NOVEL / The Signal Beyond the Veil · January 24, 2025 0

068-ยอดคงเหลือเป็นศูนย์ (ห้วงลึกเปิดออก)

บาร์กลายเป็นสนามรบ อากาศรอบตัวเต็มไปด้วยพลังงานหนาแน่นจนเหมือนมีชีวิต สั่นสะเทือนเป็นจังหวะที่ไม่ควรอยู่ในโลกนี้ เงามืดหมุนวนรอบบาร์ พุ่งเข้าหาช่องรอยแยกที่ขยายตัวอยู่ตรงเครื่อง POS พวกมันบิดเบี้ยว ทุกรูปร่างยิ่งแปลกประหลาดและน่าขยะแขยงขึ้นเรื่อย ๆ แขนขาที่กึ่งเป็นรูปร่างกรีดกรายราวกับต้องการฉีกความเป็นจริง

Sponsored Ads

“บอสหนู หมอบไว้!” ผมตะโกนพลางจับมีดหมอแน่น ขณะที่ถอยไปที่เคาน์เตอร์

หน้าจอ POS เรืองแสงสว่างขึ้นเรื่อย ๆ สัญลักษณ์บนหน้าจอเต้นเป็นจังหวะเหมือนการเต้นของหัวใจ เงามืดดูเหมือนจะดูดซับแสงนั้นเข้าไป ทำให้พวกมันขยายใหญ่ขึ้น เคลื่อนไหวหนักแน่นมากขึ้น

และแล้วมันก็มาถึง

ห้วงลึก

มันไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิต มันคือความว่างเปล่าที่ไร้สิ่งใดจะอธิบายได้ ร่างประหลาดที่เต็มไปด้วยแขนขาหลายข้าง เคลื่อนเข้ามาในพื้นที่ รูปร่างของมันบิดเบี้ยวและก่อตัวใหม่ซ้ำ ๆ เหมือนภาพที่เสียหายกำลังโหลดช้า ๆ อากาศรอบตัวหนักหน่วงและกดดันจนผมหายใจติดขัด

“ได้เวลาเรียกตัวช่วยแล้วล่ะ” ผมพึมพำ ขณะหยิบควายธนูออกจากกระเป๋า

เครื่องรางควายธนูเปล่งแสงสีทองอ่อน ๆ ในมือของผม รูปร่างที่แกะสลักอย่างปราณีตให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อสัมผัส ผมรวบรวมสมาธิแล้วท่องบทสวดที่ย่าน้อยเคยสอน

เครื่องรางก็ลุกโชนขึ้นเรืองแสงอย่างเจิดจ้า วิญญาณควายธนูพุ่งออกมาจากเครื่องรางอย่างทรงพลัง

ควายธนูปรากฏตัวในอากาศ ร่างเรืองแสงใหญ่โตเหมือนบางสิ่งที่ดึงมาจากเทวสถานในยุคโบราณ มันดูสง่างาม พร้อมด้วยเขาที่แหลมคมและดวงตาที่ส่องแสงพลังศักดิ์สิทธิ์

สิ่งมีชีวิตจากห้วงลึกหยุดนิ่ง แขนขาหลายข้างสั่นไหวเหมือนกำลังประเมินคู่ต่อสู้ตัวใหม่ แล้วมันก็พุ่งเข้าใส่

ควายธนูพุ่งเข้าใส่ เขาของมันเรืองแสง ขณะพุ่งชนเข้าที่ร่างของสิ่งมีชีวิตนั้น แรงกระแทกส่งคลื่นกระแทกสะท้อนไปทั่วบาร์ เก้าอี้และโต๊ะล้มระเนระนาด เสียงกรีดร้องของสิ่งมีชีวิตจากห้วงลึกดังขึ้น รูปร่างของมันบิดเบี้ยวเมื่อแสงสีทองของควายธนูผลักมันออกไปชั่วขณะ

แต่ความสงบชั่วคราวนั้นอยู่ได้ไม่นาน สิ่งมีชีวิตจากห้วงลึกพุ่งกลับมาอีกครั้ง แขนขาของมันกรีดกรายอากาศ สร้างรอยแยกขรุขระในความเป็นจริงที่รั่วไหลความมืดออกมา

“ไม่ดีแน่” ผมพึมพำ

Sponsored Ads

———————

ผู้บัญชาการหลิน

ในขณะที่ควายธนูกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตจากห้วงลึกอีกครั้ง เสียงฝีเท้าหนัก ๆ บนทางเท้าด้านนอกก็ดึงผมออกจากภวังค์ ประตูบาร์เปิดผางออก และผู้บัญชาการหลินก็ก้าวเข้ามา พร้อมกับหน่วยม่าน (Veil Unit) ของเธอ ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาดูเฉียบคมและเปี่ยมไปด้วยจุดมุ่งหมาย

สายตาเฉียบคมของหลินกวาดมองทั่วทั้งฉาก—เงาที่บิดเบี้ยว ควายธนูที่เปล่งแสง และผมที่พยายามเอาชีวิตรอดให้ได้

“นาวิน” เธอตะโกนเสียงเฉียบขาด “ครั้งนี้คุณทำเกินไปหน่อยแล้วนะ”

“ดีใจที่มาทันเวลานะ ผู้บัญชาการ” ผมตะโกนกลับ ขณะหลบแขนกรงเล็บที่เฉียดพื้นตรงที่ผมยืนอยู่เมื่อครู่ “แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณมาถึงก่อนห้านาที”

ผู้บัญชาการหลินไม่ตอบ เธอหันไปสั่งการทีมของเธอแทน “ติดตั้งเขตกักกันเดี๋ยวนี้”

หน่วยม่านเคลื่อนไหวพร้อมเพรียงกัน พวกเขาวางหมุดปิดผนึกที่เปล่งแสงรอบขอบเขตของบาร์ หมุดปิดผนึกเหล่านั้นปล่อยสนามพลังงานสั่นไหวที่เริ่มปิดล้อมสิ่งมีชีวิตจากห้วงลึกไว้ในโดมแสงที่เปล่งประกายระยิบระยับ

ในขณะเดียวกัน หลินก็ชี้ไปยังปลายอีกด้านของบาร์ ที่ซึ่งชายลัทธิกำลังพยายามหลบหนี “จับตัวเขามา!”

หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของเธอพุ่งเข้าไปจับตัวชายลัทธิไว้ทันที ขณะที่เขาเกือบถึงประตู พวกเขากดตัวเขาลงกับพื้น ชายคนนั้นดิ้นรนพลางพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ออก แต่การสาดน้ำมนต์ใส่เขาก็ทำให้เงียบลงได้ทันที

“คุณไม่มีทางไปไหนได้ทั้งนั้น” หลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

Sponsored Ads

———————

สู่ห้วงลึก

แม้จะมีเขตกักกัน สิ่งมีชีวิตจากห้วงลึกก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ ร่างของมันเต้นเป็นจังหวะและขยายใหญ่ขึ้น แขนขาที่บิดเบี้ยวของมันพยายามทดสอบขอบเขตของเขตกักกัน รอยร้าวเริ่มปรากฏขึ้น และพลังงานกดดันในห้องก็เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง

“นาวิน!” เสียงของหลินดังตัดผ่านความโกลาหล “จะทำอะไรก็รีบทำตอนนี้!”

“ไม่มีความกดดันเลยจริง ๆ” ผมบ่นกับตัวเองพลางวิ่งไปที่เครื่อง POS

สัญลักษณ์บนหน้าจอสว่างจ้า พลังงานของมันกำลังหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตนั้น ผมดึงมีดหมอออกมาแล้วเริ่มแกะสลักยันต์ขัดขวางลงบนตัวเครื่อง โลหะที่ถูกแกะเกิดประกายไฟทุกครั้งที่ใบมีดตัดผ่านพื้นผิวที่ถูกความชั่วร้ายแปดเปื้อน

สิ่งมีชีวิตนั้นกรีดร้อง ร่างของมันบิดเบี้ยวรุนแรงขึ้นเมื่อการเชื่อมต่อระหว่างมันกับเครื่อง POS เริ่มอ่อนแอลง แต่ยังไม่เพียงพอ

“หลิน! ผมต้องการเวลาอีกหน่อย!”

กรามของหลินขบแน่น “หน่วยม่าน! เสริมพลังงานเขตกักกัน!”

ทีมของเธอปรับอุปกรณ์ เติมพลังงานให้สนามพลังงานเขตกักกันจนแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น บีบให้สิ่งมีชีวิตถอยกลับเล็กน้อย

ผมสูดลมหายใจลึก ก่อนจะกดมีดหมอลงบนจุดศูนย์กลางของสัญลักษณ์บนเครื่องและท่องบทสวดครั้งสุดท้าย ใบมีดเรืองแสง และยันต์ขัดขวางที่ถูกสลักก็ส่องแสงสว่างพวยพุ่ง ส่งคลื่นพลังผ่านเครื่อง POS

หน้าจอแตกกระจาย สัญลักษณ์ค่อยๆ สลายหายไป สิ่งมีชีวิตนั้นส่งเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างของมันจะยุบตัวลง ถูกดึงกลับไปยังเหวลึกที่มันมาจาก

บาร์กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง

Sponsored Ads

———————

คำเตือน

แสงสีทองของควายธนูค่อยๆ จางหายไป และเครื่องรางในมือผมกลับคืนสู่สภาพเดิม รอบ ๆ ตัวเรา บาร์ที่กลายเป็นซากปรักหักพัง—โต๊ะเก้าอี้พลิกคว่ำ รอยไหม้ดำบนผนัง และความเย็นยะเยือกจากเหวลึกยังคงเกาะติดในอากาศ

ผู้บัญชาการหลินก้าวไปข้างหน้า สายตาของเธอไล่สำรวจความเสียหายด้วยท่าทีเยือกเย็นตามแบบฉบับ “เกือบไปแล้ว” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่ง แม้บรรยากาศรอบตัวจะยังคงหนักอึ้ง

ผมพยักหน้า เช็ดเหงื่อที่หยดลงใบหน้า “เกือบไปจริงๆ ถ้าผมไม่ทัน…”

“แต่คุณก็ทำได้” เธอพูดขัด น้ำเสียงหนักแน่นตัดโอกาสทุกคำแก้ตัว

ผมเลิกคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”

เธอชี้ไปทางชายลัทธิที่ถูกจับและคุกเข่าอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่หน่วยม่านสองคน เขาถูกมัดข้อมือด้วยพันธนาการเรืองแสงที่เปล่งประกายจากอักขระป้องกัน แต่รอยยิ้มของเขากลับน่าขนลุก มันไม่ใช่สีหน้าของคนที่ล้มเหลว

“การทดลองของพวกเขาเกี่ยวกับพิธีกรรมดิจิทัลจะไม่หยุดอยู่แค่นี้” ผู้บัญชาการหลินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “นี่เป็นแค่การทดลอง สิ่งที่พวกเขาวางแผนต่อไปจะใหญ่กว่า—และอันตรายกว่า”

ขณะที่คำพูดของเธอจมลึกลงในใจผม สายตาของผมสะดุดกับแสงเรืองจางๆ จากเศษหน้าจอ POS ที่แตกละเอียด ท่ามกลางเศษกระจก คำหนึ่งถูกเผาไหม้ลงไปบนพื้นผิวอย่างเด่นชัด

[โอบรับความว่างเปล่า]

ผมกลืนน้ำลาย ข่มความกังวลที่เริ่มก่อตัวในอก ขณะที่กำมีดหมอในมือแน่นขึ้น นัยยะสำคัญของมันชัดเจน ชายลัทธิไม่ได้แค่ทดลองกับวิญญาณ แต่พวกเขากำลังผลักดันขอบเขต เปลี่ยนวิธีการของพวกเขา และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป คงไม่สามารถควบคุมได้ด้วยบาร์เล็ก ๆ หรือเครื่องรางเรืองแสงไม่กี่อัน

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะทุ้มต่ำและแหบพร่าดังขึ้น ทำลายความเงียบอันหนักอึ้งในห้อง

Sponsored Ads

———————

เขาจะกลับมา

หัวของชายลัทธิเงยขึ้น รอยยิ้มเยาะเย้ยของเขาขยายเป็นรอยยิ้มที่ดุร้ายบ้าคลั่ง ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงที่ไม่ใช่ของมนุษย์ ขณะที่เขาเอ่ยปากพูด เสียงของเขาแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความคลั่งไคล้

“พวกเจ้าคิดว่าชนะแล้วงั้นหรือ? นี่มันแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น” เขาพ่นคำพูดออกมาอย่างเจ็บแค้น “ครูบาสวรรค์จะกลับมา ภาคีแห่งความสงบอันเป็นนิรันดร์ไม่มีวันหยุดยั้งได้”

สีหน้าของหลินแข็งกร้าวขึ้น “ครูบาสวรรค์?”

ชายลัทธิหัวเราะ เสียงของเขาสั่นด้วยความศรัทธาและความคลุ้มคลั่ง “ผู้ที่จะรวมโลกดิจิทัลและโลกนิรันดร์เป็นหนึ่งเดียว โอบรับความว่างเปล่าจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น พวกเจ้ากำลังต่อสู้กับกระแสน้ำ และอีกไม่นานพวกเจ้าจะจมอยู่ในนั้น”

“อย่างนั้นเหรอ?” ผู้บัญชาการหลินกล่าวเสียงเย็นชา พลางก้าวเข้าไปใกล้ เสียงบูทของเธอกระทบพื้นไหม้จนเกิดเสียงสะท้อน เธอยืนค้ำหัวเขา “คุณคิดว่าอยู่ในฐานะที่จะข่มขู่ได้งั้นหรือ?”

ชายลัทธิแสยะยิ้ม “เจ้าคิดว่าสิ่งพันธนาการนี่จะกักขังข้าได้หรือ? หน่วยกระจอกๆ ของเจ้าคิดจะหยุดสิ่งที่กำลังเคลื่อนตัวไปแล้วหรือ? การกลับมาของครูบาสวรรค์นั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ม่านระหว่างโลกกำลังบางลง และอีกไม่นาน—”

เขาไม่ได้พูดจบ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของหลินใช้น้ำมนต์เทราดลงบนหน้าผากของเขาอย่างรวดเร็ว น้ำมนต์ส่งเสียงดังฟู่เมื่อสัมผัสผิวหนัง ชายลัทธิส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ ในลำคอ ก่อนจะทรุดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

“จัดการได้ดี” ผมพึมพำ พลางมองร่างที่ถูกพันธนาการด้วยสายตาระแวดระวัง “แต่เขาพูดถูกเรื่องหนึ่ง”

หลินหันมามองผม คิ้วข้างหนึ่งของเธอยกขึ้นเล็กน้อย “เรื่องอะไร?”

“ปฏิบัติการนี้… มันไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม เขาพูดถึงครูบาสวรรค์ด้วยเหตุผลบางอย่าง นี่ไม่ใช่แค่การทดลองพิธีกรรม แต่พวกเขากำลังสร้างบางสิ่งบางอย่าง”

ผมรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เรื่องนี้ยังไม่จบ มันยังไม่จบเพียงแค่นั้น