009-วันดี ๆ หนี้แย่ ๆ และเหตุผลที่เจ้าหนี้นอกระบบไม่เห็นคุณค่าของศิลปะ

วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2543 – วันที่ดี (มั้ง) เพราะเมื่อดูจากประวัติชีวิตล่าสุดของฉันที่เต็มไปด้วยโชคร้ายระดับจักรวาล วันนี้มันดูดีเกินไป

Sponsored Ads

ฉันเพิ่งได้รับ เงินเดือนแรกจาก 7-Twelve หลังจากเผชิญหน้ากับ ผู้จัดการที่ทำหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่ากำลังส่งมอบหลักฐานคดีจารกรรมบริษัท ฉันเดินกลับห้อง รู้สึกแทบจะเหมือนเป็นมนุษย์อีกครั้ง

ที่โต๊ะเล็ก ๆ ในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ของฉัน ฉันฉีกซองเงินเดือนออกและจ้องมองเช็คเงินเดือน:

ธนากร สิริพงษ์ชัย (พนักงาน #08772)

ช่วงจ่ายเงิน: 1–14 พฤษภาคม 2543

✔ ค่าแรงต่อชั่วโมง: ฿180 (ค่าแรงขั้นต่ำ)
✔ ชั่วโมงทำงานรวม: 70 ชั่วโมง (สองสัปดาห์แห่งความทุกข์ทรมานในกะดึก)
✔ เงินเดือนก่อนหักภาษี: ฿12,600
✔ ภาษีและประกันสังคม: ฿1,260
✔ เงินเดือนสุทธิ: ฿11,340

ฉัน ถอนหายใจ มองตัวเลข มันไม่ใช่เงินก้อนโต แต่เมื่อเทียบกับช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่ฉันต้อง คุ้ยกระเป๋าหาเศษเหรียญ วันนี้ แทบจะเหมือนถูกลอตเตอรี่

จนกระทั่งฉันนึกถึงความจริงที่โคตรไม่สะดวกใจข้อหนึ่ง— ฉันติดหนี้เจ้าหนี้นอกระบบอยู่ 300,000 บาท ยอดหนี้ทั้งหมด: ฿300,000 ดอกเบี้ยเริ่มที่: 5% ต่อเดือน (เพราะแน่นอนว่ามันเป็นแบบนั้น ทำไมจะต้องปล้นธนาคารในเมื่อคุณสามารถใช้ดอกเบี้ยเป็นอาวุธได้?)

หลังจากจัดเรียงเงินเป็นกอง ๆ ฉันจัดสรรงบประมาณของตัวเอง:

✔ อาหารแมวสำหรับท่านลาเต้: ฿300 (รสทูน่าพรีเมียม เพราะเจ้านายไม่กินอย่างอื่น)

✔ รายแมวที่ทำจากเต้าหู้: ฿200 (ย่อยสลายได้ จับตัวเป็นก้อนได้ดี มีกลิ่นเหมือนความผิดหวัง)

✔ ของกินสำหรับตัวเอง: ฿800 (มาม่า กาแฟกระป๋อง และความสิ้นหวังแถมฟรี)

✔ อุปกรณ์แต่งเพลง: ฿400 (CD เปล่าถูก ๆ ปากกาสองสามแท่ง และเทปคาสเซ็ตสำรอง)

หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ฉันเหลือเงิน ฿9,640 สำหรับเผชิญหน้ากับลุงเอ๋ เจ้าหนี้นอกระบบ

ฉัน ยัดเงินกลับเข้ากระเป๋าด้วยความรู้สึกทั้งภูมิใจและสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน

มองไปที่ลาเต้ เขากระพริบตาช้า ๆ จากมุมเตียง อย่างไม่แยแสต่อความอัจฉริยะทางการเงินของฉันเลยแม้แต่น้อย

“ดีใจที่คนใดคนหนึ่งในพวกเราสบายดี” ฉันพึมพำ

เขากระดิกหางด้วยความพอใจ—หรืออาจจะดูถูกก็ได้

Sponsored Ads

———————

จ่ายหนี้ให้ปีศาจ (และศิลปะแห่งเศรษฐศาสตร์ของเจ้าหนี้นอกระบบ)

ฉันยืนอยู่ในตรอกมืดๆ แถวสุขุมวิท อย่างกระอักกระอ่วน จ้องไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ที่เจ้าหนี้ของฉัน—ที่ใครๆ เรียกว่า ลุงเอ๋—กำลัง นั่งกินชามโตอย่างใจเย็น

เขาใส่เสื้อฮาวายราคาแพง ที่ดูไม่เข้ากับกรุงเทพฯ สักนิด พอๆ กับ ธงชาติอเมริกาที่ตั้งอยู่ในวัดไทย ผมของเขาถูกหวีเรียบตึง มันเงาจนสะท้อนแสงนีออนจากข้างถนน

เขาเหลือบตามองฉัน พร้อมเส้นก๋วยเตี๋ยวคาอยู่ในปาก ก่อนจะกวักมือเรียกแบบขอไปที

“ไง กรณ์ มาสาย”

“ต้องแวะกดเงินก่อน” ฉันโกหก ขยับตัวอย่างประหม่า “ก็รู้ว่าถึงวันเงินเดือนออก มันก็วุ่นวายแบบนี้แหละ”

เขาหัวเราะ เสียงแหบๆ ที่ฟังดูเหมือนกระดาษทรายขูดกับไม้ “ATM? ไอ้หนู เครดิตของแกแย่ยิ่งกว่าฝีมือทำอาหารของเมียเก่าฉันอีก แม้แต่เครื่องกดเงินยังไม่เชื่อใจแกเลย”

ฉันยื่นซองเงินให้ ข้างในมีห้าพันบาท

เขานับช้าๆ คิ้วขมวดนิดๆ “แค่ห้าพัน?”

“จริงๆ มีเกือบหมื่น” ฉันพึมพำ “แต่ต้องหักค่ากินอยู่บ้าง…”

เขายักไหล่ ยัดเงินเข้ากระเป๋าแบบไม่สนใจจะนับต่อ “โอเค งั้นฉันจะเพิ่มเข้าแฟ้มของแก”

ฉันกลืนน้ำลาย “แล้วตอนนี้… ผมติดอยู่เท่าไหร่?”

เขาหยิบ สมุดโน้ตเก่าขาดๆ ออกจากกระเป๋าเสื้อ เปิดไปมาสองสามหน้า แล้ว ถอนหายใจอย่างโอเวอร์แอ็กติ้ง

“มาดูกัน… แกยืมไป 300,000 บาท ดอกเบี้ยที่โคตรยุติธรรมของฉันคือ 5% ต่อสัปดาห์ รวมเป็นรายสองสัปดาห์… แกจ่ายไปสองรอบแล้ว รวมเป็น 21,340 บาท…”

เขาขีดๆ อะไรบางอย่าง ทำตัวเหมือนกำลังคำนวณเลขแบบแม่นยำสุดๆ

“ยอดหนี้ปัจจุบันของแกคือ… ฿295,000”

ฉัน ชะงัก “เดี๋ยวนะ ผมจ่ายไปแล้วเกิน 15,000 บาท ทำไมยอดหนี้ลดแค่ 5,000?”

“ดอกเบี้ย ไอ้หนู” เขาพูดด้วย เสียงร่าเริงเกินเหตุ “แกจ่ายดอกเบี้ย 10% ต่อเดือนบนยอดที่เหลืออยู่ ถือว่าโชคดีแล้วนะ นักท่องเที่ยวฉันคิด 20%”

กระเพาะฉันบิดตัวเป็นเกลียว “นี่มัน… โหดเกินไปแล้ว”

เขายิ้มกว้างก่อนจะดูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเสียงดัง “ยินดีต้อนรับสู่ระบบทุนนิยม กรณ์”

ขณะที่ฉันเดินจากมา หัวใจหนักอึ้ง เสียงของลุงเอ๋ดังไล่หลังมา

“อย่าลืมชาร์จแบตโทรศัพท์ด้วยนะ! ฉันจะโทรหาแกเร็วๆ นี้!”

Sponsored Ads

———————

ช่วงเวลาของกรณ์บนวิทยุ (และเมื่อประชาธิปไตยหักหลังฉัน)

คืนนั้น แม้ว่าฉันจะยังจมอยู่กับ ฝันร้ายทางการเงิน แต่ สิ่งดีๆ ก็เกิดขึ้นสักที วิทยุเก่าของฉันส่งเสียงดังขึ้น เติมเต็มห้องด้วยเสียงของ ดีเจณัฐวุฒิที่เต็มไปด้วยพลัง

“สวัสดี กรุงเทพฯ! นี่คือช่วงเวลาที่เรารอคอย! พบกับ 5 เพลงสุดท้ายของการประกวดแต่งเพลงต่อต้านยาเสพติด!”

หัวใจฉันเต้นแรง ฉัน ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ยินผลงานของตัวเองออกอากาศ

เพลงแรกเริ่มขึ้น—

“ก็มาดิคร้าบ” โดย The Joy Clan

🎶 “มีหนึ่งเรื่องราวทุกคนต้องโจษจัน เป็นภัยสังคมทุกคนต้องป้องกัน!” 🎶

เพลงร็อกที่ดังลั่น สนุกแบบกวน ๆ แต่ทำให้การรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดฟังดูเหมือนคำขู่แปลก ๆ

จากนั้น…ถึงคิวของฉัน “กอดฉันไว้” เสียงกีตาร์อินโทรแบบ Lo-Fi ดังก้องผ่านลำโพงเก่า

🎶 “สบตากับฉัน เชื่อในฉัน เรื่องของวันวาน ไม่ต้องมาใส่ใจ…” 🎶

ฉันหลับตา ซึมซับช่วงเวลาเหนือจริงนี้ ขณะที่ เสียงร้องเพี้ยน ๆ ของฉัน—ซ่อนอยู่ใต้เสียงแตกของเทปคาสเซ็ต—กลับให้ความรู้สึกจริงจังและจริงใจอย่างประหลาด

เพลงของผู้เข้ารอบคนอื่น ๆ ถูกเปิดต่อไป—

“ยาเสพติด” โดย Green Light Red Light

🎶 “ใครติดยายกมือขึ้น ใครติดยายกมือขึ้นมา ใครติดยายกมือขึ้น จะพาไปรักษา!” 🎶

 เพลงฮิปฮอป ที่เดือดและติดหูแบบแปลกๆ
“เสพติด” โดย The Peace – เพลงที่ ฟังดูเหมือนเพลงรักที่หลงทาง
“พิษร้ายยาเสพติด” จาก New One Band – ที่ฟังดู เหมือนเพลงธีมของการ์ตูนสอนเด็กว่าอย่าคุยกับคนแปลกหน้า

🎶 “สุรา ยาบ้า เฮโรอีน ใครสูบกินเข้าไปไม่รู้ตัว~” 🎶

ฉัน เกือบสำลักกาแฟ ใครเป็นคนส่งเพลงนี้เข้าแข่งขัน?!

ดีเจปิดท้ายด้วยการประกาศ

“ผู้ฟังสามารถส่งคะแนนโหวตเข้ามาได้จนถึงสุดสัปดาห์นี้!”

ฉัน นั่งนิ่ง จ้องวิทยุ นี่มันเกิดขึ้นจริง ๆ… เพลงของฉันกำลังแข่งขันอยู่ แต่ ประชาธิปไตยจะเข้าข้างฉันไหม? นั่น… อีกเรื่องหนึ่งเลย

Sponsored Ads

———————

ประชาธิปไตยได้ตัดสินแล้ว (และดูเหมือนว่ามันจะชอบเพลงของคนอื่นมากกว่า)

สุดสัปดาห์ผ่านไป ผลโหวตถูกนับ

📊 ผลโหวตจากผู้ฟัง (Top 3):
 “ก็มาดิคร้าบ” – The Clan
 “กอดฉันไว้” – ธนากร สิริพงษ์ชัย
 “เสพติด” – The Peace

ฉันได้อันดับสอง ไม่แย่เลยสำหรับครั้งแรกของฉัน ฉันคิดแบบนั้น

แต่แล้ว… คะแนนจากคณะกรรมการก็มาถึง

และทั้งห้าคน ลงคะแนนให้กับ…

🥇 อันดับ 1: “พิษร้ายยาเสพติด”
🥈 อันดับ 2: “ก็มาดิคร้าบ”
🥉 อันดับ 3: “ยาเสพติด”

ฉันไม่ติดแม้แต่ Top 3

ที่หนึ่งตกเป็นของ “พิษร้ายยาเสพติด” เพลงแนวสดใสกระดอนกระเด้ง เหมือนรายการการ์ตูนเสาร์เช้าที่ฉันก็รู้อยู่แล้วว่า ผู้ใหญ่กับคณะกรรมการจะต้องชอบแน่ ๆ

เพลงที่ฉันแต่งด้วยหัวใจของตัวเอง… ดันแพ้ให้กับเพลงที่มีเนื้อร้องหลักเป็นคำว่า “สุรา ยาบ้า เฮโรอีน”

ฉันโทษ ระบบทุนนิยม หรือ ประชาธิปไตย หรืออาจจะ ทั้งสองอย่างเลยก็ได้

Sponsored Ads

———————

สายโทรศัพท์จากขุมนรก

คืนวันอาทิตย์ ขณะที่ฉันพยายามกลืนความผิดหวังลงไปพร้อมกับมาม่าคัพ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

หมายเลขไม่รู้จัก

ฉันรับสายอย่างระแวง “ฮัลโหล?”

“ไงไอ้หนูกรณ์!”

เสียงแหบต่ำร่าเริงของเจ้าหนี้—ซึ่งแปลว่า ข่าวร้ายมาแน่ ๆ

“ยินดีกับเพลงของแกด้วยนะ ได้ที่สองเหรอ? น่าเสียดายจริงๆ”

“คุณฟังด้วย?” ฉันถาม รู้สึกไม่โอเคที่เขารู้เรื่องนี้

“ฉันมีหูอยู่ทุกที่” เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาตามสาย เหมือนหนังมาเฟียที่ฉันไม่อยากเป็นตัวละครในนั้น “ว่าแต่… ได้ที่สองแล้ว เงินฉันอยู่ไหน?”

“ผมยังไม่ได้ค่าตัวอะไรเลย” ฉันพึมพำ หัวใจเต้นรัว “เขาให้แค่ ‘เครดิต’ เฉย ๆ”

“เครดิตไม่ได้จ่ายหนี้ไอ้หนู” เสียงปลายสายเย็นลงทันที “แกมีเวลาสองสัปดาห์ เอาเงินมาอีก 10,000 บาท ไม่งั้นเราคงต้องคุยเรื่อง ‘ทางเลือกอื่น’”

ติ๊ด—

สายถูกตัดไป

ฉันจ้องโทรศัพท์ ความจริงอันโหดร้ายซัดเข้าใส่อีกครั้ง ฉันแต่งเพลง ฉันได้ออกอากาศ ฉันได้ที่สอง… แล้วไง? ฉันยังติดอยู่ที่เดิมเหมือนเดิม

ฉันเหลือบไปมอง ลาเต้ ที่กำลัง เลียเท้าของตัวเองอย่างมุ่งมั่น ราวกับมันไม่มีปัญหาอะไรในชีวิตเลย

“อย่างน้อย… นายก็มีความสุข” ฉันพึมพำ

ลาเต้ครางพึมพำอย่างขี้เกียจ เห็นด้วยเต็มที่

ฉันนอนเอนหลัง จ้องเพดาน ใช่ หนี้ฉันยังเยอะ

ใช่ ฉันเพิ่งแพ้ให้กับเพลงที่ชื่อว่า “พิษร้ายยาเสพติด”

แต่ฉันก็พิสูจน์อะไรบางอย่างได้แล้ว— ฉันแต่งเพลงที่คนฟังจริง ๆ แม้จะมี อุปกรณ์กาก ๆ ประสบการณ์เป็นศูนย์ และแมวที่คอยขัดขวางฉันตลอด ฉันก็ยัง มาถึงจุดนี้ได้

บางที… เจ้าหนี้อาจพูดถูก—เครดิตมันไม่ได้จ่ายหนี้

แต่ฉันยังคงทำเพลงอยู่ ยังคงเล่าเรื่องของตัวเอง ยังคงทำสิ่งที่ฉันรัก

บางที… ฉันบอกตัวเองขณะที่ลาเต้กระโดดขึ้นมานอนบนอกฉัน

แค่นี้ก็คงพอแล้วสำหรับตอนนี้

แล้วพรุ่งนี้ล่ะ? พรุ่งนี้… ฉันจะลองใหม่อีกครั้ง

พิษร้ายยาเสพติด (เพลงที่ 6 นาทีที่ 23.50)
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด