บรรยากาศในร้านกลับมาเงียบสงบอีกครั้งหลังจากสัญลักษณ์สุดท้ายถูกทำลาย เครื่องคาราโอเกะที่เคยแผ่พลังงานอันตราย บัดนี้นอนแน่นิ่งอยู่บนโต๊ะทำงาน หน้าจอมืดสนิท กลไกหยุดการทำงาน อากาศที่เคยกดดันคลายลง แทนที่ด้วยความสงบอันเปราะบาง
Sponsored Ads
เอกนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าซีดเซียวแต่แสดงความโล่งใจ “จบแล้วใช่ไหม? เรื่องนี้จบแล้ว?”
“ตอนนี้นะ” ผมพูด พร้อมหยิบกล่องกักเก็บที่บุด้วยผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ “แต่ฉันจะไม่ประมาท เจ้าสิ่งนี้จะถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนา จนกว่าฉันจะคิดออกว่าควรจัดการกับมันยังไงถาวร”
อีกี้ ซึ่งพิงเคาน์เตอร์อยู่ ถอนหายใจยาว “ของแบบนี้ควรถูกล็อกไว้ตลอดไป ฉันเจอของหลอนมากพอแล้วในชีวิตนี้”
เอกมองดูขณะที่ผมค่อย ๆ เลื่อนเครื่องลงในกล่องและปิดผนึกแน่นหนา “นายกล้านะ ฉันไม่เข้าใกล้ของแบบนี้อีกเลย จากนี้ไปมีแค่มอเตอร์ไซค์กับพัสดุ ๆ ก็พอแล้ว”
“นั่นเป็นความคิดที่ดี” ผมตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปาก “อยู่กับสิ่งที่ไม่ร้องเพลงตอบกลับมาน่าจะปลอดภัยกว่า”
ธนา ที่ยังไม่วายฉวยโอกาส หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “ก่อนที่เราจะเก็บมันตลอดกาล เราต้องถ่ายเซลฟี่ฉลองชัยชนะนะ เพื่อระลึกถึงวันที่ฉันช่วยโลกไว้”
“นายแค่เต้น” ผมตอบเสียงเรียบ “แถมเต้นแบบพอถูไถ”
“ใช่แล้ว!” ธนาพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง “การเต้นแบบฮีโร่ เป็นศิลปะที่ถูกลืมไปแล้ว”
อีกี้หัวเราะเบา ๆ พร้อมส่ายหัว “ถ้านั่นเรียกว่าฮีโร่ ฉันไม่อยากรู้เลยว่าความล้มเหลวจะเป็นยังไง”
Sponsored Ads
ธนาโพสต์ท่าอย่างโอเวอร์ข้างกล่องกักเก็บ เอกที่เหนื่อยล้าเกินจะเถียงก็ยอมเข้าร่วมด้วยอย่างไม่เต็มใจ อีกี้กลอกตา แต่ก็ยืนเข้ากล้องพร้อมชูสองนิ้ว ผมยืนอยู่ข้าง ๆ กอดอก มองดูธนาถ่ายรูปด้วยท่าทีไม่อินเท่าไหร่
ทันทีที่ชัตเตอร์คลิก ไมโครโฟนในกล่องเกิดเสียงแทรกขึ้นมา เสียงกระซิบแผ่ว ๆ แต่ชัดเจนหลุดออกมา
[หา… ฉัน…]
ทั้งสี่คนหยุดนิ่ง เอกหน้าซีด ธนาท่าทีกร่างหายไปทันที และดวงตาของอีกี้เบิกกว้าง ผมรู้สึกถึงความหนักอึ้งที่คุ้นเคยในอก
“พรุ่งนี้เราเผามันแน่” ผมพึมพำพลางลูบหน้า
“เผาตอนนี้เลยได้ไหม?” เอกถามเสียงสั่น
ธนาหัวเราะเบา ๆ แต่ฟังดูประหม่า “บางทีฉันควรกลับไปร้องเพลงในห้องน้ำแค่นั้น พอแล้ว”
อีกี้เลิกคิ้วถามผม “เราแน่ใจเหรอว่าล็อกมันไว้พอ? เจ้าสิ่งนี้ดูไม่เหมือนจะยอมแพ้ง่าย ๆ เลย”
ผมถอนหายใจ พลางดึงกล่องเข้ามาใกล้ “ตอนนี้มันถูกกักไว้ แต่คืนนี้ฉันจะเพิ่มการป้องกัน และพรุ่งนี้…” ผมลังเลก่อนจะมองไปที่กล่องที่ปิดสนิท “เราค่อยมาดูกันว่าการเผามันจะเป็นคำตอบจริงไหม”
Sponsored Ads
———————
หลังเหตุการณ์
หลังจากทุกคนออกจากร้านไป ผมยังรู้สึกว่าคดีนี้ยังไม่จบจริง ๆ เครื่องคาราโอเกะเงียบลงแล้วก็จริง แต่เสียงกระซิบยังคงก้องอยู่ในหัว บางอย่างเกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่สลักอยู่บนเครื่องดูเหมือนจะมีเจตนาที่ลึกซึ้ง เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ใหญ่กว่านั้น
ความอยากรู้อยากเห็นเริ่มกัดกิน ผมเปิดกล่องกักเก็บอีกครั้ง คราวนี้โฟกัสไปที่ช่องหยอดเหรียญด้านล่าง มีบางอย่างติดอยู่ข้างใน—มันถูกขยำและเก่าเหลือง ด้วยความระมัดระวัง ผมหยิบสมุดบันทึกเก่าที่กรอบและขอบขาดออกมา
หน้ากระดาษข้างในเต็มไปด้วยลวดลายสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนและน่าขนลุก พร้อมบันทึกกระจัดกระจายเกี่ยวกับ “ความสะท้อนทางอารมณ์” และ “การแสดงที่สมบูรณ์แบบ” แต่สิ่งที่ทำให้ผมหยุดชะงักคือข้อความสุดท้ายที่เขียนไว้ว่า “โครงการ: ตู้เพลงคำสาป”
Sponsored Ads
ผมจ้องข้อความนั้น คำในหน้ากระดาษเริ่มพร่ามัวเมื่อความคิดในหัววิ่งวุ่น เครื่องคาราโอเกะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ใครก็ตามที่สร้างอุปกรณ์คำสาปพวกนี้ไม่ได้หยุดแค่ชิ้นเดียว
ผมปิดสมุดบันทึกด้วยความหนักใจ ก่อนจะหันไปมองกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน “แน่นอนว่ามันยังมีอีก” ผมพึมพำ “มันต้องมีอีกแน่ ๆ”
จากนั้นผมพลิกป้ายหน้าร้านเป็น “ปิดทำการ” และเอนหลังพิงเก้าอี้ มองขึ้นไปที่เพดาน พรุ่งนี้ผมจะจัดการกับเครื่องคาราโอเกะ—และความน่ากลัวใหม่ที่สมุดบันทึกเล่มนี้ชี้ทางไป
แต่ตอนนี้ ผมทำได้เพียงหวังว่าตู้เพลงคำสาปจะยังไม่ได้ถูกเสียบปลั๊กอยู่ที่ไหนสักแห่ง พร้อมรอผู้เล่นเพื่อการแสดงครั้งต่อไป…
Sponsored Ads