NOVEL / The Signal Beyond the Veil · December 7, 2024 0

024- คาราโอเกะสุดหลอน (การแสดงครั้งสุดท้าย)

บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยความตึงเครียด ขณะที่ผมค่อย ๆ ผูกสายสิญจน์รอบขอบโต๊ะทำงานอย่างระมัดระวัง เส้นด้ายสีขาวเรืองแสงจาง ๆ ขณะที่ผมสวดมนต์เบา ๆ เพื่อเปิดใช้งานพลังป้องกัน ธนายืนอย่างกระวนกระวายอยู่ข้างเคาน์เตอร์ มือกำถุงข้าวสารเสกราวกับมันเป็นที่พึ่งเดียวของเขา

Sponsored Ads

“นี่จะกันไม่ให้สิ่งที่อยู่ในนั้นหลุดออกมา” ผมพูดขณะดึงสายสิญจน์ให้แน่น “แต่เรายังต้องตัดการเชื่อมโยงกับสัญลักษณ์ให้ได้”

“ยอดเยี่ยม” ธนาพึมพำ พร้อมส่งสายตาไปที่เครื่องคาราโอเกะ “แล้วเราจะทำแบบนั้นยังไงโดยไม่โดนเพลงหลอนฆ่าตาย?”

ผมไม่ตอบ ความสนใจของผมจดจ่ออยู่กับมีดหมอในมือ ใบมีดสลักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ผมโน้มตัวไปใกล้เครื่อง อากาศรอบ ๆ ดูเหมือนจะหนาแน่นขึ้น มีแรงต้านบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูกเข็มแทง

เครื่องส่งเสียงหวือเบา ๆ พร้อมทำงานโดยไม่ทันตั้งตัว หน้าจอกระพริบขึ้น พร้อมแสดงข้อความที่น่าขนลุก

[ร้อง…ให้ฉัน]

จากนั้นท่วงทำนองหลอน ๆ ที่บิดเบี้ยวจากเพลงไทยคลาสสิกก็ดังขึ้น ก้องไปทั่วร้านราวกับซิมโฟนีของผี ก่อนที่ผมจะทันทำอะไร ห้องก็พลันมืดลง และร่างเงาสลัว ๆ ก็ปรากฏขึ้นจากเครื่อง วิญญาณของผู้สร้าง—ร่างที่ผอมโซ ดวงตากลวงโบ๋ และรอยยิ้มบิดเบี้ยว—ยืนอยู่ตรงหน้าเรา เขาโบกไม้บาตองที่มองไม่เห็น ควบคุมท่วงทำนองหลอน ๆ ด้วยการเคลื่อนไหวที่แข็งกระด้างและน่ากลัว ไม้บาตองวิญญาณฟาดฟันผ่านอากาศ และเครื่องตอบสนองด้วยสัญลักษณ์ที่สว่างจ้าขึ้น

Sponsored Ads

———————

การบงการของวิญญาณ

วาทยกรเงาเบนความสนใจไปที่อีกี้ แฟนสาวของเอกที่เพิ่งมาถึงร้านหลังจากได้ยินเรื่องวุ่นวาย ดวงตาของเธอเบิกกว้างขณะที่วิญญาณยื่นมือไปหาเธอ ไมโครโฟนของเครื่องเลื่อนเข้ามาใกล้เธออย่างผิดธรรมชาติ

[ร้องเพลง]

วิญญาณพูดด้วยเสียงที่แฝงด้วยเสียงฮาร์โมนิกหลอน ๆ

[จงมอบความสมบูรณ์แบบให้ฉัน]

อีกี้ตัวแข็งทื่อ มือของเธอสั่นขณะที่ค่อย ๆ เอื้อมไปจับไมโครโฟน ราวกับถูกบังคับโดยพลังที่มองไม่เห็น ท่วงทำนองหลอน ๆ ดูเหมือนจะดึงเธอเข้าไป สัญลักษณ์บนเครื่องเต้นเป็นจังหวะไปพร้อมกับทุกก้าวที่เธอเดินเข้าไปใกล้

“อีกี้ อย่า!” เอกตะโกน พลางคว้าแขนเธอไว้ “มันเป็นกับดัก!”

รอยยิ้มของวิญญาณกว้างขึ้น และดนตรีก็ดังขึ้น ท่วงทำนองบิดเบี้ยวนั้นถักทอเป็นแรงดึงดูดที่แทบจะสะกดจิต

Sponsored Ads

———————

การทำลายกระแสพลัง

“วันนี้ไม่ใช่วันของแก” ผมพึมพำ พร้อมหยิบโทรศัพท์จากเคาน์เตอร์ แทนที่จะมัวหาเพลย์ลิสต์ ผมเปิดไฟล์เสียงของ พระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ—บทสวดศักดิ์สิทธิ์ที่ย่าของผมย้ำให้เก็บไว้เสมอ “อิมัสมิงมงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ ประสิทธิ จงมาเป็นกำแพง แก้วทั้งเจ็ดชั้น…” ทำนองสวดที่มั่นคงและมีจังหวะเริ่มเล่น ก้องกังวานด้วยพลังสงบที่ลึกซึ้ง

วิญญาณสะดุดกลางการบรรเลง รูปร่างโปร่งแสงของมันสั่นไหวเหมือนสัญญาณโทรทัศน์เก่าที่ผิดปกติ “นี่มัน… อะไร?” มันคำราม เสียงของมันบิดเบี้ยวเมื่อบทสวดศักดิ์สิทธิ์ปะทะกับทำนองหลอนที่แผ่ออกมาจากเครื่องคาราโอเกะ

บทสวดเติมเต็มห้อง ทุกวรรคตอกย้ำพลังปกป้อง สัญลักษณ์บนเครื่องเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ พลังมืดของมันพยายามดิ้นรนเพื่อรักษาอำนาจเมื่อถูกบทสวดขัดขวาง

ธนา ซึ่งเป็นตัวป่วนประจำกลุ่ม ตัดสินใจเพิ่มส่วนเสริมในแบบของเขา “ถ้าบทสวดช่วยได้ บางทีนี่อาจช่วยได้เหมือนกัน!” เขาเริ่มเต้น ฟาดแขนฟาดขาเหมือนไก่ที่ติดอยู่ในพายุลมแรง “ใครจะไปคิดว่าท่าเต้นสุดห่วยของฉันจะช่วยโลกได้!” เขาประกาศ การเคลื่อนไหวที่ไร้สาระของเขาทำให้แม้แต่วิญญาณยังหยุดนิ่งราวกับสับสนกับสิ่งที่มันเห็น

เครื่องคาราโอเกะสะดุด สัญลักษณ์ที่เคยทำงานสอดคล้องกันเริ่มจางลงเล็กน้อยเมื่อพลังงานที่ไม่เข้ากันรบกวนกระแส พลังมืดในตัววิญญาณเริ่มอ่อนกำลัง รูปร่างของมันเริ่มเลือนราง ขอบคมที่เคยปรากฏกลับอ่อนนุ่มลงภายใต้พลังของบทสวดและการรบกวนตลกขบขันของธนา

ผมฉวยโอกาสนี้ ย่อตัวลงข้างๆ เครื่อง มีดหมอในมือกำแน่น ขณะที่สวดเบา ๆ ผมเริ่มแกะสลักสัญลักษณ์ป้องกันลงบนตัวเครื่อง ทุกการลงมีดเปล่งแสงจาง ๆ อักขระศักดิ์สิทธิ์ที่สลักลงในโลหะค่อย ๆ ขับไล่พลังมืดที่ยังคงเหลืออยู่

ด้วยทุกสัญลักษณ์ที่เสร็จสิ้น เครื่องเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หน้าจอของมันกระพริบเป็นสีแดงและดำสลับกัน บทสวด พระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ ยังคงดังขึ้น ก้องกังวานไปทั่วร้าน ราวกับได้รับแรงสนับสนุนจากการสลักสัญลักษณ์ พลังงานที่กดดันในห้องหนาขึ้นชั่วขณะ ก่อนจะเริ่มลดลงและถอยห่างไปตามจังหวะของบทสวด

วิญญาณส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ รูปร่างของมันบิดเบี้ยวเหมือนพยายามหนี แต่พลังของบทสวดศักดิ์สิทธิ์ตรึงมันไว้ บังคับให้เผชิญกับแสงสว่างที่แผ่ออกมาจากมีดหมอและสัญลักษณ์ที่ผมแกะขึ้นใหม่

“อีกนิดเดียว” ผมพึมพำ ความสนใจจดจ่ออยู่กับการสลักเส้นสุดท้ายของรูปแบบป้องกัน

Sponsored Ads

———————

การเชื่อมต่อครั้งสุดท้าย

เมื่อผมสลักสัญลักษณ์สุดท้ายลง วิญญาณคำราม รูปร่างของมันขยายใหญ่และบิดเบี้ยว

[ศิลปะของฉันจะไม่มีวันตาย!]

มันตะโกน เสียงของมันสั่นสะเทือนทั่วร้าน

กำแพงสายสิญจน์ส่องแสงสว่างเจิดจ้า กักขังวิญญาณไว้ในขณะที่เครื่องเริ่มส่งเสียงแหลมสูง ผมยกมีดหมอขึ้นอีกครั้ง ฟันผ่านอากาศเหนือเครื่อง พร้อมสวดมนต์บทสุดท้าย

วิญญาณส่งเสียงกรีดร้อง เสียงนั้นค่อย ๆ แตกสลายเป็นเศษแสงที่กระจัดกระจายราวกับดวงดาวที่ร่วงหล่น เครื่องคาราโอเกะสะดุดและดับลง สัญลักษณ์จางหายไปจนหมด พลังงานชั่วร้ายที่เคยแผ่ซ่านหายไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่น่าขนลุก

Sponsored Ads

———————

เสียงหัวเราะโล่งใจ

ธนาทรุดตัวลงกับพื้น ปาดเหงื่อจากหน้าผาก “เราจะเผาเครื่องนั่นแน่ ๆ ใช่ไหม?” เขาถาม พร้อมรอยยิ้มที่ฉายออกมาทั้งที่ยังดูเหนื่อยล้า

“ยังไม่ใช่” ผมตอบ ขณะวางมีดหมอลง “เรายังต้องค้นหาว่ามีอะไรอยู่ในนั้น”

อีกี้ ซึ่งตอนนี้พ้นจากอิทธิพลของวิญญาณแล้ว กอดแขนเอกแน่น “ขอบคุณนะ” เธอพูดเบา ๆ เสียงสั่นเครือ “ฉันไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้า…”

“ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว” ผมบอกเธอด้วยน้ำเสียงมั่นคง “แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ”

Sponsored Ads

———————

น่าตื่นเต้น

ขณะที่ผมเก็บเครื่องมือ ผมสังเกตเห็นบางอย่างติดอยู่ในช่องหยอดเหรียญของเครื่องคาราโอเกะ เมื่อดึงออกมาดู มันคือสมุดบันทึกเก่าที่ถูกขยำและซีดจาง ปกสมุดดูสึกหรอ และหน้ากระดาษเต็มไปด้วยลายเส้นสัญลักษณ์และข้อความลึกลับที่เขียนด้วยลายมือของผู้สร้าง

ที่ด้านล่างของหน้าหนึ่ง มีข้อความที่น่าขนลุกว่า

[การแสดงแรกเป็นเพียงจุดเริ่มต้น]

ธนาเหลือบมองข้ามไหล่ผม อ่านข้อความออกเสียง “โอ้โห ช่างไม่ดูน่ากลัวเลยนะ”

ผมถอนหายใจ เก็บสมุดบันทึกใส่กระเป๋า “ดูเหมือนเราจะมีงานให้ทำอีก”

ตอนนี้ร้านเงียบสงบ แต่ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่านี่เป็นเพียงบทนำของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่รอเราอยู่

คาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ