007-กรณ์กับภารกิจตามหาไมค์ราคาถูก (และทำไมร้านขายของมือสองถึงเป็นฝันร้าย)

เพลงยังแต่งไม่เสร็จ เนื้อร้องมีแล้ว เมโลดี้ลอยอยู่ในหัว อารมณ์ของเพลงก็จับได้แล้ว—แต่ฉันต้องอัดเสียง ก่อนที่ทุกอย่างจะเลือนหายไป มีแค่ปัญหาเดียว… ฉันไม่มีไมโครโฟน

Sponsored Ads

ซึ่งหมายความว่าฉันมีสองทางเลือก:

✔ หาทางซื้อไมค์ให้ได้
✔ ใช้ไมค์ติดเครื่องของ Nokia และยอมรับว่าเพลงของฉันจะฟังดูเหมือนถูกส่งมาจากสนามรบ

และในเมื่อ ตัวเลือกที่สองอาจเป็นการทำร้ายโสตประสาทของทุกคนที่มีหูดี ๆ ฉันเลยต้องเลือก ตัวเลือกแรก

ด้วยเงินที่แทบไม่มี และความหวังที่มีมากเกินไป ฉันเริ่มต้นภารกิจตามหาไมค์ราคาถูกที่สุดในประวัติศาสตร์

———————

ยินดีต้อนรับสู่โลกใต้ดินของร้านขายของมือสอง

“นิวกรุงเทพฯ” มีร้านขายเครื่องดนตรีอยู่สองประเภท:

  1. ร้านแบรนด์หรูราคาโหด ที่พวกนักดนตรีฝั่งบริษัทยอมจ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่เอี่ยม
  2. ร้านมือสองสุดวุ่นวายที่ไร้กฎเกณฑ์—สถานที่ที่ความฝันมาถึงทางตัน และถ้าหาดี ๆ อาจเจอไวโอลินต้องสาปสักตัว

และในเมื่อเงินในกระเป๋าฉันพอ ๆ กับงบค่าขนมของเด็กมัธยม ฉันเหลือตัวเลือกเดียวเท่านั้น

ฉันมุ่งหน้าไปหลังกระทรวงกลาโหมย่านที่ร้านขายของมือสองเบียดกันอยู่ในตรอกเล็ก ๆ เต็มไปด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสอง เฟอร์นิเจอร์เก่า และเสื้อผ้าแนวแปลก ๆ ยุค 90

Sponsored Ads

ร้านที่ฉันเข้าไป มีกลิ่นฝุ่น ความคิดถึง และความทะเยอทะยานที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง วิทยุเก่าจากยุค 80 เปิดเพลงป๊อปอเมริกันจาง ๆ อยู่ในพื้นหลัง

เจ้าของร้านเป็นลุงแก่ ๆ ใส่แว่นขอบลวด นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ อ่านหนังสือพิมพ์ แทบไม่เงยหน้าขึ้นมาดูฉันเลย

ฉันสูดหายใจลึก ๆ ได้เวลาค้นหา หลังจากขุดคุ้ยกองอุปกรณ์ที่ถูกลืมไปแล้ว ฉันก็พบมัน— ไมโครโฟนจิ๋ว สภาพผ่านศึก มาพร้อมแจ็ค 3.5 มม. ไม่ดี ไม่มืออาชีพ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย

ฉันพลิกป้ายราคา—

200 บาท

ฉันเช็กกระเป๋าตังค์ตัวเอง:

✔ เงินสด 60 บาท
✔ ธนบัตรหนึ่งดอลลาร์ที่ยับเยิน
✔ ศักดิ์ศรี (ที่ลดลงเรื่อย ๆ)

มีปัญหาแล้วสิ ฉันเดินไปหาลุงเจ้าของร้าน พยายาม ยิ้มแบบ “นักดนตรีถังแตกที่พยายามเอาตัวรอดในขุมนรกทุนนิยม”

“ลุง ลดราคาให้หน่อยได้ไหมครับ?”

ลุงเลิกคิ้ว “หน้าฉันเหมือนมูลนิธิการกุศลเหรอ?”

“ไม่เลยครับ” ฉันตอบ “แต่ผมมีของแลกเปลี่ยน…”

ฉันค่อย ๆ เลื่อนธนบัตรหนึ่งดอลลาร์ ไปบนเคาน์เตอร์ เหมือนกำลังทำดีลผิดกฎหมาย

ลุงมองมัน จากนั้นมองหน้าฉัน แล้วกลับไปมองที่ธนบัตรอีกที

“เอ็งรู้ใช่ไหมว่านี่มันไม่ใช่ร้านในอเมริกา?”

“รู้ครับ” ฉันตอบ เกาะความหวังสุดท้าย “แต่ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยอะ! แล้วอัตราแลกเปลี่ยนก็ดี—”

“100 บาท” ลุงพูดตัดบท

“ใช่เลย!” ฉันรีบเสริม ทำเหมือนว่านั่นเป็นแผนของฉันตั้งแต่แรก “ซึ่งหมายความว่ารวมกับเงิน 60 บาทของผม… ก็ครบพอดี!”

ลุงถอนหายใจ บีบสันจมูกตัวเอง แล้วบ่นพึมพำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ “เด็กสมัยนี้”

“เออ ๆ เอาไปเถอะ แต่ถ้ามันพังในอาทิตย์หน้า อย่ามาบ่นกับฉันนะ”

ฉันรีบคว้าไมโครโฟนมา ก่อนที่ลุงจะเปลี่ยนใจ แล้วเดินออกจากร้านพร้อม ไมค์ที่ถูกที่สุดในนิวกรุงเทพฯ

ชัยชนะ! 🎤

Sponsored Ads

———————

ลาเต้… โปรดิวเซอร์มือหนึ่ง (ที่ไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด)

พอฉันกลับถึงห้อง ลาเต้ก็นั่งรออยู่แล้ว จ้องฉันอยู่ข้างถ้วยอาหารเปล่า ๆ ด้วยสายตาของ มาเฟียที่กำลังทวงหนี้

ฉันถอนหายใจ “ฉันออกไปแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ”

“เหมียว”

“ฉันเพิ่งให้อาหารนายไปตอนเช้าเองนะ”

ลาเต้กะพริบตาช้า ๆ หางสะบัดเบา ๆ ราวกับจะประท้วงเงียบ ๆ

ฉันถอนหายใจ ยอมติดสินบนมันด้วยอาหารแมวอีกกระป๋อง ซึ่งมันก็ รีบจัดการทันที ก่อนจะกลับไปนอนแผ่แบบเดิม

ขณะที่ฉันเริ่มตั้งสตูดิโอบันทึกเสียงฉบับพัง ๆ:

✔ ไมค์มือสอง เสียบเข้ากับคอมเก่า ๆ
✔ กีตาร์ที่ฉันแทบจะเล่นไม่เป็นแล้ว
✔ เครื่องอัดเสียงเทปคาสเซ็ต ไว้สำรองเผื่อไมค์พัง
✔ แมวที่ไม่มีส่วนช่วยอะไรเลยนอกจากจ้องตัดสิน

มันไม่ใช่อุปกรณ์ในฝัน… แต่ก็ต้องใช้ไปก่อน

Sponsored Ads

———————

อัดเสียงครั้งแรก (และน่าจะครั้งเดียว)

ฉันสูดหายใจลึก ๆ แล้วกด บันทึก เมโลดี้มันลอยอยู่ในหัวฉันแล้ว ฉันเริ่มต้นด้วยการ อัดไลน์กีตาร์เรียบ ๆ วางเป็นพื้นหลังของเพลง จากนั้นก็ตามด้วยเสียงร้อง

ฉันรู้ดีว่าตัวเอง ไม่ใช่นักร้องที่ดี แต่ฉันก็มีวิธี โกงระบบ ได้

แทนที่จะพยายามบีบเสียงให้เป็นสิ่งที่มันไม่ใช่ ฉันปรับให้มันเข้ากับโทนเสียงธรรมชาติของตัวเอง ลด-เพิ่มระดับไมค์ เติมความเพี้ยนเล็ก ๆ ให้มันฟังดู เหมือนเป็นงานอานาล็อกวินเทจมากกว่าฟังดูแย่

มันไม่ใช่การซ่อนข้อบกพร่อง แต่มันคือการทำให้ข้อบกพร่องกลายเป็นเสน่ห์

🎶 “…ที่เคยเปียกฝน เดี๋ยวก็คงแห้งไป แค่กอดฉันไว้..วันนี้ฉันรักเธอ” 🎶

ฉันร้องท่อนสุดท้าย ปล่อยให้โน้ตสุดท้ายจางหายไป แล้วกด หยุดอัด จากนั้น ฉันก็กด เล่นย้อนกลับ เสียงที่ออกมา ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่… มันคือของจริง

มันดิบ มันมีความคิดถึง มันให้ความรู้สึกเหมือนเพลงที่ติดอยู่ในหัวคนหลังจากค่ำคืนอันยาวนาน

ฉันพ่นลมหายใจ จ้องหน้าจอ นี่แหละ… นี่คือเพลงที่ฉันต้องการ และเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่า ฉันได้สร้างอะไรขึ้นมาจริง ๆ

ฉันหันไปหา ลาเต้ ที่นอนดูฉันจากบนเตียง ด้วยสีหน้าที่ไม่มีความประทับใจใด ๆ

“ว่าไง?” ฉันถาม

ลาเต้หาววอดใหญ่ แล้วหันหน้าหนี

“เออ ขอบใจสำหรับกำลังใจนะ”

ถึงแม้ว่า ผู้ช่วยของฉันจะไม่ได้ให้ความร่วมมือเลยสักนิด ฉันก็อด ยิ้มไม่ได้

เพราะนี่เป็นครั้งแรก… ที่ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างที่เป็นของตัวเองในโลกใบนี้

ตอนนี้… คำถามเดียวที่เหลือคือ—

ฉันจะเอาเพลงนี้ไปส่งเข้าประกวดได้อย่างไร?

Sponsored Ads