เสียงกระซิบยังคงดังต่อเนื่องและชัดเจนขึ้น จนแม้แต่วิทยุต้องสาปบนโต๊ะของนาวินก็เหมือนจะส่งเสียงประท้วงออกมา “เอาล่ะ ธนา” นาวินพูดพร้อมกับนวดขมับ “พูดมาให้หมด นายทำอะไรลงไป?”
Sponsored Ads
ธนากระพริบตา เหงื่อเริ่มซึมบนหน้าผาก “ทำอะไรเหรอ? ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย! เอ่อ… ไม่จริงจังเท่าไหร่ หมายถึง…” เสียงของเขาค่อย ๆ เงียบลง พลางหลบสายตาจ้องเขม็งของนาวิน
“ธนา” นาวินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นี่เป็นโอกาสสุดท้าย ก่อนที่ฉันจะเอาเจ้าสิ่งที่กระซิบนั่นมาติดบนหน้าผากนาย แล้วปล่อยให้มันจัดการนายเอง”
“โอเค ๆ!” ธนาร้องออกมา พร้อมขุดบางอย่างออกมาจากกระเป๋า เขาดึงเหรียญทองเก่า ๆ ออกมา ซึ่งมีลวดลายประณีตสลักอยู่บนพื้นผิว มันแวววาวผิดธรรมชาติท่ามกลางแสงสลัวในร้าน
“นี่มันอะไร?” นาวินถาม พลางโน้มตัวเข้าไปใกล้
ธนาหน้าเหยเก “เหรียญเก่าจากห้องเก็บของในร้าน ฉันเจอมันเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วก็… เอ่อ… ยืมมาศึกษา”
“ศึกษา?” นาวินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ “เพราะนักวิจัยทุกคนมักจะไลฟ์สดเวลาขโมยของ?”
“ฉันไม่คิดว่ามันจะสำคัญขนาดนั้น!” ธนาพูดอย่างตั้งรับ “มันก็แค่วางอยู่เฉย ๆ จนมีฝุ่นจับ!”
เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้น บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้งกว่าเดิม กลิ่นโลหะและกำยานแผ่วจางในอากาศ แสงสีทองเริ่มก่อตัวขึ้นที่มุมหนึ่งของห้อง
Sponsored Ads
———————
เผชิญหน้ากับสิ่งเหนือธรรมชาติ
แสงนั้นสว่างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์เลือนลาง ดวงตาของวิญญาณเปล่งประกายด้วยพลังที่แม้แต่นาวินก็ต้องถอยอย่างระมัดระวัง
เสียงของวิญญาณนุ่มนวลแต่ทรงพลัง เหมือนเสียงระฆังที่ดังกังวาน [คืนสิ่งที่เอาไป]
ธนายกมือขึ้น โชว์เหรียญที่ถืออยู่ระหว่างนิ้วอย่างระมัดระวัง “ผมไม่ได้ขโมยนะ! ผมแค่ยืม! เพื่อ—”
“ศึกษา” นาวินพูดเสริมพร้อมกลอกตา “เราคุยกันเรื่องนี้ไปแล้ว”
วิญญาณเคลื่อนเข้ามาใกล้ ดวงตาจับจ้องไปที่เหรียญ มันดูโศกเศร้ามากกว่าน่ากลัว แม้ว่าเสียงกระซิบจะยังแฝงความโกรธอยู่ก็ตาม
นาวินกระแอมเบา ๆ ก่อนหยิบพระสมเด็จที่ห้อยคอออกมา แสงสีทองจากพระสมเด็จส่องออกมาอ่อน ๆ แผ่พลังสงบที่ช่วยให้แสงของวิญญาณนิ่งลง
“ให้ผมเดานะ” นาวินพูด “คุณเป็นพ่อค้าใช่ไหม?”
รูปร่างของวิญญาณสั่นไหวเหมือนแสดงการยอมรับ
“และผมเดาว่าเหรียญนี่สำคัญกับคุณมาก” นาวินพูดต่อ
เสียงกระซิบเปลี่ยนเป็นคำเพียงคำเดียว [โชคลาภ]
ธนากลืนน้ำลาย “โอเค ผมเข้าใจว่ามันดูแย่ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะขโมยโชคลาภของคุณนะ! ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันต้องสาป!”
แสงของวิญญาณสั่นไหว นาวินรู้สึกถึงความเศร้ามากกว่าความโกรธ “มันไม่ได้ต้องสาป” เขาพูดพลางหันมามองธนา “มันถูกผูกไว้ วิญญาณแบบนี้ไม่ยอมปล่อยสิ่งที่พวกเขาเสียชีวิตเพื่อปกป้อง เหรียญนี้กักขังมันไว้ที่นี่”
Sponsored Ads
———————
ปลดปล่อย
นาวินหยิบน้ำมนต์และสายสิญจน์จากโต๊ะทำงาน เขาพรมน้ำมนต์ไปรอบห้อง หยดน้ำสะท้อนแสงทองเป็นประกายอ่อน ๆ ชวนสงบ วิญญาณหยุดชั่วขณะ รูปร่างมันเริ่มสั่นไหว
“ฟังนะ” นาวินพูดกับวิญญาณโดยตรง “เหรียญนี้กลับมาอยู่ที่เดิมแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องผูกติดกับมันอีก ปล่อยวางเถอะ”
เขาใช้สายสิญจน์พันรอบเหรียญอย่างระมัดระวัง พร้อมท่องบทสวดเบา ๆ วิญญาณจ้องมองเหรียญตลอดเวลา เหมือนกำลังครุ่นคิดตามคำพูดของนาวิน
ในที่สุด วิญญาณก็ถอนหายใจแผ่วเบา คล้ายเสียงเพลง แสงของมันเริ่มจางลงก่อนที่จะค่อย ๆ หายไป คำกระซิบสุดท้ายดังขึ้นในร้าน [ขอบคุณ…ที่คืนโชคลาภของฉัน]
เมื่อวิญญาณสลายไป ความแวววาวผิดธรรมชาติของเหรียญก็หายไปด้วย เหลือเพียงเหรียญทองธรรมดา ธนาทรุดตัวลงพิงเคาน์เตอร์ ใบหน้าซีด “ฉันจะไม่แตะอะไรเงาแวววาวอีกแล้ว… ยกเว้นมันเป็นของกิน”
Sponsored Ads
———————
ฉากจบ
เช้าวันต่อมา ธนานำเหรียญกลับไปเก็บในห้องเก็บของของร้าน เขาแสดงละครใหญ่โตผ่านไลฟ์สด “โค้งสุดท้ายของฮีโร่” อ้างว่าเขาแก้ปัญหาทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
“และนี่คือวิธีที่ผมช่วยโลก!” เขาพูดอย่างโอ้อวด
แชตพากันแซะ:
– “โกหกทั้งเพ”
– “หมายถึงนาวินช่วยโลกต่างหาก”
– “แม่แกบังคับให้คืนใช่มั้ย?”
ก่อนที่ธนาจะตอบ แม่ของเขาก็ปรากฏตัวในแบ็กกราวด์ ยืนกอดอกพร้อมสายตาดุ “ธนา! กลับไปทำงานเดี๋ยวนี้!”
ไลฟ์สดตัดจบทันที เมื่อแม่ลากเขากลับไปที่เคาน์เตอร์ ทิ้งให้เหล่าผู้ชมขำกันลั่น
Sponsored Ads
———————
น่าตื่นเต้น
ที่ร้านของนาวิน ในที่สุดเขาก็มีช่วงเวลาเงียบสงบ หรืออย่างน้อยเขาก็คิดเช่นนั้น
ขณะที่เขากำลังจัดโต๊ะทำงาน สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแสงสีทองเล็ก ๆ สะท้อนอยู่ในมุมหนึ่ง หนึ่งในอุปกรณ์ไลฟ์สดของธนา ไมโครโฟนขนาดเล็ก ส่งแสงวูบไหวเหมือนกับเหรียญทอง
“ดีจริง” นาวินพึมพำ พลางกอดอก “แค่ไมโครโฟนผีสิง”
เขาถอนหายใจพร้อมนวดขมับ “มันยังไม่จบใช่ไหมเนี่ย?”
เสียงกระซิบของวิญญาณในเมืองดูเหมือนจะฮัมเบา ๆ ราวกับสัญญาว่าจะนำความวุ่นวายกลับมาอีกครั้ง
Sponsored Ads