ผมกำลังดื่มกาแฟเย็นแก้วที่สองไปครึ่งแก้วเมื่อโทรศัพท์ของผมดังขึ้น
“นี่นาวินครับ” ผมรับสายด้วยความระมัดระวัง เพราะการโทรหลังพระอาทิตย์ตกมักไม่ได้หมายถึงงานง่าย ๆ
Sponsored Ads
เสียงทุ้มเล็ก ๆ แต่แหบพร่า ตอบกลับมาด้วยความเร่งด่วน “นาวิน นี่บอสหนู เจ้าของบาร์โฮสต์สาทรแท็ปรูม มีคนแนะนำคุณมา ผมต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับระบบ POS มัน…ไม่ปกติ”
“ไม่ปกติยังไง?” ผมถาม ขณะบีบสันจมูกด้วยความเหนื่อยใจ “มันค้าง หรือคิดเงินซ้ำเหรอ?”
มีเสียงหยุดไปครู่หนึ่งก่อนเขาจะตอบ “มันสร้างโปรไฟล์พนักงานขึ้นมา…ของคนที่ไม่ได้ทำงานที่นี่”
“ฟังดูแปลก แต่—”
“ไม่ คุณฟังนะ” บอสหนูพูดขัดจังหวะ “โปรไฟล์พวกนี้…มันสร้างขึ้นมาสำหรับคนที่หายตัวไป จากแถวนี้ในละแวกเดียวกัน”
ผมนั่งตัวตรงขึ้นทันที “คุณหมายความว่า รายชื่อพวกนี้ตรงกับคนที่หายตัวไป?”
“ใช่ แล้วมันพิมพ์ใบเสร็จประหลาด ๆ ออกมาด้วย อย่างเช่น ‘เช็กอินแล้ว แต่ไม่ได้เช็กเอาต์’ พนักงานผมไม่กล้าเข้าใกล้มัน และเอาจริง ๆ ผมก็อยากโยนมันลงแม่น้ำแล้วด้วย”
งานนี้ทำให้สัญชาตญาณเรื่องเหนือธรรมชาติของผมกระตุกขึ้นทันที แต่บอสหนูก็ทำให้มันน่าสนใจขึ้น “ผมจะจ่ายให้คุณสองเท่าของค่าจ้างปกติ ถ้าคุณจัดการเรื่องนี้ได้”
ผมถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ นึกเสียใจที่ต้องตอบรับ “ก็ได้ ผมจะไปดูให้”
Sponsored Ads
———————
ความประทับใจแรก
บาร์โฮสต์สาทรแท็ปรูม ดูมีเสน่ห์ดึงดูดในแวบแรก—พื้นไม้ขัดมัน ป้ายไฟนีออน และกลุ่มลูกค้าที่แต่งตัวดีเดินกันขวักไขว่ แต่ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในร้าน กลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เหมือนอากาศในร้านหนาแน่นผิดปกติ กดทับผิวหนังและส่งคำเตือนที่ไม่มีเสียง
บอสหนู—ชายร่างสูงวัยสี่สิบปลาย ๆ ผมสีดอกเลาที่ถูกเซ็ตอย่างเนี้ยบจนบอกได้ว่าเขาเคยเป็น “หนุ่มเจ้าสำราญ” กำลังยืนรออยู่ที่บาร์ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำที่รีดเรียบเป๊ะ แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล นิ้วมือเคาะเคาน์เตอร์ไม้ขัดมันด้วยความร้อนรน
“ตรงนี้” เขาพูด พลางชี้ไปที่ระบบ POS สีดำมันเงาที่ตั้งอยู่ใกล้เครื่องคิดเงิน มันดูทันสมัยเกินไปสำหรับบรรยากาศย้อนยุคของร้าน
“หรูดีนี่” ผมพูดขณะวางกระเป๋าลงข้างเครื่อง “มันทำค็อกเทลได้ด้วยหรือเปล่า?”
“ก่อนหน้านี้มันแค่รับออเดอร์” บอสหนูตอบด้วยเสียงต่ำ “ตอนนี้มันเริ่มรับรายชื่อคนแล้ว”
คำพูดนั้นเรียกความสนใจจากผมทันที ผมเปิดเครื่อง POS ขึ้นมา หน้าจอเรืองแสงด้วยอินเทอร์เฟซที่คมชัดของเครื่องราคาแพง ทุกอย่างดูปกติอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แต่แล้วหน้าจอก็กระพริบ ก่อนจะแสดงโปรไฟล์ใหม่ในฐานข้อมูลพนักงาน
[พีรวัฒน์ อายุ 23 ปี หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม]
ผมขมวดคิ้ว หันไปมองบอสหนู “นี่คือหนึ่งในคนที่หายตัวไปที่คุณพูดถึงใช่ไหม?”
เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด กลืนน้ำลายลงคอจนลูกกระเดือกขยับ “เขาหายไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ทำงานอยู่ที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม”
Sponsored Ads
ผมยังไม่ทันที่จะพูดอะไร เครื่อง POS ก็ส่งเสียงดัง วืด แล้วพิมพ์ใบเสร็จออกมาด้วยเสียง ชึ่บ
ผมหยิบมันขึ้นมาอ่านข้อความปริศนาที่พิมพ์อยู่บนกระดาษทำให้ผมขนลุก
[ลงเวลาเข้าแล้ว แต่ไม่ได้ลงเวลาออก เวลาที่บันทึก: 19:42 น.]
ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกเสียวสันหลังวาบ “บอสหนู ผมบอกได้เลยว่านี่ไม่ใช่แค่ปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ธรรมดา ๆ นี่มัน…บางอย่างที่มากกว่านั้น”
หนูขยับตัวอย่างอึดอัด ดวงตาของเขามองไปที่ระบบ POS เหมือนกลัวว่ามันจะกระโจนใส่เขาได้ “คุณซ่อมมันได้ไหม?”
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับ” ผมตอบ พลางพับใบเสร็จและเก็บใส่กระเป๋า “ก่อนอื่น ผมต้องรันการวินิจฉัย หมายถึงต้องรื้อเครื่องนี้ออกและตรวจสอบอย่างละเอียด นั่นจะมีค่าบริการขั้นพื้นฐาน”
“เท่าไหร่?”
ผมเอียงหัว ประเมินสถานการณ์—และความสิ้นหวังของบอสหนูที่เห็นได้ชัด “ห้าพันบาท เป็นราคาเริ่มต้น ถ้าปรากฏว่ามันเป็นอะไรที่…ผิดปกติมากกว่านี้ เราคงต้องคุยกันใหม่เรื่องค่าใช้จ่าย”
ไหล่ของบอสหนูห่อลงเล็กน้อย แต่เขาก็พยักหน้า “ได้ เอาเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่จัดการให้จบ”
ผมวางมือลงบนเครื่อง POS ผิวสัมผัสของมันอุ่นกว่าที่ควรจะเป็น เหมือนมันมีชีวิต
“โอเค มาดูกันว่าเรากำลังเจอกับอะไร”
ขณะที่ผมเตรียมเครื่องมือ ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวในท้องผม มันไม่ใช่แค่เครื่องเสียธรรมดา แต่เหมือนมันกำลังจ้องมอง รอคอย และสิ่งที่ทำให้มันเสียหาย…ยังไม่หยุดแค่นี้แน่ ๆ
Sponsored Ads
———————
เหตุการณ์ประหลาด
ขณะที่ผมกำลังตรวจสอบระบบ หน้าจอก็กระพริบอีกครั้ง คราวนี้มันแสดงภาพลาง ๆ ที่เหมือนรูปร่างของคน มันดูเหมือนสัญญาณรบกวนมากกว่าจะเป็นรูปร่างชัดเจน แต่ก็พอจะทำให้ขนที่ท้ายทอยผมลุกซู่ได้
ตัวเครื่องปล่อยคลื่นความร้อนอ่อน ๆ ออกมา คล้ายกับว่ามันมีชีวิตและกำลังหายใจ
“รู้สึกอะไรไหม?” ผมหันไปถามบอสหนู
“ผมไม่แตะมันหรอก” เขาตอบทันที ถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว “มันต้องมีคำสาปอะไรแน่ ๆ คุณนั่นแหละเป็นช่างซ่อมไม่ใช่เหรอ?”
ผมพึมพำเบา ๆ แล้วล้วงกระเป๋าหยิบกระจกส่องวิญญาณของย่าน้อยออกมา ผมยกมันขึ้นเหนือเครื่อง POS แล้วปรับมุมจนกระจกสะท้อนหน้าจอ
รูปร่างที่บิดเบือนในจอกลับดูคมชัดขึ้นในเงาสะท้อน—ใบหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่ง แววตาและสีหน้าของเขาแข็งค้างราวกับถูกหยุดไว้ด้วยความกลัว
เสียงของบอสหนูตึงเครียด “นั่น…นั่นคือพีรวัฒน์ ผมจำเขาได้”
อากาศรอบ ๆ ตัวเครื่องเริ่มเย็นลง เสียงกระซิบเบา ๆ ดังลอดออกมาจากลำโพง
[อีกคนเดียว…แค่คนเดียว]
Sponsored Ads
———————
อดีตหวนคืน
ผมปิดเครื่อง POS แล้วหันไปถามบอสหนู “คุณได้เครื่องนี้มาจากไหน?”
เขาชะงักและเกาที่หลังคออย่างประหม่า “เจ้าของบาร์คนก่อนเขาขายมันให้ผมราคาถูก บอกว่าเป็น ‘ของนำเข้าพิเศษ มีฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร’”
“ฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร” ผมทวนคำด้วยน้ำเสียงแห้ง ๆ “อย่างเช่นการดูดวิญญาณของเพื่อนบ้านคุณ?”
บอสหนูครางออกมาอย่างอ่อนใจ “ผมไม่รู้จริง ๆ มันดูหรูดี แล้วมันก็ทำงานปกติจนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วนี่แหละ”
“แน่นอน” ผมพึมพำ พลางหันกลับไปดูเครื่องอีกครั้ง ผมเปิดเครื่องขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เชื่อมต่อเข้ากับแล็ปท็อปเพื่อรันการวินิจฉัย ซอฟต์แวร์ในระบบถูกเข้ารหัสไว้หลายชั้น ซึ่งดูไม่มีเหตุผลเลยสำหรับเครื่อง POS ธรรมดา—มันเกินความจำเป็นไปมากสำหรับแค่ระบบคิดเงินเครื่องดื่มและทิป
ขณะที่ผมเจาะลึกเข้าไปในระบบ หน้าจอของแล็ปท็อปกลับดับลง และเครื่อง POS ก็กะพริบสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
[ช่วยพวกเรา]
คำเหล่านี้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ตัวอักษรหนาและหยักเหมือนรอยขีดเขียนด้วยความเร่งรีบ
[อีกคนเดียวเท่านั้น]
อุณหภูมิในบาร์ลดฮวบ เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบา ๆ ราวกับมีใครเดินอยู่ แม้จะไม่มีใครขยับตัวเลยก็ตาม
Sponsored Ads
———————
น่าตื่นเต้น
ผมเอื้อมมือไปหยิบน้ำมนต์จากในกระเป๋า เตรียมจะวาดวงกลมป้องกัน ทันใดนั้นเครื่อง POS ก็เริ่มส่งเสียงฮัมต่ำ ๆ ซึ่งก้องกังวานจนขวดเหล้าบนบาร์สั่นสะเทือน
หน้าจอของมันกระพริบอีกครั้ง คราวนี้แสดงตัวเลขนับถอยหลัง
[กะสุดท้ายเริ่มในอีก 24 ชั่วโมง]
“บอสหนู” ผมพูดด้วยเสียงมั่นคง แม้ความตึงเครียดรอบตัวจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ “คุณอาจต้องยกเลิกการจองของพรุ่งนี้ ผมบอกได้เลยว่านี่ไม่ใช่แค่ระบบที่ถูกผีสิง แต่นี่มันกับดัก”
บอสหนูหน้าซีด เขาจับขอบบาร์ไว้แน่น “แล้วเราจะทำยังไง?”
ผมหันไปมองกระจกส่องวิญญาณซึ่งตอนนี้แสดงภาพใบหน้ามากมาย—หลายสิบใบหน้า ทั้งหมดกำลังจ้องมองผมจากอีกด้านหนึ่งของกระจก
“เราต้องหาว่าใครเป็นคนวางกับดักนี้” ผมพูดเสียงเครียด ขณะเก็บเครื่องมือกลับเข้ากระเป๋า “และหยุดพวกมัน ก่อนที่เครื่องนี่จะเอาใครไปอีก”
แต่แม้จะพูดแบบนั้น คำว่า “อีกคนเดียวเท่านั้น” ที่ดังก้องในอากาศยังทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า เราอาจจะมาช้าเกินไปแล้ว…