ประตูส่งเสียงครางเมื่อมันเปิดออก เผยให้เห็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่สว่างไสวด้วยแสงจากคบเพลิงและเทียน ห้องนี้แตกต่างจากซากปรักหักพังที่พวกเขาเดินผ่านมาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ที่นี่เต็มไปด้วยชีวิต เต็มไปด้วยพลังงานและความรู้ ผนังถูกเรียงรายไปด้วยชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยตำราโบราณและม้วนคัมภีร์ ขณะที่เครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุหลากหลายชนิดวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะยาวกลางห้อง ลูกแก้วแก้วประหลาดส่องแสงเวทมนตร์แปลกตา ทอดเงาประหลาดลงบนพื้น
Sponsored Ads
ที่ปลายสุดของห้อง มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างโต๊ะ หน้าของเขาหันไปทางอื่น เขาสูงและผอม ผมยาวสีเทาของเขาลงมาปกไหล่เหมือนเสื้อคลุม เขาสวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มปักด้วยสัญลักษณ์ที่อีธานไม่รู้จัก แต่บรรยากาศแห่งอำนาจรอบตัวเขานั้นไม่อาจปฏิเสธได้
“มาสเตอร์อาร์เวน” แบรนกล่าว พร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อย
ชายคนนั้นหันมาช้า ๆ ดวงตาที่แหลมคมของเขาส่องประกายในแสงจากคบเพลิงขณะที่เขาจ้องมองไปที่อีธาน สายตาของเขาคมกริบ เย็นชา และคำนวณ ราวกับว่าเขาวิเคราะห์อีธานได้ในทันที ริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มบาง ๆ แต่ไม่มีความอบอุ่นในนั้น
“งั้นนี่สินะ” อาร์เวนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “นี่คือคนที่ถูกทำรอยประทับแห่งเอลด์ริช”
หัวใจของอีธานเต้นผิดจังหวะ รอยประทับแห่งเอลด์ริชแผดเผาใต้ถุงมือของเขา และในชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกว่ารอยประทับนั้นตอบสนองต่ออาร์เวน ราวกับว่ามันรู้จักเขา
“ฉันรอคอยคนอย่างเธอมานานแล้ว” อาร์เวนพูดต่อ พร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาจับจ้องที่มือของอีธาน ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุถุงมือหนังที่ปิดบังรอยประทับนั้นได้
Sponsored Ads
“เธอไม่มีทางรู้หรอกว่าสิ่งที่เธอถืออยู่นั้นสำคัญแค่ไหน ใช่ไหม?”
อีธานกลืนน้ำลาย ความหนักอึ้งของรอยประทับกดทับเขา
“ฉันรู้พอที่อยากจะกำจัดมัน”
อาร์เวนหัวเราะเบา ๆ “กำจัด? เธอคิดว่าสิ่งนี้สามารถถูกเอาออกได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ?” เขายื่นมือออกมา นิ้วของเขาลอยอยู่เหนือมือที่สวมถุงมือของอีธาน “ไม่หรอก เด็กน้อย รอยประทับนั้นไม่ใช่แค่คำสาป มันคือกุญแจ”
“กุญแจ?” อีธานถามด้วยน้ำเสียงตึงเครียด “กุญแจไปสู่สิ่งใด?”
รอยยิ้มของอาร์เวนกว้างขึ้น และมีบางอย่างมืดมนแวบขึ้นในดวงตาของเขา
“กุญแจสู่พลัง สู่ความรู้ที่เกินกว่าสิ่งที่เธอเคยจินตนาการ”
แบรนขยับตัวอย่างไม่สบายใจอยู่ข้างอีธาน มือของเขาเลื่อนไปใกล้ด้ามดาบ
“เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเล่นคำถามคำตอบ อาร์เวน คุณจะช่วยเขาได้หรือไม่?”
สายตาของอาร์เวนเปลี่ยนไปมองแบรน และในชั่วขณะหนึ่ง มีประกายอันตรายแวบผ่านดวงตาของเขา แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มเย็นชาเช่นเดิม “ฉันช่วยเขาได้” อาร์เวนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่มันจะไม่ง่าย และจะไม่ปราศจากราคา”
Sponsored Ads
ท้องของอีธานปั่นป่วน เขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีราคาที่ต้องจ่าย แต่การได้ยินมันทำให้ความจริงหนักแน่นขึ้น
“ราคาคืออะไร?”
อาร์เวนหันหลังกลับและเดินไปที่โต๊ะ ที่ซึ่งเครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุกระจัดกระจายอยู่ท่ามกลางตำราที่เปิดออก “รอยประทับแห่งเอลด์ริชไม่ใช่สิ่งที่สามารถถูกตัดขาดได้ด้วยวิธีปกติ มันผูกติดกับตัวเธอ เชื่อมโยงกับแก่นแท้ของตัวเธอ การจะเอามันออก… จำเป็นต้องมีการเสียสละ ส่วนหนึ่งของตัวเธอ”
หัวใจของอีธานเต้นแรงอยู่ในอก “หมายความว่าไง?”
อาร์เวนหยิบขวดเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยของเหลวสีน้ำเงินที่หมุนวนอยู่ขึ้นมาและยกขึ้นส่องกับแสง
“มีการทดลองที่ฉันกำลังทำอยู่ การแปรธาตุที่อาจตัดการเชื่อมโยงระหว่างเธอและรอยประทับได้ แต่การทดลองนี้อันตราย พลังที่เราจะต้องเผชิญ… ไม่ใช่สิ่งที่จะควบคุมได้ง่าย ๆ หากเธอช่วยฉันทำการทดลองนี้จนสำเร็จ เธอก็อาจจะเป็นอิสระได้”
Sponsored Ads
กรามของแบรนขบแน่น “แล้วถ้าการทดลองล้มเหลว?”
อาร์เวนวางขวดลง สายตาจ้องมองไปที่อีธาน
“ถ้าอย่างนั้น รอยประทับจะกลืนกินเธอ”
ความเงียบที่ตามมานั้นทำให้รู้สึกอึดอัด อีธานรู้สึกถึงน้ำหนักของการตัดสินใจกดดันลงมาที่เขา รอยประทับเริ่มแผดเผารุนแรงขึ้นทุกขณะ เขาไม่เชื่อใจอาร์เวน ไม่ไว้ใจเต็มที่ แต่เขามีทางเลือกอะไรบ้าง? พวกนับถือลัทธิกำลังตามล่าเขา เครื่องหมายยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และเสียงกระซิบในหัวของเขาก็ยิ่งยากที่จะเพิกเฉย
“ฉันต้องทำอะไร?” อีธานถาม เสียงของเขาสงบแม้ว่าความกลัวจะกัดกินอยู่ข้างใน
รอยยิ้มของอาร์เวนกว้างขึ้น
“พรุ่งนี้เราจะเริ่มกัน”
Sponsored Ads