คืนนี้อินเทอร์เน็ตดูช้ากว่าปกติ หรืออาจเป็นเพราะฉันมีความคิดมากเกินกว่าจะลอดผ่านโมเด็ม 56k ได้ทัน
ฉันล็อกอินเข้าเว็บบอร์ดเดิม ชื่อผู้ใช้งานเดิม กวีในเงามืด
Sponsored Ads
มันยังอยู่ แปลกดี หน้าเว็บยังเหมือนเดิม พื้นหลังสีเทา ปุ่ม “ตั้งกระทู้ใหม่” ยังกระพริบอยู่ตรงมุม ดูเหมือนมันเองก็อยากให้ฉันปล่อยมันไว้เงียบ ๆ
แต่ฉันก็คลิกเข้าไปอยู่ดี ฉันไม่ได้โพสต์เพลง ยังไม่ใช่ตอนนี้
สิ่งที่ฉันโพสต์ไป…มันเหมือนสิ่งที่ยังไม่ตัดสินใจด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไร อาจเป็นบทกวี หรือจุดเริ่มต้นของ “เสียง” บางอย่าง
“โลกเปลี่ยนแปลงเรามากกว่าเราเปลี่ยนแปลงโลก?”
📖 “เพียงครู่คราว หรือยาวนาน…
โลก ชีวิต วิกฤตการณ์ รอผ่านเปลี่ยน
จากวงกตวุ่นวายวนว่ายเวียน
อยากเยี่ยมเยียนหนทางใหม่ไกลกว่านี้
อาจโลกรอบข้างเปลี่ยนแปลงเรา
ทั้งสุข เศร้า พบ ผ่าน สถานที่
ทั้งสุดโต่ง สุดต่อความพอดี
ปรับมุมมองเคยมี เคยเป็นมา
เพื่อพร้อมตื่น ตอบรับ ขับเคลื่อนโลก
วิโยคประเดประดัง หวังจะฝ่า
โลกขับเคลื่อน ควรลองของเวลา
กวาดพาชีวิตติดตามไป
ทั้งล่วงพ้น ผลพวง ไม่ล่วงพ้น
อุดมคติบางหนก็โหยไห้
หวังสุดที่ รักสุดทางลงร้างไร้
รื้อและเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดทั้งมวล…
อาจโลกรอบข้างเปลี่ยนแปลงเรา
เราเปลี่ยนแปลงโลกบ้างในบางส่วน
หมุนเวียน เปลี่ยน ผ่าน ทานทวน
เสียงไห้ร่ำคร่ำครวญ – ช่วยอะไร?
บางที บางครู่คราว ยาวนาน
เหมือนเราผ่านห้วงกาลหนึ่งไม่ถึงไหน
ขณะโลกหมุนแกนไปแสนไกล
เกินอุดมคติใดจะเดินทัน!
(แต่อย่างน้อย…
เห็นร่องรอยวิกฤตการณ์ผ่านอีกขั้น
กลางซากปรักหนักถ่วงผลพวงนั้น
เรายืนยันการมีอยู่ต่อสู้แล้ว
เป็นทางตันที่ปิดอยู่ สู่อีกทาง)”
ไม่มีชื่อหัวข้อ ไม่มีคำอธิบาย แค่โพสต์ไว้ เหมือนคำถามที่ไม่มีเครื่องหมายคำถาม
ลาเต้เดินเข้ามา ดมขอบจออยู่แป๊บ แล้วก็นั่งทับคีย์บอร์ดเฉย ๆ
ฉันไม่ขยับเขาออก บางทีเขาอาจเห็นด้วย บางที… แค่นี้ก็พอแล้ว สำหรับคืนนี้
Sponsored Ads
———————
คอมเมนต์ที่ไม่ตั้งใจจะช่วย
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกลับไปเช็กโพสต์นั้น
ฉันบอกตัวเองว่า “ไม่สำคัญหรอก” ฉันยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันเรียกว่าอะไร บทกวี? เพลง? หรือแค่ระบายอารมณ์ปนปรัชญา?
แต่ตอนตีหนึ่งสิบเจ็ด ฉันก็นั่งอยู่ตรงนั้น กด F5 ใส่กระทู้เหมือนคนวัยกลางคนรอผลหวยงวดพิเศษ
มีสามคอมเมนต์
ผู้ใช้ “แมวบนหมอนข้าง”: “กลอนเหรอ? หรือโพสต์หลุดจากศูนย์วิจัยสภาพจิต?”
(มีคนกดขอบคุณ 2 คน)
ยอดเยี่ยมมาก… เปิดมาด้วยเสียงหัวใจหายวาบ
ผู้ใช้ “ดอกไม้ที่หายไป”: “อ่านแล้วรู้สึกเหมือนฟังเพลงเลยค่ะ เคยได้ยินเมโลดี้คล้าย ๆ แบบนี้ที่ไหนสักที่…”
ฉันกระพริบตา
คอมเมนต์นี้ทำให้ฉันนั่งตัวตรงมากกว่าที่ควรจะเป็น ลาเต้มองขึ้นมาแบบเหนื่อยใจเล็กน้อย
ผู้ใช้ “Cpt_Nobody”: “โลกไม่เปลี่ยนเราหรอก เรานี่แหละเปลี่ยนแพ็กเน็ตไม่ทัน โดนตัดรอบ 30 ชม.แรกอีกละ”
ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
แต่ก็พูดถูก
ฉันนั่งมองคอมเมนต์ที่สองซ้ำไปซ้ำมา เหมือนมันมีรหัสลับซ่อนอยู่
“เหมือนฟังเพลงเลย…”
มันไม่ใช่ฟีดแบ็ค ไม่ใช่คำวิจารณ์
มันคือ…การอนุญาต
ลาเต้กระโดดขึ้นโต๊ะ เหยียดยืดเหมือนแมวผู้ครองโลก แล้วเดินไปนั่งทับหน้าสมุดฉันตรงคำว่า:
เจ้ากระต่ายน้อย
แน่นอนสิ ฉันมองเขา เขาไม่กระพริบตา
“นายพูดถูก” ฉันพึมพำ “อาจจะถึงเวลาส่งมันจริง ๆ แล้วก็ได้”
เขาตบปากกาฉันตกโต๊ะ แปลความหมายได้ว่า คิดได้ซะทีนะ มนุษย์
Sponsored Ads
———————
แค่กดส่ง ไม่ต้องอธิบาย
อีเมลฉบับร่างยังคงอยู่ตรงนั้น แนบไฟล์เดิม เคอร์เซอร์กระพริบที่เดิม
หัวเรื่อง: (ยังว่างเปล่า)
ลาเต้นั่งอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง ท่าเดิม หน้าเท่เหมือนเดิม มองฉันเหมือนกำลังดูละครซ้ำที่เขาเบื่อมานานแล้ว
ฉันไม่ได้อ่านเนื้อเพลงซ้ำ
ไม่เปิดเดโมฟังอีกรอบ ไม่เปลี่ยนชื่อไฟล์ด้วยซ้ำ ยังเขียนว่า:
TOTB_dv1_final.mp3
มันยังเป็นคำโกหกอยู่ แต่ก็เป็นคำโกหกที่ช่วยให้เรากล้าขยับ ฉันพิมพ์แค่สี่คำ:
“ลองฟังดูครับ”
ไม่มากกว่านั้น ไม่มีคำอธิบายเรื่องไอรี ไม่มีโน้ตเรื่องเมโลดี้ ไม่มีย่อหน้าว่า “อันนี้อาจจะยังไม่ดีพอ”
แค่ “ลองฟังดูครับ”
ฉันลังเลเล็กน้อย
ลาเต้สะบัดหางเบา ๆ แล้วแตะขอบแป้นพิมพ์ อาจเป็นอุบัติเหตุ หรืออาจเป็นการส่งสัญญาณ
ฉันกด “ส่ง”
อีเมลลอยออกไปอย่างรู้ดีว่าฉันคิดอะไรอยู่
ฉันเอนหลัง ไม่มีอะไรดราม่า ไม่มีเสียงฟ้าร้อง ไม่มีอีเมลตอบกลับทันที มีแค่ความเงียบ และเป็นครั้งแรกในรอบนาน… ฉันยอมให้มันเงียบแบบนั้น
ลาเต้ดมแก้วกาแฟที่ว่างเปล่าข้างตัวฉัน แล้วกระโดดลงจากโต๊ะเงียบ ๆ แบบไม่แสดงความคิดเห็น นั่นแหละ คือวิธีที่ฉันรู้ว่า ฉัน “ทำถูกแล้ว” จริง ๆ
Sponsored Ads
———————
เสียงแรกจากปลายสาย
ฉันไม่ได้รอคำตอบหรอก ไม่ได้แบบนั่งเฝ้าเมาส์ไว้ตลอด หรือทำอะไรน่าขันแบบนั้น แค่… เช็กอีเมลทุกสิบ นาทีเอง เหมือนคนทั่วไปที่ “ปกติ” สุด ๆ
มันไม่มีอะไรอยู่พักหนึ่ง แล้วจู่ ๆ ข้อความหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
จากคุณโอ
หัวข้อ: “ฟังแล้ว”
ไม่มีอีโมจิ ไม่มีเครื่องหมายตกใจ มีความ “มืออาชีพ” อย่างน่าสงสัย
ฉันกดเปิด
“เพลงนี้มีของนะ เธอร้องตามตอนเดินผ่านตอนซ้อมเสียง”
“ไม่ได้รู้ว่าใครแต่ง แต่เธอหยุดฟังตั้งแต่ท่อน ‘Ooh กำแพงนั้นสูงเกินพรรณนา’ แล้วฮัมเบา ๆ ตอนเดินกลับ”
“ลองให้เธอฟังอีกทีแบบรู้ว่าเป็นของคุณ ถ้ายังฮัมอยู่ เราค่อยคุยกันใหม่”
ฉันหยุดหายใจไปวินาทีนึง ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เพราะประโยคนั้น
“เธอหยุดฟังตั้งแต่ท่อน ‘Ooh กำแพงนั้นสูงเกินพรรณนา’”
มันดังกว่าเสียงเดโมจริง ๆ ซะอีก
ลาเต้เลือกจังหวะพอดีเป๊ะที่จะกระโดดขึ้นโต๊ะ ทำแก้วเปล่าล้ม แล้วทิ้งตัวลงบนคีย์บอร์ด ฉันไม่ห้าม เขาเงยหน้าขึ้น พร้อมแววตาที่เหมือนจะบอกว่า บอกแล้ว
“ไม่เลวเลยนะ” ฉันพูดเบา ๆ เขากระพริบตาหนึ่งที แล้วก็หลับตาลง เหมือนเป็นเวอร์ชันของแมว… ที่เทียบได้กับการ วางไมค์แล้วเดินลงเวที
Sponsored Ads
โลกเปลี่ยนแปลงเรา มากกว่าเราเปลี่ยนแปลงโลก? (2555)
อังคาร จันทาทิพย์