099-เซ็นที ราคาเด้ง
by S.J. Raventideโมเด็มร้องอย่างกับหุ่นยนต์ใกล้ตาย ก่อนจะจับสัญญาณได้ 56k อินเทอร์เน็ตแบบที่ให้ความรู้แจ้งแก่คุณก่อนจะให้ความเร็ว
ฉันเอนหลัง จิบกาแฟที่รสเหมือนความเสียใจ แล้วรอ
Sponsored Ads
กล่องข้อความกระพริบ
หัวข้อจดหมาย: “แจ้งผลการพิจารณาเรื่องสั้น – ก่อกองทราย“
ฉันไม่ได้ยิ้ม แต่มือก็คลึงเมาส์ไว้หลวม ๆ มันจะมีค่าตอบแทน ไม่พอจ่ายค่าเช่า แต่พอเป็นหลักฐานว่ายังหายใจอยู่
“เรียน คุณตะวันหลงทาง,
กองบรรณาธิการ วารสารเสียงระหว่างซอย ขอแจ้งให้ทราบว่าเรื่องสั้นของท่าน
“ก่อกองทราย” ได้รับคัดเลือกลงตีพิมพ์ประจำเดือนมิถุนายน 2544
ทางกองฯ จะโอนค่าตอบแทน: 1,000 บาท ภายใน 7 วันทำการ
ขอแสดงความยินดีมา ณ โอกาสนี้
ด้วยความเคารพ
กองบรรณาธิการ วารสารเสียงระหว่างซอย”
ฉันคลิกเข้าเว็บบอร์ด ผ่านไปครึ่งทางของกระทู้ที่ถกเรื่องการหลอกลวงลิขสิทธิ์ แล้วการเชื่อมต่อก็ขาดหาย
“…Connection Terminated.”
“อันที่จริงแล้ว โน้ตบุคเราอาจจะทนเสียงโมเด็มไม่ไหวแล้วก็ได้มั้ง”
ฉันรื้อกล่อง ควานหาบัตรเน็ตใบสุดท้ายออกมา แล้วพิมพ์รหัสเข้าไป เหมือนสวดบทภาวนาต่อเทพเจ้าแห่งความล่าช้า หน้าจอขึ้นข้อความว่า
“หมดอายุเมื่อ 31 มี.ค. 2544 — สปีดเสถียร ทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ ขอบคุณที่ระบบของเรา”
ฉันกะพริบตา ฉันพยายามอีกครั้ง พิมพ์รหัสช้า ๆ เผื่อระบบจะเห็นใจ แต่หน้าจอยังยืนยันสถานะ “เลยวันใช้งาน” อย่างสุภาพ
“แบบนี้ยังไม่ถือว่าหมดหวังใช่ไหม” ฉันบ่นกับแมว
ลาเต้หาวหนึ่งที แล้วสะบัดหางใส่สายโทรศัพท์
อืม… ไม่เป็นไร ยังเหลือหวังหนึ่งอย่าง: ข้างล่างร้านถ่ายเอกสารน่าจะยังขายบัตรเน็ตอยู่ หรืออย่างน้อยก็ขายแสตมป์กับถ่านไฟฉาย
ฉันเดินไปชั้นล่างในชุดบ็อกเซอร์กับเสื้อยืดร้านมือสอง แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของลาเต้ที่ตามมาติด ๆ เหมือนวิญญาณแห่งการตัดสิน
ระหว่างทางกลับจากมินิมาร์ท ฉันสังเกตเห็นกระดาษใหม่ติดอยู่ที่กระดานข่าวชั้นล่าง มีกระดาษ A4 สีขาวกระพืออยู่ใต้พัดลมเพดาน ราวกับพยายามส่งสัญญาณบางอย่าง ก่อนจะถูกลมพัดปัดความสนใจ
“แจ้งเปลี่ยนแปลงค่าเช่า: เริ่ม 1 ก.ค. 2544 ห้องพักชั้นบน ปรับเป็น 5,500 บาท/เดือน”
ห้าพันห้าร้อยบาท
ไม่ถึงกับรีดเลือด แต่ก็ไม่ใช่ความเมตตา ลาเต้เดินมาถูข้อเท้าเหมือนมันรู้เรื่องนี้ตั้งแต่วันที่เรแกนจับมือแล้ว
ฉันกลับขึ้นห้อง เช็ดคราบไอน้ำบนโต๊ะออก เปิดเบราว์เซอร์ใหม่ ฉันขูดรหัสออกเหมือนขูดคำทำนายจากระบบที่ไม่เคยให้พร กรอกตัวเลขสิบหกหลักอย่างช้า ๆ ระวังอย่าให้พลาด เพราะครั้งก่อนพิมพ์ผิดไปตัวเดียว ระบบล็อกฉันออกเหมือนเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์
สุดท้ายต่อได้ แต่ช้าขนาดที่ลาเต้เดินจากกล่องไปถาดข้าวกลับมานอนอีกรอบ เว็บยังไม่โหลด
ฉันอ่านข้อความในฟอรั่มต่อว่า “ถ้าเราไม่จดลิขสิทธิ์เอง คนอื่นอาจเอาไปจดแทน แล้วเราจะทำอะไรไม่ได้” มันไม่ใช่แค่เรื่องลิขสิทธิ์หรอก มันคือทุกอย่างในเมืองนี้ ที่ถ้าไม่รีบจับจองไว้ ก็อาจไม่มีที่ให้ยืนด้วยซ้ำ
ลาเต้เดินไปที่หน้าต่าง กระโดดขึ้นไปนั่งแล้วโวยวายใส่สายไฟที่ล้มอยู่ข้างนอก ฉันพิมพ์คำว่า “โกงลิขสิทธิ์ + ฟ้องกลับได้ไหม” ยังไม่ทันจบ ก็เหลือบไปเห็นพัดลมเพดานที่สั่นเหมือนจะหลุด มันสั่นแบบที่สั่นมาสามเดือนแล้ว
เอาวะ… ลองหาห้องที่ไม่มีสิ่งของใด ๆ ขู่ว่าจะฆ่าฉันเวลากลางคืน ฉันเปิดแท็บใหม่ ลองหาห้องที่อย่างน้อยไม่ต้องขู่ว่าจะพังทุกครั้งที่ฉันถอนหายใจ โพสต์ส่วนใหญ่เป็นมิจฉาชีพ หรือวัดที่ปลอมตัวเป็น co-working แล้วก็เจออันหนึ่ง ชื่อกระทู้ที่ผสมระหว่างความสิ้นหวังกับความหวังแบบพอดี ๆ
หัวข้อกระทู้: “[ให้เช่า] ตึกแถว 2 ชั้น สุขุมวิท 77 (ใกล้คลองหลังวัด) – เหมาะทำงานศิลปะ/ออฟฟิศขนาดเล็ก เพดานสูง ดาดฟ้าโล่ง เห็นฟ้าเต็ม ๆ”
ฉันไม่รู้ว่าอะไรทำให้คลิกเข้าไป อาจเพราะคำว่า “ศิลปะ/ออฟฟิศขนาดเล็ก” หรืออาจเพราะคำว่า “เพดานสูง” ซึ่งฟังดูเหมือนความฝันของคนเคยอยู่ห้องแคบที่มีรอยน้ำหยดบนฝ้าเพดาน หรืออาจเพราะคำว่า “ดาดฟ้า” ที่เหมือนสัญญาว่าจะมีที่ให้ลาเต้นอนเฝ้าฟ้าได้โดยไม่ต้องขึ้นเฟรมใครหรืออาจเพราะโพสต์อื่นก่อนหน้านั้นเสนอห้องที่อยู่บนโรงจำนำ เหมือนมันรู้จักฉัน หรืออย่างน้อยก็รู้จักเวอร์ชันของฉันที่ยังอยากลองอีกสักรอบ
ลาเต้กระโดดขึ้นโต๊ะ ทำถ้วยกาแฟล้ม หางโค้งเป็นเครื่องหมายคำถาม อนุญาตให้ดำเนินการ
Sponsored Ads
———————
ฝันราคา 8,500
ฉันมีอีเมลค้างในกล่องอยู่ 23 ฉบับ และไม่มีอีเมลใดที่มาจากเจ้าของบ้านเลย แปลว่า ฉันยังพอแกล้งทำเป็น “เลือกที่จะย้าย” ไม่ใช่ “ถูกขึ้นราคาไล่” ได้อีกสักพัก
ลาเต้ย้ายตัวเองขึ้นไปนอนบนหลังตู้เย็น ไม่ได้อยู่เป็นเฟอร์นิเจอร์ แต่อยู่เป็นกล้องวงจรปิด ทุกครั้งที่ฉันคลิกกลับไปดูโพสต์ตึกแถว เขาจะกระพริบตาช้า ๆ หนึ่งที เหมือนกำลังคำนวณความคุ้มค่าต่อตารางเมตรของความเสียดาย
“ก็พออยู่ได้มั้ง” ฉันพึมพำ “ไม่หรู แต่เงียบกว่าข้างห้องตอนตีสาม”
เขาไม่ขยับ แค่กระดิกหางให้วางเป็นลูกน้ำต่อท้ายคำพิพากษา
ฉันหยิบสมุดมาจดเบอร์: 01-886-XXXX (คุณแหม่ม) แล้วก็มองตัวเลขในกระทู้อีกที ฿8,500 ต่อเดือน
ถ้ามันเป็นของจริง แปลได้สองแบบ
1) โลกยังตามราคาเช่าของสุขุมวิทไม่ทัน
2) หรือฉันกำลังโดนหลอกจากคนชื่อ mam_46 ที่อัปกระทู้นี้จากคอมที่ยังใช้ Windows 95 อยู่
“…มีแมว จะพิจารณาเป็นพิเศษ…”
ฉันเงยหน้าขี้นมอง เขายังอยู่บนตู้เย็น หลับตาไปครึ่งนึง ไม่แม้แต่จะสะดุ้งตอนฉันพูดคำว่า “แมว” ไม่สนด้วยซ้ำ หรือบางทีเขาอาจรู้เรื่องราคาค่าเช่าที่ขึ้นก่อนฉัน หรือแค่เขาไม่ยอมเดินไปไหนก่อนพระอาทิตย์ตก
ซอยข้างล่างเปลี่ยนไปแค่เรื่องกลิ่น ควันไอเสียมากขึ้น หมูปิ้งน้อยลง มอเตอร์ไซค์จอดแน่นเหมือนเกมโดมิโน โปสเตอร์เก่าหลุดลุ่ย เหลือแต่ป้ายร้านเน็ตที่ปิดไปตั้งแต่สามเดือนก่อน
โชเฟอร์ตุ๊กตุ๊กฝั่งตรงข้ามเงยจากขวดกระทิงดองเย็น ๆ ของเขา
“หาตึกแถวเหรอ?”
“เปล่าครับ…” ฉันตอบ แล้วเหลือบไปทางรถไฟฟ้า “แต่ถ้าผมจะเป็นศิลปินไม่สำเร็จที่มีแมวหนึ่งตัว ก็คงอยู่แถวนี้แหละ”
เขาหัวเราะ “คนเช่าก่อนก็ศิลปินเหมือนกัน… หนีค่าไฟไปเมื่อเดือนก่อน”
“อืม… ผมก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่”
ใช้เวลาเจ็ดนาทีถึงเจอตึก ซอยนี้ไม่มีชื่อ มีแต่บรรยากาศ ฝุ่น เสียงสะท้อน และความฝันที่ยังไม่ได้จ่ายตังค์ สายไฟระโยงระยางเหมือนคนพยายามวาดแผนที่ความสิ้นหวังลอยอยู่ในอากาศ
ตึกนั้นไม่ได้ตะโกนว่า “ที่นี้คือ ศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์” แต่มันคงแค่พึมพำว่า “ซ่อมทีวีจอแก้วมาแล้วสามรุ่น”
ยังมีสติ๊กเกอร์ AIWA ซีด ๆ แปะอยู่ครึ่งหนึ่งตรงบานเลื่อน ลอกไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งดูเหมือนจะภูมิใจอยู่เงียบ ๆ
ฉันแอบมองเข้าไป ฝุ่น เสียงสะท้อน พื้นที่ว่าง
พื้นที่ว่างเยอะมาก
แบบที่คุณสามารถทำให้รกแล้วค่อยจัดใหม่ได้ แบบที่คุณสามารถใช้ผ้าห่มเก่าเก็บเสียงได้ พร้อมกับความฝันสักก้อน
ตรงประตูมีใบประกาศแบบเดียวกับในเว็บ ถูกเคลือบพลาสติกแล้วแปะอย่างลวก ๆ ด้วยเทปใสกับความชื้น เบอร์โทรบนป้ายไหวตามลม เหมือนจะหลุดออกจากมุมกระจกเก่า ๆ ที่สะท้อนเงาตัวเองในปี 1997
ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมา
มีสัญญาณสองขีด EDGE ถ้าโชคดี อาจมี missed call จากวันอังคารก่อน
ADSL? พอเป็นไปได้ ถ้าสายยังไม่ขาด และเจ้าของบ้านยังไม่ได้เปลี่ยนมันไปใช้กับแฟกซ์
“…ไว้ก่อนก็ได้มั้ง”
เสียงของฉันสะท้อนกับบันได ไม่มีใครทักท้วง
ที่ไกลออกไป ในห้องเช่าที่เย็นด้วยพัดลมติดหน้าต่าง และเทพเจ้าแมวองค์หนึ่งที่บังคับทุกจังหวะชีวิต ลาเต้อาจจาม หรืออาจแค่กลิ้งตัว
แต่เขาจะโผล่มา ตอนที่เรื่องมันเริ่มสำคัญ
Sponsored Ads
———————
ตึกใหม่ กลิ่นเก่า
เสียงโทรศัพท์ดังสองครั้ง
แล้วก็มีเสียงระบบอัตโนมัติแทรกขึ้นมา
“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียก—”
คลิก มีคนรับสาย
“สวัสดีค่ะ… แหม่มคะ?”
เสียงดูใจดีแบบคนที่เคยเปิดร้านดอกไม้ แล้วเจ๊งเพราะเศรษฐกิจ ฟังเหมือนมีหมาแก่หนึ่งตัวนอนอยู่ข้างสายด้วย
“เอ่อ ผมชื่อกรณ์ครับ โทรมาสอบถามเรื่องตึกที่ลงประกาศไว้ สุขุมวิท 77 แยก 15 ใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ ยังว่างอยู่นะคะ สนใจดูเลยไหม? วันนี้พี่อยู่แถวนั้นพอดี”
แน่นอนว่าอยู่แถวนั้น
สิบกว่านาทีต่อมา ฉันก็ยืนอยู่หน้าตึกอีกครั้ง คราวนี้พร้อมปากกา กับความตั้งใจ
“ตรงนี้ค่ะ เมื่อก่อนเปิดร้านซ่อมวิทยุ ทีวี พวกนี้—”
คุณแหม่มไขลูกกุญแจเหมือนกำลังปลดผนึกยุคก่อนฟองสบู่แตก
“…ตั้งแต่ปีสี่สองนู่นแน่ะ หลัง ๆ ไม่มีใครอยู่เลย แต่โครงสร้างยังดีนะคะ เพดานสูง โปร่งสบาย คนทำงานศิลปะชอบ เพราะไม่อึดอัด”
เธอชะโงกหน้าขึ้นไปบนชั้นสอง “แล้วก็มีดาดฟ้านะคะ เผื่อเลี้ยงแมวที่ชอบมองดาว หรือมนุษย์ที่ยังไม่เลิกหวัง”
ฉันก้าวเข้าไป
ไม่ได้กลิ่นผีอะไรทั้งนั้น มีแต่กลิ่นฝุ่น ไม้อัด แล้วก็เงาจาง ๆ ของน้ำยาถูพื้นกลิ่นเลมอน ที่เหมือนพยายามจะกลบร่องรอยอดีตมากกว่ากลิ่นสกปรก
“พื้นนี่เพิ่งเปลี่ยนนะคะ แต่อย่าเดินตรงนั้น ยังโปะปูนไม่แห้ง”
ฉันเดินอ้อมตรงจุดต้องห้าม เหมือนเดินหลบกับระเบิดในลานรถมือสอง
“มีหมาเดินผ่านเมื่อวาน เลยต้องโปะใหม่… ยังเห็นรอยอยู่เลยเนี่ย เห็นไหม เหมือนมันเซ็นชื่อทิ้งไว้”
เธอชี้ไปที่รอยเท้าเบี้ยว ๆ ข้างเสา
“…แต่พี่ไม่ได้คิดค่าเช่าเพิ่มหรอกนะคะ ฮะ ๆ ๆ”
บันไดไม้ส่งเสียงเอี๊ยดเบา ๆ เหมือนถามว่า แน่ใจนะ? หรือยังจะถอยกลับไปเช่าห้องเดิมที่ประตูล็อกเองตอนดึกอีก?
ชั้นสองเรียบง่ายมาก หน้าต่างหนึ่งบาน ประตูหนึ่งบาน ความฝันหนึ่งก้อน พื้นไม้หยาบ ๆ กับผนังที่ไม่แน่ใจว่าทาเทา หรือมันซีดเอง
ฉันลองเปิดหน้าต่าง มันติดครึ่งทาง ก่อนจะยอมเลื่อนขึ้นเหมือนลุงที่เหนื่อยจากงานวัด วิวตรงหน้า เสาไฟ แอร์เก่า แล้วก็อะไรสักอย่างที่อาจเคยเป็นร้านลาบ
ฉันทำงานที่นี่ได้มั้ง ถ้าไม่รังเกียจเสียงนกพิราบ กับกลิ่นไมโครเวฟจาก 7-Twelve ที่หอมแบบเศรษฐกิจถดถอยตอนเที่ยง
“แล้วน้องเลี้ยงสัตว์ไหมคะ?”
เสียงคุณแหม่มดังมาจากชั้นล่างเหมือนมีเรดาร์
“ครับ… แมวหนึ่งตัวครับ”
เงียบไปครู่หนึ่ง
“…ชื่ออะไรเหรอคะ?”
“…ลาเต้ครับ”
ชื่อแบบนี้ มักจะซื้อความเงียบห้าวินาที และรอยยิ้มเล็ก ๆ ได้เสมอ
“เอ้อ… ชื่อน่ารักดีค่ะ พี่ชอบแมว แต่ห้ามปีนหลังคานะคะ เพื่อนบ้านด่า”
ฉันจดไว้ในใจ เดี๋ยวต้องบอกลาเต้ว่า ห้ามทำหน้าตัดสินใครบนระเบียง
ค่าเช่า 8,500 บาท ราคาของเสรีภาพ ฝุ่น และสายโทรศัพท์ที่ใช้งานที่ยังใช้ได้
“ถ้าน้องสนใจ พี่ขอประกันสองเดือน ล่วงหน้าอีกเดือน รวมสองหมื่นห้าพันห้าร้อยนะคะ”
“ครับ… ขอคิดคืนหนึ่งได้ไหมครับ?”
“แน่นอนค่ะ ตึกไม่หนีไปไหน”
ซึ่งไม่จริงเท่าไหร่ กรุงเทพฯ ขยับมากกว่าตึก โดยเฉพาะตรงที่ไม่ควรขยับ — แต่ฉันก็ขอบคุณความเชื่อมั่นนั้น
ก่อนออกมา ฉันเงยดูสติ๊กเกอร์ AIWA เก่าอีกครั้ง ลอกไปครึ่งหนึ่ง แต่ยังดื้อ
บางที ที่นี่อาจไม่ได้รอให้ใครมาเจอ มันแค่รอคนที่ยอมรับได้ว่า เสียงน้ำหยดกับความฝันล้มเหลวใช้พื้นที่เท่ากันพอดี
ซึ่งฉัน… ก็เหนื่อยเต็มที
Sponsored Ads
———————
ลายเซ็น และลางสังหรณ์
ฉันเดินกลับมาที่ห้องพร้อมใบปลิวพับในกระเป๋า กับเงิน 620 บาทในกระเป๋าสตางค์ ไม่พอจะทำอะไรจริงจังได้หรอก แต่ฉันเคยตัดสินใจที่ใหญ่กว่านี้ ด้วยเงินที่น้อยกว่านี้
ลาเต้ยังนอนอยู่ตรงพรมปลายเตียง กลิ่นแดดยังติดขนเขาอยู่เหมือนเพิ่งไปแอบตากตัวหลังตู้เบรกเกอร์
“ถ้าเช่าตึกนั้น สัญญาแบบปีเดียวมันไม่พอหรอกใช่ไหม?”
เขาเหลือบตามาดู… แล้วหลับต่อเหมือนไม่อยากถูกลากไปประชุม
ฉันเปิดสมุดบันทึก คิดเลขที่ไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ สามเดือนแรก = ฿25,500 บวกค่าซ่อมแซมพื้นฐาน ทำความสะอาด ตั้งค่าน้ำไฟ… ก็น่าจะราว ๆ ฿50,000 หรือเปล่า
“แล้วถ้า… เราขอเช่า 2 ปีเลยล่ะ?”
ลาเต้ไม่ตอบ แต่อาการเหยียดตัวยืดกรงเล็บ เหมือนจะบอกว่า ถ้าจะทุ่ม ก็ตั้งแต่ต้นไปเลยสิ
ฉันโทรหาคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
“สวัสดีค่ะ~ น้องกรณ์ใช่ไหมคะ?”
“ครับพี่แหม่ม… ผมตัดสินใจแล้วครับ อยากขอทำสัญญาระยะยาว สองปีครับ แล้ว… ถ้าในอนาคตอยากซื้อขาดตึกนี้ พี่พอจะพิจารณาได้ไหมครับ?”
“เอ๊ะ… ซื้อขาดเลยเหรอจ๊ะ?”
เสียงเงียบไปแวบนึง
“คือ… ตึกมันเก่านะน้อง ไม่ใช่แฟรนไชส์กาแฟ จะมารีโนเวทแล้วปล่อยเช่าแพง ๆ ได้เหรอ?”
“…ผมแค่คิดเผื่อไว้ครับ”
คิดเผื่อโลกที่มีที่ทางสำหรับคนที่ไม่ได้เกิดมาบนที่ดินของใคร
“โอเคจ้ะ งั้นพี่จะเขียนเป็นเงื่อนไขแนบท้ายก็ได้ ว่า ‘หากมีการขายจริง ให้สิทธิ์น้องพิจารณาก่อน’ นะจ๊ะ แต่ยังไงก็คงอีกนาน ตึกนี้คนไม่ค่อยมอง”
นั่นแหละ จุดประสงค์
ฉันไม่ได้มาซื้อของที่คนอยากได้ ฉันมาเช่าของที่คนลืม
ฉันมองไปที่มุมห้อง ตรงที่ลาเต้เคยนอนตอนเขียนเพลงแรก ไฟโมเด็มกระพริบครั้งนึง แล้วก็ดับไปอีก สายหลุด อีกแล้ว
แต่วันนี้ฉันไม่หงุดหงิดเลย
ลาเต้กลิ้งตัวเปลี่ยนท่านอน
“ถ้าเราเปิดออฟฟิศจริง ๆ…”
เสียงฉันเบากว่าปกติ
“…จะตั้งชื่อว่าอะไรดีล่ะ?”
ลาเต้ไม่ตอบ แต่หางกระดิกหนึ่งจังหวะ
เหมือนจะบอกว่า ไม่ต้องรีบตั้งชื่อหรอก ตั้งให้จำยากไว้ก่อน จะได้ไม่มีใครขโมยได้
ฉันลุกขึ้น เปิดลิ้นชัก หยิบซองแฟ้มที่เคยใช้ใส่เอกสารสมัครงาน (ตอนที่ยังคิดว่าชีวิตต้องเข้าระบบ) แล้วเอากระดาษเปล่าหนึ่งแผ่นออกมา เขียนด้วยลายมือที่เคยใช้เซ็นสัญญาหนี้มากกว่าสัญญาความฝัน
“Draft: HQ for Plan B (ไม่ใช้ไฟฟ้ารัฐ ถ้าเลี่ยงได้)”
ข้างใต้เขียนต่อ
“Resource: แมว 1 ตัว / ความเชื่อ 1 หน่วย / ไม่แนบแผนธุรกิจ เพราะยังไม่มี”
ฉันวางกระดาษไว้ข้างหม้อหุงข้าวพัง ๆ
ลาเต้ขยับตัวเหมือนกำลังจะถามว่า นี่จะเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่เขาไม่ได้รับปรึกษาใช่ไหม
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเปิดประชุมออนไลน์รอบถัดไป” ฉันพึมพำ แล้วโยนปากกาใส่กล่องไมโครเวฟ
แล้วเสียงในห้องหายไปครู่หนึ่ง ก่อนที่สายโทรศัพท์จะกระตุกเบา ๆ ราวกับกำลังหัวเราะช้า ๆ ในภาษาของอุปกรณ์ยุค 90 แผนสำรองไม่ต้องรอไฟเขียวหรอก แค่มันมีปลั๊กเสียบก็พอแล้ว
Sponsored Ads
0 Comments