087-เมื่อใครบางคนเริ่มฟังเงา

พอเที่ยงวัน เว็บบอร์ดก็ได้บัญญัติศัพท์นี้ไว้แล้วว่า “Waterlight Effect”

บางคนบอกว่าเหมือนชื่อกลิ่นน้ำหอมยุค 90 บางคนว่าเหมือนโดนตบด้วยถุงมือกำมะหยี่ แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันคือ เพลง “ดาวบนผืนน้ำ” มันแรงกว่าที่ใครคาดไว้

Sponsored Ads

ไม่ใช่เพลงดัง ไม่ติดเทรนด์ แต่มันอยู่ และนั่นแหละ ที่ทำให้หลายคนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

“ไม่รู้ใครแต่งนะ” ดีเจคนหนึ่งพูดกลางรายการ FM Voice88 

“แต่ฮุกที่ร้องว่า ‘ไม่ใช่ดาวบนท้องฟ้า ไม่มีค่า เป็นได้แค่เงาของเขา เรื่อยไป’ มันไม่ได้แค่เฉือน แต่มันเปิดแผลเลยครับ”

บางคนเชื่อว่ามันคือคำตอบตรง ๆ ของเพลง “เจ้าหญิงคนต่อไป”

บางคนเรียกมันว่า “กับดักทางอารมณ์ของบอสสาว 

ส่วนพวกที่ยอมรับว่าคิดผิดไม่ได้ ก็ไปอีกทาง “เพลงนี้คือ การโต้แย้งฝั่งตรงข้ามที่ถูกจัดวางมาอย่างจงใจ เพื่อเรียกพื้นที่คืน”

ซึ่งฟังแล้วน่าขำดี เพราะสิ่งเดียวที่กรณ์ทำ ก็คือแค่เขียน

ในภาพภายนอก ไอรีไม่ได้ตอบโต้  เธอไม่ได้ทวีต (เพราะนี่คือปี 2544) ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ (เพราะไม่มีใครถาม)

เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้น

ในเฟรมกล้องรายการเคเบิลท้องถิ่น ร้องเพลงบนเวทีชุมชนหลังห้างสรรพสินค้าวิคตอรี่ ถือไมค์สายธรรมดา กับเสียงที่ไม่สั่นแม้แต่นิด

คอลัมน์ต่าง ๆ เริ่มนุ่มลง ไม่ใช่ทุกฉบับ แต่พอให้สังเกตได้

บางคนลบโพสต์เก่าเงียบ ๆ  บางคนใส่เชิงอรรถว่า “บทความนี้เขียนก่อนซิงเกิลล่าสุด” 

และบางคน แค่ไม่กี่คน ยอมรับว่า

บางที… แค่บางที… พวกเขาอาจประเมินเธอต่ำไป

หรือแย่กว่านั้น ฟังผิดเสียงตั้งแต่ต้น

คำว่า indie plant – ไม่ใช่อินดี้จริง” ยังโผล่อยู่ แต่ตอนนี้มันมาพร้อมคำใหม่

misidentified – รู้จักผิด”

และในกระทู้ใต้บทวิจารณ์ของ มโนสังคีต มีคอมเมนต์หนึ่งเขียนไว้

“เธออาจไม่ได้เป็นเสียงของใครเลยก็ได้…  แต่เธอคือตัวเธอเอง — ในที่สุด”

ที่ไหนสักแห่ง ระหว่างกระทู้สนทนาและคลื่นวิทยุ มือถือของเขาสั่นขึ้นหนึ่งครั้ง หน้าจอสว่างขึ้น  เงียบ เรียบ เล็ก

[SMS – Bank of New Siam]
เงินเข้า: ฿15,000.00
จาก: Phuengjai Music Co., Ltd.
รายละเอียด: Payment – Demo ดาวบนผืนน้ำ
ยอดเงินคงเหลือ: ฿552,942

ไม่มีกระดาษโปรย ไม่มีแสงไฟ แค่ตัวเลขหนึ่ง

เงียบ ๆ ยืนยันว่า บางถ้อยคำก็มีค่าพอจะจ่ายจริง ๆ

ที่ห้องเช่าอ่อนนุช กรณ์ไม่ได้ร่วมเฉลิมฉลอง เขาไม่ได้เปิดเว็บบอร์ด ไม่ได้ตอบอีเมล แค่กด play อีกครั้งบนเครื่องเทปเก่า ๆ เดโม ดาวบนผืนน้ำ ดังแผ่ว ๆ แต่สม่ำเสมอ

ลาเต้  ขดตัวครึ่งหนึ่งอยู่บนโต๊ะ มองเทปหมุนอย่างรู้ดีว่า ช่วงเวลาแบบนี้อยู่ไม่นาน แต่บางเสียงสะท้อน มันอยู่นานกว่าปรบมือ โดยเฉพาะเมื่อผืนน้ำ… ยังจำแสงได้

Sponsored Ads

———————

เสียงที่ไม่ต้องตะโกน

โทรศัพท์ดังตอนที่ฉันกำลังยกโมเด็มขึ้นสูงราวกับจะให้ศีลล้างบาปเข้าสู่ยุค DSL ฉันเอื้อมเท้ากดรับสาย ยังไม่ทันตั้งใจจะพูดก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเกินเหตุ

“มึงยังไม่เปลี่ยนพัดลมอีกเหรอ?” 

เสียงพี่ต้นกร้าวมาเหมือนแอมป์ที่ขัดสายไฟ

“หรือจะรอให้แมวมึงมันสปาร์คสายไฟจนกลายเป็นตำนานกลางห้องวะ?”

ฉันหัวเราะเบา ๆ “ลาเต้ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ… แต่พัดลมก็ยังตัวเดิม”

“ชัดเจนว่ามึงยังหมือนเดิม เขาว่า

“แล้วโทรมาประชันความชำรุดเหรอครับ?”

“โทรมาเอาเพลงใหม่โว้ย”

มาแล้ว แบบพี่ต้น ไม่อ้อม ไม่ถาม ไม่ทักทาย แค่ยิงตรงเหมือนปิ่นโตที่ไม่ผ่านการกรองคำ

“สำหรับวงพี่เหรอครับ?”

“วงกูนี่แหละไอ้สัส! หรือจะให้กูใส่วิกขึ้นเวทีไปโปรโมตสบู่ออร์แกนิก?”

เขาตอบเสียงห้วน “กูอยากปล่อยเพลงใหม่ แล้วกูก็อยากให้มึงแต่ง”

ฉันหยุดคิด “ทำไมต้องผม?”

“เพราะมึงไม่เขียนเพื่อให้คนชอบ มึงเขียนให้คนรู้สึก” 

แล้วเขาเติมมาเบา ๆ ว่า “แล้วเพลงล่าสุดของมึงอะ… แม่งเขย่าวงการวิจารณ์เหมือนกูเปิดสแตนด์บนหลังคารัฐสภา”

“ผมก็ไม่คิดว่ามันจะระเบิดแบบนั้นหรอกครับ”

“ก็เพราะมึงไม่คิดไง เลยตรง มึงไม่ใส่แอร์บรัช มึงไม่ทำเสียงให้หวาน — แล้วคนแม่งได้ยิน”

“แล้วอยากได้เพลงที่ตะโกนอีกเหรอครับ?”

“เปล่า”  เขาเกือบจะฟังดูขำด้วยซ้ำ 

“กูอยากได้เพลงที่ไม่ต้องตะโกน แต่แม่งทำคนทั้งห้องเงียบได้”

ฉันเกาหลังคอ หน้ากระดาษยังว่างเปล่า 

แต่เสียงพี่ต้น… มันทำให้มือฉันอยากหยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง

“ผมยังไม่มีไอเดียเลยนะพี่”

…แต่ดินสอก็อยู่ในมือแล้ว 

“มีหรือไม่มี มึงก็เขียนอยู่ดี — กูแค่โทรมาบอกว่า ถ้ามึงจะเริ่มเขียน… คิดถึงวงกูด้วย”

ฉันพยักหน้า แม้เขาจะมองไม่เห็น “ครับพี่”

“แล้วถ้ามึงแต่งเพลงให้ใครอีก กูก็ไม่ว่า…  แค่อย่าลืมว่าพวกกูยังอยู่ตรงนี้ — เล่นสดแบบเหงื่อท่วม ไม่ไลฟ์แบบเสียงพรีเซต”

แล้วเขาก็วางสาย ไม่มีคำลา  นั่นคือการจับมือของเขา

ฉันนั่งพิงเก้าอี้ มองเคอร์เซอร์กะพริบบนหน้ากระดาษว่าง บางครั้ง สิ่งที่ผลักให้เราเริ่มเขียนอีกครั้ง ไม่ใช่กำหนดส่ง ไม่ใช่ค่าจ้าง

แค่เสียงหนึ่ง ที่เตือนว่าเรายังเป็นใคร ก่อนจะเงียบตามโลก

Sponsored Ads

———————

ทีวีที่ไม่ได้ตั้งใจเปิด

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเปิดทีวี

มันแค่…เกิดขึ้นเอง นิ้วกดรีโมตไปก่อนที่สมองจะสั่ง เหมือนร่างกายต้องการเสียงอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ความคิดของตัวเอง

สายตาฉันไม่ได้จ้องจอด้วยซ้ำ จนกระทั่งเสียงของเธอเริ่มขึ้น

🎶 “ได้เจอครั้งสุดท้าย ตอนที่ดูรูปถ่าย และเมื่อหลับตาครั้งใด ยังเห็นเธอ 🎶

แล้วเปียโนที่ราวกับกำลังกล่อมความทรงจำไม่ให้ตื่น ฉันนิ่ง ไม่กระพริบตา 

ห้องเงียบตาม

ไม่มีฟุตเทจบนจอ มีแค่ภาพถนนซากุระกับกลีบดอกไม้ร่วง  เครดิตภาษาญี่ปุ่นเลื่อนขึ้นช้า ๆ ข้างจอ แปลอังกฤษไม่สมบูรณ์

Cards Capture: Sakura รีรัน ตอนที่ 12 ED

แน่นอน

โปรเจกต์ทดลองของ ToSi  ที่เอาเสียงของนีน่าไปใช้ประกอบแอนิเมะนำเข้า โดยไม่เปิดเผยชื่อ

เพลงที่ฉันเขียนไว้ตั้งแต่หลายเดือนก่อน เพลงที่ฉันคิดว่า…ไม่มีใครจะได้ยิน

🎶 “แม้เพลงนี้เธอไม่ได้ฟัง ทุก ๆ คำที่เคยบอกไว้ งดงามแม้ยิ่งห้ามใจ ฉันจำได้เสมอ 🎶

ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าขยับเข้าไปใกล้หน้าจอ จนเข่าชนโต๊ะเตี้ยตรงหน้า

เสียงของนีน่าไม่หวาน เธอไม่เคยพยายามให้มันหวาน แต่มัน อยู่ตรงนั้น เหมือนกับควันที่ไม่สนใจว่ามันจะลอยไปทางไหน

และเมื่อเธอขึ้นท่อนฮุก…

🎶 “ที่เธอเคยบอกฉัน อย่าร้องไห้ อยู่ให้ได้ถ้าเธอไม่อยู่ 🎶

…ลำคอฉันแน่นขึ้นเหมือนฉันเพิ่งจำได้ว่ารู้สึกอย่างไรที่ต้องสูญเสียบางสิ่งที่ฉันไม่เคยได้เอ่ยชื่อ

เธอไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว แค่เสียงนั้นก็พอ

รายการจบ จอกลับมาเป็นโฆษณาแชมพูที่ทำจากข้าวหมักและนวัตกรรมจากสหรัฐอเมริกา

ฉันกดปิดทีวี

ความเงียบกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้… มันนุ่มลง เหมือนความรู้สึกที่ไม่ได้ถูกห้ามอีกต่อไป

ฉันนั่งเอนหลัง หลับตา 

เพลงที่ฉันเขียนให้ และเสียง กับความรู้สึกที่ลืมไปว่า… เราเคยมีสิทธิ์รู้สึก

แล้วฉันก็เปิดสมุดอีกเล่มหนึ่ง ไม่ใช่เล่มบันทึกค่าลิขสิทธิ์ ไม่ใช่เล่มบันทึกตารางงาน แต่เล่มที่ถ้าไม่เขียน มันจะเจ็บเกินจะเก็บไว้เฉย ๆ

Sponsored Ads

———————

ไม่มีใครพูดชื่อ แต่ทุกคนมองหา

เครื่องแฟกซ์ดังขึ้นเบา ๆ ตอนเที่ยงคืนสี่สิบเอ็ด ช้ากว่าที่เคย แต่อยู่ในเวลาเดียวกับที่ไฟดวงสุดท้ายในออฟฟิศพึ่งใจเพิ่งปิดลง

ดุจดาววางแก้วกาแฟอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน

หัวกระดาษเขียนไว้ชัดเจน:

“การจัดลำดับเพลงวิทยุประจำสัปดาห์ – เครือฟังสากลร่วมไทย-สหรัฐ”

รายชื่อเพลงถูกเรียงไว้เป็นตาราง แต่ไม่มีชื่อ “ดาวบนผืนน้ำ” ไม่มีแม้แต่ “เจ้าหญิง”กลับเป็นเพลงจากศักดินาเรคคอร์ดที่ติดลิสต์ถึงสี่เพลง และทุกเพลงถูกรับเข้าระบบ ทันทีที่ปล่อย

ดุจดาวขมวดคิ้วข้างเดียว ไม่ได้แปลกใจมากนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องควรมองข้าม

ในทางเทคนิคแล้ว ทั้ง “เจ้าหญิง” และ “ดาวบนผืนน้ำ” เพลงทั้งสองมี metadata ครบ ไม่มีปัญหาสิทธิ์ ไม่มีข้อพิพาท  ชื่อผู้แต่งระบุชัดเจนว่า “ธนากร” ในทุกระบบ

แต่ถึงอย่างนั้น ไม่มีคลื่นวิทยุหลักใดหยิบไปเปิด

นี่ไม่ใช่การกีดกันแบบเปิดเผย  แต่เป็นสิ่งที่อ่อนนุ่มกว่า  และพบได้บ่อยเกินไปในระบบเสียงของ RB51

การ “ตั้งใจละเว้น” อย่างเงียบ ๆ ไม่ใช่เพราะเพลงไม่ดี  ไม่ใช่เพราะไม่ได้ลงทะเบียน แต่เพราะมัน “ไม่สะดวก”

ดุจดาวเคยเห็นกลวิธีแบบนี้มาหลายครั้ง

เพลงนี้พูดชัดเกินไป  เพลงที่บอกว่า “ไม่รอเจ้าชาย” เพลงนี้ใช้ประโยคว่า “ฉันรู้ว่าฉันคือใคร” โดยไม่ให้ใครรู้สึกว่าตัวเองยังอยู่เหนือ

เธอเปิดเว็บบอร์ดสาธารณะที่เคยใช้ดูแนวโน้ม  โพสต์ใหม่กำลังไต่ขึ้นสู่กระทู้ยอดนิยม

 “ใครแต่ง ‘ดาวบนผืนน้ำ’?” 

“เพลงนี้ดิบดี ไม่เห็นมีออกวิทยุเลย?” 

“ใครร้องคอรัสอยู่ข้างหลังตอนเดโม รั่วปะ…?”

ไม่มีใครตอบตรง ๆ  ไม่มีการปฏิเสธ ไม่มีการยืนยัน  มีแต่ความเคลื่อนไหวที่พอจะเรียกได้ว่าเป็น “สัญญาณของแรงสั่น”

ดุจดาวไม่ได้ตอบอะไร เธอแค่หยิบสมุดปกแข็งขึ้นมา แล้วเขียนบรรทัดหนึ่งไว้เงียบ ๆ

“เพลงที่พูดมากเกินไป อาจไม่ได้หายไปเพราะพูดผิด แต่อาจเพราะ ‘พูดจริง’ มากเกินไป”

เธอพลิกย้อนกลับไปดูบันทึกก่อนหน้า  รายชื่อเพลงที่เงียบหาย  ชื่อศิลปินที่ไม่มีซิงเกิลที่สอง  ชื่อที่หายไปจากโพสต์สาธารณะ แต่ยังสะท้อนอยู่ในห้องซ้อม

แล้วก็มาถึงไอรี สองเพลงในระบบ หนึ่งเดโมที่หลุด ศูนย์ครั้งออกอากาศ แต่มีพันแรงกระเพื่อมอยู่ใต้ผิวน้ำ

เธอกลับมาที่คอมพิวเตอร์  ไม่ใช่เพื่อโพสต์ ไม่ใช่เพื่อแฉ  แค่พิมพ์ข้อความสั้น ๆ  ส่งให้หนึ่งใน mod รุ่นเก่าของ มโนสังคีต

“ดูเวลาปล่อยข่าวให้ดี สังเกตว่าใคร ‘ไม่ได้’ แสดงความคิดเห็น แล้วจะรู้ว่าใครกำลังกังวล”

ไม่ต้องเอ่ยชื่อ ไม่ต้องพูดอะไรต่อ

เธอแค่โยนเหรียญลงบ่อน้ำในจังหวะที่เหมาะ แล้วให้เสียงกระเพื่อมเป็นคนพูดเอง

Sponsored Ads

หมายเหตุประเทศไทย เวอร์ชัน RB51

– ระบบ metadata ไม่สามารถปิดชื่อผู้แต่ง แต่ระบบจัดชั้นเพลงของสถานีวิทยุสามารถเลือก “ละเว้น” เพลงไม่เหมาะสมต่อกระแสหลักได้