะเลาะกับเพจเจอร์ของตัวเอง  เธอใส่เสื้อสายเดี่ยวกับกระโปรงที่คลุมศักดิ์ศรีไม่มิด หรือบางทีนั่นอาจจะเป็นประเด็น เพื่อนของเธอกำลังทาลิปกลอส กลิตเตอร์ผ่านกระจกพับรูปหัวใจ ที่ฉันเดาว่าเอาไว้ใช้เป็นอาวุธในบางเขตก็ได้

    “แกร๊! วันนี้ฉันขอเป็นเจ้าหญิง!” 

    “เจ้าชายอาจอยู่ในวงนี้ก็ได้!” 

    พวกเธอหัวเราะกันเหมือนสังคมชายเป็นใหญ่ติดหนี้แชมเปญ

    การ์ดหน้าประตูแทบไม่เงยหน้ามอง  เขาพยักหน้าให้ส้นสูง แล้วโบกมือให้ฉันผ่านราวกับแมวเบื่อโลกตัวหนึ่ง

    ข้างในร้าน Midnight Jam กะพริบในแสงยูวีราคาถูก บาร์แบ่งเป็นครึ่งนีออน ครึ่งเชื้อรา และที่เหลือคือความเสียใจจากบุหรี่ เหนือเครื่องเสียงไปหน่อย ไฟฟลูออเรสเซนต์แถวนั้นส่งเสียงซ่าแบบคนประชดชีวิต

    พี่ต้นขึ้นเวทีไปแล้ว กำลังปรับอะไรบางอย่างที่ไม่ยอมถูกปรับ ฝ้ายเอนตัวไปที่คีย์บอร์ด หลับตาเหมือนกำลังสวดมนต์ให้เทพเจ้าแห่งคอร์ดที่ไม่มีตัวตน บอลดูเหมือนกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อล้างแค้นใครสักคน

    “เฮ้ย!! วงมึงจะเล่น Oasis มั้ยวะ!” 

    เสียงจากผู้ชายในเสื้อทีมรักบี้ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะไปไฮไฟว์กับเพื่อนที่ดูเหมือนรับข้อมูลจากสติกเกอร์ห้องน้ำมากกว่าวันหนังสือพิมพ์

    ฉันสไลด์ตัวไปนั่งในบูธด้านหลัง ไม่ใช่เพราะอยากหลบ แค่อยากฟังโดยไม่ต้องเสี่ยงเข้าใจอะไรให้ใครเห็น

    ด้านซ้ายมีกลุ่มสาวในเสื้อเกาะอกสีดำนั่งอออยู่ใกล้โต๊ะพูล คนหนึ่งชี้ไปที่เวทีแล้วกระซิบว่า “ถ้าแฟนเก่าฉันแต่งเพลงให้แบบนี้นะ… ฉันจะยอมยืนรอเลยอ่ะ” 

    อีกคนพยักหน้า  “ฉันไม่อยากเป็นเจ้าหญิงนะ แต่ถ้าได้เจ้าชายชวนขึ้นเวทีก็ไม่เลว” 

    พวกเธอกระดกแก้วชนกัน เหมือนทุกครั้งที่ใจสลายต้องมีเพลงธีมประจำ

    ฉันไม่ได้สั่งเครื่องดื่ม ไม่ได้จดอะไร ไม่ได้พยายามรู้สึกอะไรด้วย

    แต่พอไฟในร้านหรี่ลง มันไม่ช่วยให้โรแมนติกขึ้นเท่าไร แค่ทำให้ผิวของคุณดูเหมือนยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะสว่างหรือหม่น

    บอลก็เคาะไม้กลองแบบตั้งใจจริง

    แล้วบางอย่างก็เริ่มต้นขึ้น

    ไม่ใช่ดนตรี  ไม่ใช่ความทรงจำ  แค่จังหวะไม่สบายใจของความฝันที่ฉันไม่กล้าร้องออกมา 

    ตอนนี้มันสวมสปอร์ตไลต์ของคนอื่น พร้อมแล้วจะถูกเข้าใจผิดโดยทุกคน ยกเว้นมือกลองคนเดียว

    Sponsored Ads

    ———————

    เพลงที่ไม่ได้ร้องให้เธอฟัง

    คอร์ดแรกกระแทกเข้ามาเหมือนคำขอโทษของคนเมา ดัง ดิบ และช้าไปสองจังหวะ

    พี่ต้นเริ่มก่อน 

    🎶 “ฉันก็รักเธอมาตั้งนานแล้ว และก็รักเธอมากจนล้นใจ
    เธอทำไมไยเธอไม่เคยแล ไม่เคยมอง”
    🎶

    เสียงของเขาไม่ได้เพอร์เฟกต์  มันมีรอยร้าว ไม่ใช่แบบที่สตูดิโอแต่ง แต่มันเหมือนรอยร้าวที่เหลืออยู่ตรงขอบแก้วกาแฟหลังเลิกกัน

    แล้วฝ้ายก็เข้ามา ไม่ใช่เพื่อประสานเสียง แต่เพื่อเป็นเงาตามหลอน พวกเขาร้องเหมือนกำลังเลิกกันบนเวที ต่อหน้าคนดูที่ตัดสินใจเลือกข้างไปเรียบร้อยแล้ว

    🎶 “เพราะเธอรักก็เพียงแค่แต่เขา เราก็ต้องทำความเข้าใจเอา
    เพราะรักฉันนั้นไม่ใช่รักเรา เธอรักเขา”
    🎶

    บอลรักษาจังหวะเหมือนคนที่อยากชกคำว่า “รัก” ให้แตก

    ผู้ชมกลับเงียบผิดคาด 

    โต๊ะเด็กนักศึกษามองขึ้นเวทีเหมือนกำลังดูพ่อแม่ทะเลาะกันในห้องคาราโอเกะ 

    ชายคนหนึ่งข้างบาร์กระซิบว่า 

    “เพลงนี้ไม่เคยติดชาร์ตเลย แต่แม่งเหมือนอยู่ในใจเราตอนปีสี่ว่ะ…” 

    เพื่อนพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    พอถึงท่อน ทั้งสองร้องประสานกัน

    🎶 “โอ้ ใจเอ๋ยทำไมรักใครช่างง่ายดาย ใจง่ายเกินไปไหมเธอ
    โอ้ ใจเอ๋ย โอ้ ใจเอ๋ย”
    🎶

    มีคนหน้าเวทีเฮขึ้นมาดังเกินเหตุ แล้วรีบแกล้งทำเป็นจามกลบเกลื่อน

    เมื่อเพลงจบ 

    ไม่มีเอาต์โทรอันสวยหรู  แค่ความดิบที่ทิ้งไว้กลางห้อง

    จากนั้นเมื่อไม่มีพื้นที่ให้หายใจ เพลงถัดมาก็คืบคลานเข้ามา เสียงจากคีย์บอร์ดของฝ้ายสว่างขึ้นเหมือนเทพนิยายพิษ 

    พี่ต้นปรับไมค์ 

    บอลหมุนคอ

    🎶 ราตรีมันร้อนมันรน ด้วยคนและเสียงเพลง… 🎶

    เขาร้องเหมือนกำลังท่องประโยคที่ตัวเองไม่เชื่อ แต่ก็อยากจะเชื่อ

    ฝ้ายร้องประสาน

    🎶 ระวังจะเบลอ จะเผลอ 🎶

    แล้วก็มาถึงท่อนแร็ป

    บอลเอนตัวมาข้างหน้า ยิ้มกว้างแบบพร้อมลั่น แล้วลุยใส่

    🎶 Girls in the club like there’s no girl Wanna thrive in the crowd for the punk freak… 🎶

    ทั้งคลับกระพริบตาพร้อมกัน ครึ่งหนึ่งฟังไม่ทัน

    🎶 “…Boy, you mean it? Hey, boy—it’s time to sell yourself You’re proud to fake it, be the great boy 🎶

    อีกครึ่งแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ

    🎶 ดื่มด่ำแอลกอฮอล์ใสบาง ร่องลอยไปช้าๆ กับค่ำคืนที่มันหลอนตา หวังจะเจอรักแท้ 🎶

    พี่ต้นดึงกลับมาด้วยเสียงที่เนียนเหมือนเครื่องดื่มที่สั่งมาด้วยความเสียใจ แต่ก็ยังยกหมดแก้ว

    พอถึงท่อน 

    🎶 เจ้าชายในฝันจะฟันเธอเล่น 🎶

    กลุ่มสาว ๆ นักศึกษาตรงโต๊ะพูลหยุดขำ หนึ่งในนั้นเอาแต่มองเงาตัวเองในลูก 8

    ไม่มีใครปรบมือในทันที  จนกระทั่งเสียงเฮจากมุมหนึ่งดังขึ้น  อาจเพราะรู้สึกผิด อาจเพราะแดกดัน  หรืออาจจะทั้งสองอย่าง

    ฉันไม่ขยับ แค่มองดูพี่ต้นขยับสายกีตาร์ออกอย่างกับกำลังปลดชนวนระเบิดที่ตัวเองเป็นคนวาง

    เวทีมืดลง  แล้วไฟเหนือบาร์ก็สั่นไหว เหมือนเพิ่งได้ยินบางอย่างที่ยังไม่พร้อมจะเข้าใจ

    Sponsored Ads

    ———————

    ไม่ใช่ฝันแบบนี้

    ผู้หญิงในชุดเปิดไหล่หยุดจิบกลางคัน

    เพื่อนของเธอยังหัวเราะอยู่ มือข้างหนึ่วถือโทรศัพท์ชี้ไปทางเวที ภาพเบลอด้วยจำนวนแก้วที่มากเกินกว่าความชัดเจน แต่ตอนนี้เธอ… เธอหยุดแล้ว ดวงตาหรี่ลงทันทีที่ท่อนสุดท้ายเล่นจบ

    🎶 เจ้าชายในฝันจะฟันเธอเล่น 🎶

    ประโยคนั้นกระทบอยู่ตรงระหว่างหูและอัตตา

    เธอเอียงคอ เหมือนกำลังประมวลว่าไอ้ท่อนนั้น มัน *พูดถึง* เธอ หรือ *แขวะ* เธอ

    “เพลงนี้มันด่าเราอยู่ป่ะวะ?” เพื่อนคนหนึ่งถามพร้อมหัวเราะฟึด

    “ช่างแม่ง แต่มันก็มันดี” อีกคนไหลตาม แล้วชูแก้ว

    แต่เธอไม่ยกแก้วตาม สายตาเธอล่องลอยไปทางโต๊ะมืด ๆ ด้านหลัง ที่ซึ่งมีผู้ชายคนนึงนั่งอยู่เงียบ ๆ มือกอดสมุดโน้ตแน่นเหมือนมันมีความลับที่ยังไม่อยากให้หลุด 

    ไม่ได้ดูเหมือนแฟนคลับ ไม่ได้ดูเหมือนใครเลย ยกเว้นตรงที่เขา ไม่สะดุ้ง ตอนท่อนนั้นดังขึ้น

    เธอจำวิชาเลือกตอนปีสองได้  ชื่อว่า “ท่าทีทางอารมณ์ผ่านศิลปะการแสดง” ตำราเขียนไว้ว่า บทเพลงสะท้อนรอยร้าวของสังคม เธอได้ A ตอนกลางภาค เพราะอ้างอริสโตเติล  แล้วก็โดนแฟนบอกเลิกเพราะ “วิเคราะห์เกินเหตุ”

    เธอไม่ได้โทษเพลง เธอโทษเมือง ที่เปลี่ยนทุกเนื้อเพลงให้กลายเป็นแบบฝึกหัด

    🎶 กลายเป็นเจ้าหญิงเมามายความรักในงานเลี้ยง
     เดินไปตามเสียงหัวใจของเธอ…
    🎶

    คอรัสถัดไปลอยมา  เธอถอนหายใจเบา ๆ ราวกับมันไม่ใช่เรื่องของเธออีกแล้ว

    บางทีเพลงก็ไม่ผิด  บางทีบาร์แบบนี้ก็เต็มไปด้วยคนฝันที่รอให้เจ็บ 

    บางทีต้องมีใครสักคนเขียนมันออกมา เพื่อให้มันเจ็บพอจะจำ

    เธอยกแก้วขึ้น ดื่มหมดในอึกเดียว

    “ขอเบียร์อีกขวด — เอาแบบที่ไม่พูดมาก”

    แล้วก็หัวเราะ ดังพอให้เพื่อนถามว่า “ขำอะไร” 

    แต่เธอไม่ตอบ

    เธอกำลังยุ่งอยู่กับการสงสัยว่า ทำไมเพลงที่ไม่ใช่ของเธอ ถึงรู้จักเธอดีเกินไป

    บนเวที พี่ต้นยืนอยู่ใต้ไฟสีแดงสลัวจากด้านหลัง เขาไม่ได้ยิ้ม บอลหมุนไม้กลองในมือเหมือนเพิ่งแพ้ศึกกับเนื้อเพลงของตัวเอง ฝ้ายกดคีย์แรงเกินกว่าที่ซาวด์แมนจะพอใจ 

    และคอรัสก็กลับมาอีกครั้ง — ไม่ดังขึ้น 

    แต่หนักกว่าเดิม

    🎶 “…เจ้าชายในฝันในที่อย่างนี้จะมีเหรอ ระวังจะเผลอกลายเป็นของเล่น… 🎶

    ไม่มีใครปรบมือ แต่ก็ไม่มีใครละสายตา

    Sponsored Ads

    ———————

    รสที่ค้างอยู่ในคอ

    หลังเวทีของ Midnight Jam มืดมัว มีแสงจากหลอดไฟเพดานกระพริบ ๆ กับแสงจอมือถือฝาพับแบตจะหมดของใครสักคน

    ต้นถอนหายใจยาวเหมือนเพิ่งยกเวทที่ชื่อว่าเพลงจบ เพลงที่ไม่ใช่แค่กระแทกใส่คนดู แต่ยังหลงเหลือรสอยู่ในลำคอ

    บอลฟุบตัวพาดแอมป์ “มึงเอ๊ย… เพลงแม่งแรงฉิบหาย”

    ฝ้ายดีดคีย์เหนียว ๆ บนคีย์บอร์ด Yamaha รุ่นที่เสียงเหมือนมาจากเกมแฟมิคอม แล้วหัวเราะ “ไอ้กรณ์ แม่งแต่งเนื้อแบบนี้ได้ยังไงวะ เคยโดนฟันเล่นเหรอ?”

    กรณ์นั่งอยู่บนพื้น เหยียดขาแบบเจ้าของแรงโน้มถ่วง กินเฟรนช์ฟรายส์เหมือนไม่ใช่ต้นเหตุของการก่อจลาจลทางอารมณ์ 

    “ผมก็แค่เขียนสิ่งที่คนเคยโดน แต่พูดไม่ได้”

    เอกม้วนสายเคเบิลเหมือนนักมายากลที่ไม่พอใจกับกลทาง 

    “แม่งเนียนดีนะ ตอนซ้อมกูยังไม่รู้ว่าท่อน ‘จะฟันเธอเล่น’ จะกระชากอารมณ์ขนาดไหน”

    แดงพยักหน้าตามปกติ หนึ่งกระพริบตา กับนิ้วโป้งแตะบนกล่องสแนร์

    ต้นพยักหน้า “กูว่าเพลงนี้แม่งแรงแบบ… คนดูแม่งแทบไม่รู้จะโยกหรือจะยืนฟ้อง”

    บอลหัวเราะ “หรือจะกดมือถือเล่นงู… ไอ้โต๊ะหน้าสุดกดอยู่ตอนท่อนฮุคเลยนะมึง”

    ฝ้ายขมวดคิ้ว “เออ ใช่ เหมือนกำลังจะแพ้ Snake level 9 มากกว่าฟังเพลง”

    เอกไหล่ตก “เขาคงหาสัญญาณ Wi-Fi ใจตัวเองไม่เจอ”

    ต้นยกขวดน้ำอุ่นขึ้นดื่มแล้วยิ้มบาง ๆ “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเรารอดมาได้ยังไงจากการเล่นเพลงแบบไม่เซฟ”

    “ก่อนหน้านี้คือวงที่ไม่ทำใครเจ็บ” บอลพูด

    ฝ้ายตอบกลับ “ตอนนี้คือวงที่ร้องท่อนคีย์ G# แล้วแทงอารมณ์คนไปด้วยอะ”

    กรณ์ฟังเฉย ๆ ไม่เถียง นั่นแหละคือการเถียงของเขา

    ต้นหันมามอง “มึงโอเคใช่ไหม ถ้าจะเอา ‘ดึงดัน’ กับ ‘เจ้าชายในฝัน’ ไปเสนอทำซิงเกิ้ลสามกับพึ่งใจ?”

     “โอเคครับพี่ ไม่มีปัญหาเลย” กรณ์ตอบ

    “ดี” ต้นยิ้ม “เพราะมึงต้องไปคุยเรื่องลิขสิทธิ์กับคุณโอเอง กูไม่ยุ่งนะเว้ย เดี๋ยวเสีย”

    บอลชี้หน้า “ถ้าคุณโอให้เกินหนึ่งจุดสองห้า กูจะเอาชุดพนักงานพึ่งใจมิวสิคมาใส่แสดงความยินดี”

    ฝ้าย “อย่าลืมถ่ายสติกเกอร์บนซองให้ดูด้วยนะ เผื่อมี ‘รางวัลปลอบใจนักแต่ง’ แนบมา  พวกแบบ ‘ขอบคุณที่ยังอยู่กับระบบนี้’ อะไรเทือกนั้น”

    ทุกคนหัวเราะ แม้แต่แดงก็มีเสียงด้วย

    แล้วทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง

    ต้นเช็ดมือลวก ๆ กับผ้าเช็ดสายกีตาร์กลิ่นสารเคลือบ 

    “เออ… เพลงพวกนี้มันไม่ใช่แค่เพลง มันเหมือนเราส่งอะไรบางอย่างไปในที่ที่ไม่อยากได้ยินมัน”

    กรณ์ไม่ตอบ เขาพับสมุดโน้ต หยุดมองมันครู่หนึ่ง แล้วเก็บลงกระเป๋า แต่เขาไม่ลุก

    “ผมขออยู่ฟังอีกสักแป๊บ” เขาพึมพำ

    ต้นเลิกคิ้ว “อย่ามานั่งเศร้า เดี๋ยวมัน loop กลับมาเองนะโว้ย”

    เสียงในหูยังดังอยู่ แม้ห้องจะเงียบ มันไม่ใช่เสียงกลอง ไม่ใช่เสียงฮุก แต่เป็นเสียงคำถามที่ไม่มีใครตอบ เสียงที่เขียนขึ้นเพราะไม่มีใครพูด

    กรณ์ยังนั่งนิ่ง ฝุ่นเบา ๆ จากรองเท้าบูตของเอกลอยขึ้นตอนที่เขาขยับผ่าน แสงไฟบนเวทีดับไปแล้ว เหลือแต่เสียงไฟฟ้าซ่า ๆ ที่เหมือนไม่ยอมจบ และเขารู้ดี บางท่อน ไม่ควรถูกร้องซ้ำ แต่ควรถูกหลอกให้ฟังใหม่อีกครั้ง โดยไม่รู้ตัว

    “เฮ้ย มึงแน่ใจใช่ไหม ว่าอยากให้เพลงนี้ออกไป?”

    กรณ์มองเวทีที่ว่างเปล่า 

    “แน่ใจครับพี่” เขาพูด 

    “เพราะเพลงนี้… ไม่ได้เขียนจากรัก มันเขียนจากคนที่กลัวว่าจะไม่มีวันได้รักเลยต่างหาก”

    และหลังจากนั้น  ทั้งวงก็ปล่อยให้ความเงียบปิดเซ็ต

    Sponsored Ads

    0 Comments

    Heads up! Your comment will be invisible to other guests and subscribers (except for replies), including you after a grace period.

    Note