ฉันเจอพี่วัฒน์นั่งยอง ๆ อยู่ข้างแทงก์น้ำเก่า ขัดตะไคร่ออกจากวาล์ว เหมือนมันเคยด่ากันมาก่อน เขาไม่เงยหน้า ไม่ขยับตอนฉันเข้ามาใกล้ ขัดต่อไปเรื่อย ๆ
Sponsored Ads
“ถ้าจะเดินระบบใหม่ทั้งสวน…”
เสียงฉันแห้ง เหมือนไม่แน่ใจว่ามีสิทธิ์พูดตรงนี้ไหม
“…เริ่มตรงไหนดีครับ?”
เขาเช็ดมือกับเสื้อ ยังไม่มอง
“ขึ้นอยู่กับจะปลูกอะไร”
คำตอบเรียบ เหมือนคำถามมันไม่ได้ซับซ้อน เหมือนโลกไม่เคยคิดมาก
ฉันวางถุงพลาสติกสีดำไว้ข้างเขา ข้างในมีท่อ PE ที่เหลือ หัวพ่นหมอกหนึ่งแพ็ก กับข้อต่อสามทางที่ดื้อเหมือนแมวตอนง่วง พื้นตรงนี้เคยเปียกน้ำตะกอนมาก่อน แต่ตอนนี้มันเหมือนมีที่ให้วางอะไรโดยไม่เปื้อน
“ผมลองเดินตรงแปลงด้านตะวันออกแล้ว”
“เห็น”
“…แรงดันไม่ตกนะพี่”
“เห็น”
ยอดเยี่ยม เป็นบทสนทนาแห่งปี
บางทีฉันก็ยังแปลกใจ ว่าทำไมถึงไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อก่อน เสียงพี่วัฒน์ที่พูดน้อยไป ความชื้นจากดิน ความเงียบที่ไม่มีดนตรีคลอ ทั้งหมดนี้ถ้าเป็นกรณ์เมื่อก่อน ฉันคงเดินหนีไปแล้ว
แต่ตอนนี้ฉันกลับนั่งลงแทน ยอมให้มันเข้ามาเหมือนแรงดันน้ำที่ไม่ต้องฝืน บางที…ฉันอาจจะรวมกันพอดีแล้วก็ได้ ไม่ใช่ในแง่การให้อภัยใคร แค่…หยุดต่อต้านทุกอย่างตลอดเวลา
ฉันย่อตัวลงด้วย ไม่ใช่เพราะจำเป็น แต่ยืนเหนือเขาแล้วมันรู้สึกเหมือนกำลังสั่งสอน
“ผมคิดว่า ถ้าลงทุนระบบนี้ทั้งสวน… ไม่ต้องหรู แค่ให้มันคุมแรงดันได้ มันจะช่วยลดแรงคนได้เยอะ”
เขาพยักหน้าครั้งเดียว ขัดตะไคร่ตรงมุมดื้อของวาล์วต่อ
“แล้วจะปลูกอะไร?”
เสียงเขาราบเรียบ ไม่ใช่ไม่สนใจ แค่ตรงเป้า
“…ผมยังไม่แน่ใจ”
ฉันเกาหัว
“แต่ถ้าเป็นพืชที่ใช้แรงน้อย น้ำพอดี… แล้วขายได้กับพวกเมืองกรุงแบบผม”
เขาเงยหน้ามอง คิ้วข้างหนึ่ง กับมุมปากที่กระตุกขึ้นนิดเดียว
“พวกเมืองกรุงแบบเรา… ชอบกินแต่ของที่ตัวเองปลูกไม่ได้เหรอ?”
จุก
เขาลุกขึ้น เดินไปที่กล่องเครื่องมือ หยิบซองสีน้ำตาลอ่อนออกมา แล้วยื่นให้เหมือนใบเสร็จที่ไม่ได้ขอ หน้าซองมีรูปองุ่นเขียวอ่อน เงาวับ สวยเกินจริง ไม่มีชื่อภาษาไทย มีแต่ตัวอักษรญี่ปุ่น กับคำว่า “試験用 *– Not for resale.”
“คนจากสหกรณ์ให้มาเมื่อปีก่อน”
น้ำเสียงเขาไม่ได้ประทับใจ
“บอกว่าคนเมืองจะชอบ ถ้าปลูกได้จริง”
ฉันพลิกซองดู เบา อาจจะว่างเปล่า หรืออาจว่างมาตั้งแต่ต้น
“เคยลองปลูกยัง?”
“ยัง”
“กลัวมันแพงเกิน จนกินไม่อร่อย”
เขาหยุด ฉันไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงองุ่น…หรือความสัมพันธ์แบบพี่น้องที่ไม่พูดกันมานาน เรายืนเงียบ แบบเงียบที่เส้นเวลาเก่าสองเส้นมาชนกัน แล้วพยายามไม่หลบตา
ฉันพูดออกมาในที่สุด
“ผมไม่รู้ว่าพี่คิดยังไง… แต่ถ้าผมลองระบบให้เวิร์กทั้งสวนได้ ”
“ถ้าระบบมันรอด… ไอ้นี่มันก็รอดเอง”
เขาเก็บซองเข้ากระเป๋า ไม่ตอบว่า ‘เอา’ หรือ ‘ไม่เอา’ แค่เดินผ่านฉันไป เหมือนน้ำผ่านท่อ แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ได้ทิ้งซอง
แค่นั้น ก็ถือว่า…เริ่ม
บางทีเมืองยังไม่ได้ทำลายฉันหมดก็ได้
Sponsored Ads
———————
คนที่ไม่เคยพูดคำว่าขอบคุณ ก็ยังสังเกตอยู่ดี
ข้าวเย็นวันนี้มีข้าวเปล่า ผัดผักบุ้ง กับไข่ดาวที่กรอบพอจะยืนยันว่า ที่นี่ไม่ใช่โรงแรม มีน้ำพริกด้วย มันแน่นอนอยู่แล้ว
แม่ไม่ถามว่าระบบน้ำเป็นยังไง แค่ตักไข่เพิ่มให้ฉันหนึ่งฟอง เหมือนฉันเพิ่งกลับจากแนวหน้า
“แล้ว…”
แป้งจิ้มข้าวเสียงเบา
“…พี่วัฒน์เว้นแปลงให้เลยเหรอ?”
ฉันเคี้ยวช้าลง
“เขาไม่ได้พูดแบบนั้น”
“แต่ก็ไม่ได้ ไม่พูด ใช่มั้ย?”
เธอเอียงคอในแบบที่มีแต่น้องสาวเท่านั้นที่ทำได้โดยไม่โดนเขกหัว
แม่รินน้ำใส่แก้วสแตนเลสให้ ไม่ได้เงยหน้าตอนพูดว่า
“เขาเดินไปดูตอนบ่าย เห็นกลับมานั่งเงียบ ๆ ตรงบ่อ”
“สงสัยละอองน้ำซึมเข้าหัว”
ฉันพึมพำ
ไม่มีใครขำ แม้แต่ลาเต้ก็ไม่ช่วย
ฉันเช็ดมือกับผ้าเช็ดปากที่เคยเป็นเสื้อยืดตัวเก่า
“ผมว่าจะเดินระบบให้ทั้งสวนเลยนะ ถ้าพี่เขาไม่ว่าอะไร”
ทั้งโต๊ะหยุดเคี้ยวข้าว
“จะลงมือเองเหรอลูก?”
แม่ถามเสียงเบา
“ผมจ่ายเองด้วย”
ฉันตอบเร็วไปนิด
“ไม่ต้องเอาเงินที่บ้าน… ผมมีเก็บไว้”
ไม่มีใครถามว่า “ต้องใช้เท่าไหร่”
ไม่มีใครถามว่า “ทำไมถึงทำ”
แค่เงียบ แล้วเสียงเคี้ยวข้าวก็กลับมา
“…แล้วจะปลูกอะไรเหรอ?”
แป้งถาม แต่เสียงอ่อนลงกว่าเดิม
ฉันยักไหล่
“ยังไม่แน่ใจ”
เธอหรี่ตา
“อย่าบอกนะว่า…องุ่น?”
ฉันไม่ตอบ ซึ่งก็…เป็นคำตอบในตัวมันเอง
“คนกรุงจะซื้อเหรอ?”
แม่ถามขึ้นมาครั้งแรก
“ซื้อแน่อยู่แล้ว”
ฉันตอบ
“ที่กรุงเทพฯ ขายพวงละสามร้อยห้าสิบ ถ้าเป็นพันธุ์ดี ไม่มีเมล็ด สีเขียว ใส ๆ แบบญี่ปุ่น”
แป้งกะพริบตาถี่ ๆ
“สามร้อยห้าสิบ? ขายให้ใคร — เซเลบเหรอ?”
“คนที่อยากรู้ว่ารสชาติแบบญี่ปุ่นเป็นยังไง…โดยไม่ต้องบินไป”
ฉันยักไหล่อีกที
“ใส่กล่องอะคริลิก ติดสติกเกอร์ภาษาญี่ปุ่นหน่อยก็พอ คนกรุงยอมจ่าย”
“แล้วคิดเหรอว่าเราจะปลูกให้ได้แบบนั้น?”
ฉันมองเธอ
“ไม่รู้”
แล้วยิ้ม
“แต่ผมอยากรู้คำตอบ”
พัดลมบนเพดานครางเบา ๆ แมวสองตัวเปลี่ยนตำแหน่งหลับ ข้าวเย็นยังดำเนินต่อไป ไม่มีใครพูดคำว่าขอบคุณ แต่มีคนตักน้ำพริกช้อนสุดท้ายมาให้ฉัน
ซึ่ง…สำหรับบ้านนี้ นั่นถือว่ามากแล้ว
Sponsored Ads
———————
คอรัสระหว่างท่อ
ไม่มีคำขอบคุณ ไม่มีเสียงยินดี แต่คำบางคำก็ฝังอยู่ในการกระทำ และสำหรับบ้านนี้ บางทีเสียงของน้ำ…ก็ดังกว่าคำพูดอยู่แล้ว มันไม่ใช่แผน แต่พอฉันเปิดสมุดกับกล่องกีตาร์พร้อมกัน สิ่งแรกที่ออกมาไม่ใช่คอร์ด มันคือเสียงฮัมในหัวเมื่อตอนเช้า
🎶 “เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม… ฉันเก็บเอาไว้ ให้เธอ และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ ฮืม…” 🎶
เบา ไม่จบ แค่ดังพอให้พวกกบเริ่มสงสัยว่าฉันโอเคอยู่ไหม
ฉันไม่รู้ว่าทำไมเพลงถึงกลับมา อาจเพราะอากาศตอนนี้มีกลิ่นโลหะปนใบมะม่วง หรืออาจเพราะที่นี่คือที่แรก… ที่ฉันเคยเห็นฟ้าโดยไม่ต้องผ่านกระจกหน้าต่าง
ฉันไม่ทันเห็นว่าเขาเดินมาเมื่อไหร่ เมื่อกี้ยังมีแค่ฉัน กีตาร์ กับความรู้สึกผิดที่ยังไม่ยอมละ แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีใครบางคนวางประแจลงข้างตัว แล้วพูดว่า
“เสียงเพี้ยนนิดหน่อยนะ”
ฉันสะดุ้ง
“พี่เดินเบาไปปะครับ?”
เขาไม่ตอบ นั่งลงแบบไม่มีพิธี เหมือนเป็นความคิดของเขาเอง
“เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม…”
เขาทวนประโยค ไม่ใช่ร้อง แค่…ลองบางคำ
“ชื่อเพลงเหรอ?”
“เปล่าครับ… แค่ประโยคจากหัวผม”
เขาไม่เชื่อ แต่ก็ไม่พูดอะไร
ฉันดีดสายกีตาร์เบา ๆ
“พี่รู้ใช่มั้ย ว่าระบบที่ลองมันใช้ได้”
“รู้”
“แล้วถ้าจะลงจริงทั้งสวน จะใช้เงินเท่าไหร่?”
“สามหมื่นกว่า”
เขาเลิกคิ้ว
“พูดแบบคนกรุงน่ะ…กี่หมื่น?”
“สี่หมื่นห้า”
ฉันหยิบสมุดโน้ตออกมา
“ไม่ต้องมีเอกสาร แค่โอน”
เขาไม่ตอบ แต่ก็ไม่ห้าม ฉันพิมพ์เลขบัญชีตามที่จดไว้จากหลังใบเสร็จตรงหลอดไฟในครัว แล้วกดตกลง
[SMS – Bank of New Siam]
เงินออก: ฿100,000.00
ไปยัง: TrueTools Equipment Center
รายละเอียด: ค่าระบบน้ำ + เครื่องมือสวน
ยอดเงินคงเหลือ: ฿552,942.00
“จะเกินไปมั้ย?”
เขาถาม
“สำหรับทั้งสวน?”
ฉันยักไหล่
“สำหรับหมอก ความสงบ กับเสียงกีตาร์บางวัน?”
ฉันเว้นจังหวะ
“ไม่มากหรอก”
เขาลุกขึ้น
“จะเขียนเพลงต่อมั้ย?”
“มั้งครับ”
ฉันตอบ
“แต่ขอให้ระบบน้ำไม่เสียงเพี้ยนก่อน”
เขายิ้มมุมปาก ซึ่ง…สำหรับเขา นั่นถือว่าอบอุ่นพอสมควรแล้ว
เขาเดินกลับไป ในจังหวะที่เรียบสงบของคนเพิ่งรับงบที่ตัวเองไม่ได้ขอ
ฉันนั่งอยู่ที่เดิม เล่นคอรัสอีกครั้ง
🎶 “ถนนสายนั้น ที่ทอดยาว… มีเรื่องราวของความเป็นจริง…” 🎶
และครั้งนี้ มันไม่เหมือนความทรงจำ มันเหมือน…อนาคต
ที่อาจมีใครอยากกลับมาเจออีกครั้ง
Sponsored Ads
———————
เขียนไว้ใต้หมอก
ฉันย้ายกลับเข้าบ้านหลังพวกกบเริ่มร้องประสานกับฉัน ไม่ใช่เพี้ยน แค่…แรงไปหน่อย
โต๊ะทำงานก็ไม่ใช่โต๊ะทำงานจริง ๆ แค่โต๊ะไม้ข้างหน้าต่าง ที่เปื้อนแสงแบบที่มีแค่คนที่เลิกมองหาเท่านั้นถึงจะเห็น
กีตาร์วางอยู่ข้างสมุดโน้ต ลาเต้หลับอยู่บนหมอนฉัน น้ำแข็งใสนอนใต้เก้าอี้ ในท่าเหมือนจงใจจะสะดุดขาใครบางคน
ฉันเขียนช้า ไม่ใช่เพราะไม่รู้จะเขียนอะไรต่อ แต่เพราะ…รู้แล้ว
🎶 “เธอเห็นท้องฟ้า นั่นไหม ฉันเก็บเอาไว้ ให้เธอ” 🎶
ฉันปล่อยให้ถ้อยคำได้หายใจ
🎶 “และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ ฮืม… ” 🎶
เสียงฮืมนั้น คือช่องว่างที่ความรู้สึกใช้ซ่อนตัว ตอนที่มันไม่อยากถูกแปล
🎶 “ถนนสายนั้น ที่ทอดยาว มีเรื่องราวของความ เป็นจริง มีเงาไม้เอาไว้ ให้พักพิง มีให้เธอเอาไว้ ยามอ่อนล้า” 🎶
ฉันหยุดมือ น้ำหยดจากก็อกในครัว เหมือนเมโทรโนมที่ไม่ตรงจังหวะ
🎶 “เธอเห็นท้องฟ้า นั่นไหม เห็นเงาของเมฆ หรือเปล่า” 🎶
ฉันเช็กสัมผัส มันยังพอไปได้ ดีพอสำหรับเดโมแล้ว ดีกว่าเทปหลายม้วนที่ฉันเคยขายในชื่อคนอื่นอีก
🎶 “ทะเลสีคราม ที่ทอดยาว เห็นความรักฉัน บ้างไหม” 🎶
ฉันหยุด เงยหน้า ลาเต้กรนเบา ๆ น้ำแข็งใสลืมตามองข้างเดียว แล้วหลับต่อ เหมือนจะบอกว่า ยังไม่ผ่านนะ
ฉันถอนหายใจ แล้วเขียนท่อนสุดท้าย
🎶 “…เธอเห็นท้องฟ้า นั่นไหม เห็นเงาของเมฆ หรือเปล่า ทะเลสีคราม ที่ทอดยาว เห็นความรักฉัน บ้างไหม…” 🎶
เสร็จแล้ว ฉันมองกีตาร์ ดีดคอร์ดหนึ่งที
D major
ยังซื่อสัตย์อยู่ ชื่อไฟล์ที่บันทึกไว้ เรียบง่าย: `sky-for-you-demo.ver1`
พรุ่งนี้จะอัดทั้งเพลงใหม่ ไม่มีไมค์ดี ๆ ไม่มีเอฟเฟกต์ แค่อากาศดี ๆ ปลายนิ้ว สายกีตาร์ กับเสียงที่เหลืออยู่แค่พอให้ร้อง
ถ้าโลกไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร ยังไงก็มีแมวสองตัวที่เป็นแฟนเพลงอยู่แล้ว
Sponsored Ads
*試験用 (しけんよう / shiken-yō) = สำหรับใช้ในการทดสอบ
เอก สุระเชษฐ์