‘สีหน้าเป็นปกติ ไม่มีท่าทีว่าจะโจมตีคนมีชีวิต การปรากฏตัวของมันไม่ได้ทำให้คนรอบข้างเกิดความหวาดกลัวอย่างไม่รู้ตัว อีกทั้งดูเหมือนจะมีแค่ฉันที่มองเห็นมัน… ไม่ใช่วิญญาณร้าย น่าจะเป็นเพียงวิญญาณที่ไม่ยอมจากไปเท่านั้น’
Sponsored Ads
เชดสรุปอย่างเงียบ ๆ ในใจ แต่ภายนอกเขายังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย มองตรงไปยังคุณนายวัตสันที่กำลังกล่าวคำไว้อาลัยอยู่บนแท่น
สาเหตุที่วิญญาณยังคงอยู่ในโลกนี้หลังจากร่างกายตายไปแล้วนั้นมีหลากหลาย ในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งเหนือธรรมชาติและเวทมนตร์เช่นนี้ เศษซาก, พลังของเทพเจ้า, อำนาจจากสิ่งชั่วร้าย, สถานที่ตายที่ไม่เหมาะสม, วันเกิดและวันตายที่ประจวบเหมาะ, วิธีการตายที่แปลกประหลาด หรือแม้แต่คุณสมบัติพิเศษของวิญญาณเอง ล้วนเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้
การโจมตีจากวิญญาณร้ายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่โบสถ์ต้องรับมือบ่อยที่สุดในยุคเมืองจักรไอน้ำ และมันก็เป็นหนึ่งในอันตรายที่ใหญ่ที่สุดต่อคนธรรมดา
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะวิญญาณในโลกนี้มีคุณสมบัติพิเศษคือ “ไม่สามารถถูกทำร้ายได้ด้วยอาวุธทางกายภาพ” ซึ่งหมายความว่า หากคนธรรมดาถูกวิญญาณร้ายโจมตี และหากพวกเขาไม่ใช่ผู้ศรัทธาผู้มีเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ติดตัว ก็ไม่มีทางรอดพ้นได้เลย แม้จะมัดระเบิดไอน้ำไว้เต็มตัวก็ตาม
แต่สิ่งที่อยู่ข้างๆ เชดนั้นไม่ใช่วิญญาณร้าย มันเป็นเพียงวิญญาณที่ยังไม่ยอมจากไป ถ้ามันเป็นวิญญาณร้าย มันคงถูกพลังของโบสถ์กำจัดไปนานแล้ว ส่วนเหตุผลที่มันยังคงอยู่ที่นี่ เชดไม่รู้ และก็ไม่อยากรู้ เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ
‘นี่น่าจะเป็นวิญญาณของมิสเตอร์วัตสัน หลังจากพิธีศพจบลง มันก็คงจะหายไปเอง’
นี่เป็นความคาดหวังที่ดีของเขา แต่โชคร้ายที่เขาคิดผิด
Sponsored Ads
หลังจากนั่งนิ่ง ๆ ทำท่าเหมือนมองไม่เห็นวิญญาณเป็นเวลาห้านาที ความเย็นเยือกอีกระลอกหนึ่งก็แผ่ซ่านมาทางด้านซ้ายมือ พร้อมกับเสียงผู้ชายอีกคนดังขึ้น
“น่าสนใจจริงๆ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้เห็นพิธีศพของตัวเองกับตาตัวเอง”
เชดเหลือบมองไปทางซ้ายอีกครั้ง และก็พบกับวิญญาณตนที่สอง
วิญญาณทั้งสองมีลักษณะเป็นชายวัยกลางคนอายุราว 40 ปี ยืนเคียงข้างกันบนพรมทางเดินที่ทอดยาวจากประตูโบสถ์ไปจนถึงแท่นบรรยาย พวกเขายืนขวางประตูทางเข้าโดยไม่รู้ตัว และดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่ามีคนหนึ่งกำลังแอบมองพวกเขาอยู่
จากคำพูดแรกที่ออกมาจากวิญญาณตนที่สอง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นมิสเตอร์วัตสันตัวจริง
“ไม่อยากเชื่อเลยว่านายก็ตายเหมือนกัน เมสัน”
มิสเตอร์วัตสันกล่าว เชดกระดิกหูเล็กน้อย ชื่อ “เมสัน” เป็นนามสกุลเดิมของคุณนายวัตสันก่อนแต่งงาน และเป็นนามสกุลของคนที่ฆ่ามิสเตอร์วัตสัน
ความสนใจของเชดถูกดึงดูดอย่างรวดเร็ว เพราะการสนทนาระหว่างวิญญาณทั้งสองน่าจะน่าสนใจกว่าพิธีศพของคนแปลกหน้าอย่างแน่นอน
“ใช่ ฉันตายหลังจากนายไปประมาณสิบห้าปี ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอนายที่นี่”
เมสันกล่าว วิญญาณทั้งสองยังคงมองตรงไปข้างหน้า ไม่แม้แต่จะหันมามองกันเอง ดูเหมือนว่าการสนทนานี้จะเป็นเพียงการพูดคุยสบายๆ ระหว่างช่วงพิธีศพ
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ แค่ได้ยินเสียงเธอร้องไห้ ฉันก็มาแล้ว เกรต้าในวัยชรา ยังคงสวยงามเหมือนเดิม ฉันหวังจริงๆ ว่าฉันจะมีชีวิตอยู่และได้เห็นช่วงเวลานี้”
มิสเตอร์วัตสันกล่าวด้วยความเสียดาย
Sponsored Ads
“ฉันเองก็หวังว่าฉันจะได้มีชีวิตอยู่และได้เห็นพี่สาวแก่ตัวลง แต่น่าเสียดาย…”
เมสันถอนหายใจ เชดไม่คิดมาก่อนว่าวิญญาณจะถอนหายใจได้ด้วยซ้ำ
“นายรู้สึกเคียดแค้นหรือเปล่า ที่มาอยู่ที่นี่?”
เมสันถามด้วยน้ำเสียงเหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
“นั่นมันเรื่องเมื่อสามสิบปีก่อนแล้ว จะเคียดแค้นไปเพื่ออะไรอีกล่ะ?”
มิสเตอร์วัตสันตอบด้วยน้ำเสียงสงบ
‘เธอ? ทำไมต้องโกรธแค้นคุณนายวัตสันล่ะ? ควรจะโกรธแค้นมิสเตอร์เมสันไม่ใช่เหรอ?’
เชดคิดอย่างสงสัย แต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย กลัวว่าหากถูกจับได้ว่ากำลังแอบฟัง เขาอาจจะพลาดบทสนทนาที่น่าสนใจนี้ไป
“ใช่แล้ว สามสิบปีผ่านไป แต่ฉันยังจำคืนนั้นได้ดี คืนฝนตกที่ฉันเอาไวน์แดงไปส่งที่บ้านนาย พี่เกรต้าเปิดประตูออกมา เธอเมาอย่างหนัก มีกลิ่นไวน์และ… กลิ่นเลือดติดตัวเธอ”
เมสันหยุดพูดไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวต่อ
“ฉันรู้ดีว่านายกับเธอมีความขัดแย้งกันมาก แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะลงมือฆ่านาย”
เชดกะพริบตาเล็กน้อย เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เพราะบทสนทนาของสองวิญญาณนี้น่าสนใจกว่ามาก ดูเหมือนว่ามิสเตอร์วัตสันจะไม่ได้ถูกน้องชายของภรรยาฆ่า แต่เป็นภรรยาของเขาเอง
“คืนนั้นเธอดื่มหนักมาก เธอถามฉันเกี่ยวกับเรื่องของมิสเอ็มม่า… นายก็รู้ว่าฉันไม่สามารถอธิบายได้”
น้ำเสียงของมิสเตอร์วัตสันเต็มไปด้วยความซับซ้อน เชดไม่ใช่คนที่สามารถวิเคราะห์อารมณ์เจ็ดแปดอย่างได้จากประโยคเดียว แต่เขาสัมผัสได้ถึงความอับจนหนทาง ความโกรธ และความเสียใจในน้ำเสียงนั้น
“ใช่ นายอธิบายไม่ได้ เพราะผู้หญิงคนนั้นกำลังตั้งท้องลูกของนาย ดูสิ ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่แถวที่สามนั่น เขาอายุสามสิบสองปีแล้ว”
เมสันกล่าวเตือน หลังจากนั้นการสนทนาก็หยุดไปครู่หนึ่ง วิญญาณของมิสเตอร์วัตสันเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่เมสันบอกไว้
Sponsored Ads
“เกรต้าปล่อยพวกเธอไปงั้นเหรอ? ก่อนตาย ฉันยอมรับเรื่องนี้ไปแล้วนะ”
“เธอดื่มหนักมากในคืนนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นเธอจำอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้ว่าเธอได้ยินอะไร หรือเธอทำอะไรลงไป ฉันเป็นคนขนศพของนายในคืนนั้น และทำความสะอาดร่องรอยทุกอย่าง พี่เกรต้าจำได้แค่ว่าพวกนายทะเลาะกันเสียงดัง และนายเดินออกจากบ้านไปด้วยความโกรธ”
เมสันเล่าถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น เชดเองก็เกิดคำถามในใจ แต่เขาไม่คิดจะถามออกไป เพราะกลัวว่าจะทำให้บทสนทนาที่น่าสนใจนี้หยุดลง
“หลังจากนั้น นายก็ ‘หายตัวไป’ พี่สาวฉันเสียใจมาก ฉันแนะนำให้เธอเดินทางไปพักผ่อนที่ต่างเมือง ระหว่างนั้นฉันก็จัดการขนศพของนายกลับมา และซ่อนไว้ในห้องใต้ดินหลังผนังอิฐที่บ้านของพวกนาย”
“แล้วเธอไม่ถูกตำรวจสอบสวนงั้นเหรอ? เธอถึงได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายต่อไป?”
มิสเตอร์วัตสันสรุปอย่างเรียบง่าย
“ใช่ ฉันเป็นคนยอมรับผิดและไปมอบตัวเอง ฉันใช้ชีวิตที่แสนทรมานในคุก ร่างกายฉันอ่อนแอลงจากโรคภัย และไม่นานหลังจากออกจากคุก ฉันก็เสียชีวิต ฉันไม่เคยเล่าเรื่องในคืนนั้นให้ใครฟัง เพราะนั่นไม่ใช่ความผิดของเธอ”
ทั้งสองวิญญาณพูดคุยถึงเรื่องราวในอดีต โดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เหมือนเพื่อนเก่าที่กำลังพูดคุยถึงเรื่องราวในอดีตที่เลือนราง
เชดที่แอบฟังอยู่ คิดทันทีว่าต้องเล่าเรื่องนี้ให้มิสลูอิสฟัง เพราะนี่เป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมสำหรับงานเขียนเรื่องใหม่ เดิมทีเขารับงานนี้เพียงเพราะอยากผ่อนคลายก่อนการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ และแวะไปเยี่ยมนักสืบสแปร์โรว์ แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าช่วงบ่ายนี้ไม่ได้เสียเวลาเปล่าเลย
Sponsored Ads
หลังจากการสนทนาระหว่างสองวิญญาณจบลง พวกเขาก็ยืนเคียงข้างกัน มองดูบรรดาแขกที่มาร่วมไว้อาลัยให้มิสเตอร์วัตสันทีละคน บางครั้งพวกเขาก็พูดคุยกันถึงรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของเพื่อนเก่าที่ดูแก่ชราลง แต่ไม่ได้คุยเรื่องอื่นเพิ่มเติม
เมื่อถึงเวลาที่บาทหลวงขึ้นไปบนแท่น เพื่อกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับชีวิตของมิสเตอร์วัตสัน มิสเตอร์เมสันถึงกับหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินคำว่า “จงรักภักดีในความรัก” และเมื่อได้ยินคำว่า “เขาเป็นคนใจกว้าง ชอบช่วยเหลือผู้อื่น” เขาถึงกับแค่นหัวเราะเยาะวิญญาณของมิสเตอร์วัตสันที่ยืนอยู่ข้างๆ
วิญญาณของมิสเตอร์วัตสันไม่ได้โกรธเคือง เขาเพียงแค่เล่าเรื่องราวชีวิตของตนเองอย่างสงบ เชดได้ฟังคำสารภาพของมิสเตอร์วัตสันอย่างครบถ้วน หากสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงทั้งหมด มิสเตอร์วัตสันก็คงเป็นเพียง “พ่อค้ากลางคนที่มักมากในกามและโลภโมโทสัน”
ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายถึงขนาดโหดเหี้ยมอำมหิต แต่ก็ห่างไกลจากคำว่า “คนดี” มากพอสมควร
ในช่วงสุดท้ายของพิธีศพภายในโบสถ์ ทุกคนลุกขึ้นยืน พร้อมกับท่องคำอธิษฐานตามบาทหลวงผู้ชราภาพ เชดเองก็ลุกขึ้นยืน และท่องคำอธิษฐานอย่างสงบ
แต่วิญญาณทั้งสองไม่ได้กล่าวคำอธิษฐานตามผู้ร่วมพิธี เมื่อพิธีกรรมในโบสถ์สิ้นสุดลง และบาทหลวงประกาศว่าสามารถนำโลงศพไปยังห้องเก็บศพใต้ดินได้แล้ว มิสเตอร์วัตสันก็เอ่ยถามสิ่งหนึ่งขึ้นมา ซึ่งตรงกับคำถามที่เชดเองก็สงสัย
“นายคิดว่า… เกรต้าลืมเรื่องคืนนั้นไปจริงๆ เหรอ? หรือบางทีอาจจะเป็นแค่…”
“…ไม่อยากยอมรับความจริงว่าตัวเองได้สังหารสามีไปแล้ว และยอมปล่อยให้น้องชายต้องติดคุกแทน”
เมสันพูดต่อให้จบประโยค
เชดเหลือบมองวิญญาณทั้งสองอย่างรวดเร็ว กลัวว่าความสงสัยนี้จะจุดชนวนให้พวกเขากลายเป็นวิญญาณร้าย แต่โชคดีที่พวกเขาเพียงแค่ตั้งคำถามเท่านั้น และยังคงสงบอยู่
Sponsored Ads
ทุกคนลุกขึ้นยืน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่จากโบสถ์ยกโลงศพขึ้นจากแท่น บาทหลวง, คุณนายวัตสัน, เชด และน้องชายของมิสเตอร์วัตสัน จอห์น วัตสัน เดินออกจากโบสถ์นำขบวน ตามด้วยโลงศพที่ถูกหามมาอย่างระมัดระวัง และท้ายสุดคือบรรดาญาติและแขกที่มาร่วมไว้อาลัย
สองวิญญาณไม่ได้หายไป แต่ก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่โบสถ์ พวกเขายังคงตามขบวนไปอย่างเงียบ ๆ และยังคงอยู่ข้างเชด
ระหว่างที่เชดมองดูคุณนายวัตสันร้องไห้ โดยมีบอดี้การ์ดวัยกลางคนคอยประคอง เขาก็ยังได้ยินบทสนทนาระหว่างสองวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
ทางเดินหินที่ทอดยาวจากโบสถ์เล็ก ๆ นำทางทุกคนไปสู่ห้องเก็บศพใต้ดิน เดินตรงไปประมาณ 100 ก้าว แล้วเลี้ยวซ้าย การฝังศพในห้องใต้ดินถือเป็นพิธีกรรมที่หรูหราและมีเกียรติ สำหรับตระกูลใหญ่ บางครั้งพวกเขาถึงกับเป็นเจ้าของห้องเก็บศพทั้งชั้น เพื่อให้สมาชิกในตระกูลทุกคนได้หลับใหลร่วมกันหลังความตาย
แน่นอนว่า ความหรูหราไม่ได้อยู่ที่การตกแต่งห้องใต้ดิน แต่เป็นเพราะธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดต่อกันมานาน
“ฟังที่นายพูดแล้ว ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเธอ ‘ลืม’ เรื่องคืนนั้นไปจริงๆ หรือแค่ทำเป็นไม่อยากจำมัน”
เมสันพูดเสียงเบา เชดเหลือบมองเห็นวิญญาณของเขากำลังจ้องไปที่คุณนายวัตสันข้างหน้า
“แม้เรื่องราวในอดีตจะผ่านไปแล้ว แต่ฉันเองก็ยังอยากรู้ เพราะการที่เธอลืมมัน ทำให้ฉันต้องรอถึงสามสิบปีกว่าจะได้ฝังอย่างสงบ”
มิสเตอร์วัตสันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“งั้นทำไมไม่ลองถามเธอโดยตรงล่ะ?”
“นายรู้วิธีทำให้เธอมองเห็นเรางั้นเหรอ?”
“ไม่รู้”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
น้ำเสียงของวิญญาณทั้งสองนั้นไร้อารมณ์และแหบพร่า เชดเข้าใจทันทีว่า “สิ่งที่หนังสือบอกไว้นั้นเป็นความจริง” วิญญาณของคนธรรมดาไม่สามารถคงอยู่ในโลกนี้ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีการปกป้องจากพลังพิเศษ วิญญาณทั้งสองตนนี้อาจจะเป็นเพียง “เศษเสี้ยวของจิตวิญญาณ” เท่านั้น คล้ายกับเงาที่เกิดจากการใช้คาถา [เสียงสะท้อนของวิญญาณ] ของเชด
แม้ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว พวกเขาทั้งสองก็คงจะสลายไปในไม่ช้า
ในช่วงฤดูร้อน ต้นหญ้าและต้นไม้ในสุสานต่างเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่ด้วยความรับผิดชอบของคนดูแลสุสาน ทำให้พื้นที่นี้ถูกจัดระเบียบอย่างดี ช่องว่างระหว่างหินปูทางเดินแทบไม่มีวัชพืชขึ้นเกินขอบหิน ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหลุมศพเรียงราย ต้นไม้ใหญ่ทอดเงาลงมาบนแผ่นป้ายหลุมศพ สร้างภาพเงาที่ดูราวกับผืนผ้าใบที่วาดด้วยแสงและเงา
Sponsored Ads