ห้างสรรพสินค้าเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แสงไฟสว่างไสวและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของซินนามอนโรลลอยฟุ้งในอากาศมาเตะจมูก ผมกลับกำลังขมวดคิ้วจ้องแผนที่ของฟู้ดคอร์ท พยายามตามหาซุ้มสมูทตี้ที่ธนาแนะนำอย่างจริงจังว่า “ต้องลองให้ได้”
Sponsored Ads
“กินให้ดีขึ้นหน่อยเถอะ” เขาบอก “ร่างกายของนายจะขอบคุณเอง”
ผมไม่ค่อยเชื่อคำพูดนั้นนัก ขณะที่สายตามองไปรอบ ๆ หลีกเลี่ยงวัยรุ่นที่จ้องจอโทรศัพท์และพ่อแม่ที่พยายามรับมือทั้งลูก ๆ และถุงช้อปปิ้ง ดูยังไงนี่ก็ไม่ใช่พื้นที่ที่ผมคุ้นเคย
ขณะที่ผมเลี้ยวตรงหัวมุม สายตาก็สะดุดกับหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้บันไดเลื่อน เธอดูซีดเซียว ดวงตาเหมือนไม่มีจุดโฟกัส ราวกับว่าเธอไม่ได้หลับมาหลายสัปดาห์ แล้วจู่ ๆ เธอก็โอนเอนก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างกะทันหัน
สัญชาตญาณเตะผมทันที ผมรีบวิ่งไปที่เธอ “เฮ้! คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ลมหายใจของเธอสั้นและไม่สม่ำเสมอ มือของเธอสั่นระริกขณะกำบางสิ่งที่เป็นโลหะไว้แน่น ผมค่อย ๆ แกะออกจากมือของเธอ เป็นแหวนสุขภาพอัจฉริยะที่ดูเรียบหรู สะท้อนแสงไฟฟลูออเรสเซนต์แวววาว
ทันทีที่ผมแตะมัน รู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนแผ่วเบาที่ปลายนิ้ว ราวกับว่ามีบางอย่างไม่ปกติ
“คุณ…” ผมเริ่มพูด แต่ดวงตาของเธอก็เบิกโพลง สายตาวาววับและดูคล้ายจะเสียสติ
“เสียงกระซิบ…” เธอพูดอย่างแผ่วเบา แต่ชัดเจนพอให้ผมขนลุก
“มันดังขึ้นเรื่อย ๆ…”
Sponsored Ads
———————
แหวนสุขภาพอัจฉริยะ
ด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในห้าง ผมพาหญิงสาวคนนั้นไปนั่งที่ม้านั่ง เธอดูซีดสั่นและหายใจหอบเหมือนกำลังจะหมดสติ หลังจากพักหายใจสักครู่ เธอก็แนะนำตัวว่า น้ำเป็นผู้บริหารฝ่ายการตลาดที่ดูเหมือนจะใช้ชีวิตแบบหมดแรงมาหลายสัปดาห์
“ฉันไม่เป็นไร” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าเชื่อ พลางพยายามปัดมือเจ้าหน้าที่ออก แต่แล้วเธอก็จับแขนผมไว้แน่น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว “ไม่หรอก… จริง ๆ แล้ว… ฉันไม่โอเคเลย แหวนวงนี้ต่างหาก มันกำลัง… กำลังทำอะไรบางอย่างกับฉัน”
“เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ ก่อน” ผมพูด พลางย่อตัวลงให้อยู่ในระดับสายตาเธอ “มันทำอะไรกับคุณ?”
เธอลังเลก่อนจะตอบด้วยเสียงสั่น “ตอนแรกมันก็ปกติดี ดีมากด้วยซ้ำ มันช่วยวัดการเดิน อัตราการเต้นของหัวใจ แถมยังแนะนำให้หายใจผ่อนคลายเวลาเครียดอีก แต่หลังจากนั้น…” เสียงของเธอขาดหายไปขณะที่สายตาจับจ้องไปที่แหวนสีดำเงาบนนิ้วของเธอ “มันเริ่ม… กระซิบใส่ฉัน ตอนกลางคืน ในความฝัน”
ผมเลิกคิ้ว “คุณแน่ใจนะว่าไม่ใช่เสียงระบบที่ผิดปกติ? บางทีอาจจะเป็นคำพูดกระตุ้นให้คุณออกกำลังกาย”
น้ำส่ายหัวแรง ๆ น้ำเสียงของเธอที่เร่งเร้ามากขึ้น “ไม่ใช่แบบนั้น! เสียงกระซิบพวกนั้น… มันมืดมนมาก มันพูดถึงเรื่องต่าง ๆ เรื่องส่วนตัว ความกลัว ความเสียใจของฉัน แล้วฉันก็รู้สึก… เหมือนโดนดูดพลังไปหมด”
ผมลุกขึ้นยืนพลางมองเธออย่างครุ่นคิด “โอเค ผมชื่อนาวิน ผมเปิดร้านซ่อมอุปกรณ์ในกรุงเทพฯ ส่วนมากซ่อมของทั่วไป บางครั้งก็… รับมือกับปัญหาที่แปลก ๆ ถ้าแหวนวงนี้มีอะไรผิดปกติ ผมจะหาคำตอบให้ได้”
“คุณทำได้เหรอ?” เธอถาม พร้อมกับกำแหวนไว้แน่นเหมือนกลัวว่าจะสูญเสียมันไป
“แน่นอน” ผมตอบพร้อมยิ้มอ่อน ๆ “แต่ขอเตือนไว้ก่อน ค่าตรวจสอบเริ่มต้นที่ 1,500 บาท ถ้ามันมีคำสาป ก็ต้องคิดค่าเสี่ยงอันตรายเพิ่ม”
เธอกะพริบตาอย่างงุนงงและกระวนกระวาย “ค่าเสี่ยงอันตราย?”
ผมพยักหน้าอย่างจริงจัง “คุณคงไม่อยากรู้หรอกว่าอุปกรณ์สมัยนี้อันตรายได้แค่ไหน”
น้ำลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า มือของเธอสั่นขณะที่ค่อยๆ ส่งแหวนให้ผม “อะไรก็ได้ ขอแค่มันหยุดก็พอ”
Sponsored Ads
———————
สัญญาณแรกของปัญหา
แหวนสีดำเงารู้สึกหนักกว่าที่ควรจะเป็น มีหน้าจอดิจิทัลเล็ก ๆ และแสงเรืองรอบขอบที่แทบสังเกตไม่เห็น สำหรับคนทั่วไป มันอาจดูเหมือนอุปกรณ์เทคโนโลยีธรรมดา แต่ทันทีที่ผมจับมัน รู้สึกได้ถึงการสั่นแผ่วๆ ที่ปลายนิ้ว—มันเหมือนมีชีวิตมากกว่าเป็นแค่กลไก
“มันทำงานได้มากกว่าแค่บลูทูธแน่ ๆ” ผมพึมพำ
น้ำสะดุ้งเมื่อแหวนส่งเสียงเชียร์ด้วยน้ำเสียงหุ่นยนต์ที่สดใส
[ได้เวลาขยับตัวแล้ว!]
ผมเลิกคิ้วใส่มันและพึมพำ “ใช่เลย ตรงไปหาหมอผีที่ใกล้ที่สุด”
น้ำหลุดหัวเราะออกมาน้อย ๆ แม้ใบหน้าซีดเผือดของเธอจะยังเต็มไปด้วยความกลัว “มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน?”
ผมเก็บแหวนใส่กระเป๋ากางเกง และมันก็สั่นอย่างแผ่วเบา ราวกับไม่พอใจ “ผมจะหาคำตอบให้ แต่ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยีเสียแน่ ๆ ขั้นแรก เราต้องหาที่ปลอดภัยให้คุณก่อน ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
เธอดูเหมือนจะผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย แต่ทันทีที่ผมคิดว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม น้ำก็ชะงักนิ่ง กำม้านั่งแน่น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เสียงเธอสั่นระริกขณะพูดแผ่วเบา
“เสียงกระซิบ… มันดังขึ้นเรื่อย ๆ” เธอกระซิบ ขณะที่กุมขมับไว้แน่น “เหมือนพวกมันกำลัง… ดึงฉันไปที่ไหนสักแห่ง”
ผมขมวดคิ้ว “เราจะหาคำตอบเรื่องนี้ แต่ก่อนอื่น คุณต้องตั้งสติไว้”
ทว่าก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไรปลอบใจเพิ่มเติม ดวงตาของเธอกลับเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว
“ไม่… ไม่… ไม่…” เธอส่ายหัวแรง ๆ “ฉันยังได้ยินอยู่ พวกมันยังอยู่ตรงนี้”
ความเย็นเยียบค่อย ๆ แผ่ไปทั่วแผ่นหลังของผม ขณะที่เสียงหึ่งเบา ๆ ในกระเป๋ากลายเป็นเสียงต่ำลึกน่ากลัว แหวนวงนี้ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ แต่มันคือบางสิ่งที่มืดมนกว่านั้นมากนัก
Sponsored Ads
———————
น่าตื่นเต้น
การสั่นเบา ๆ ที่ผมรู้สึกก่อนหน้านี้เริ่มแรงขึ้น มันแผ่สะท้อนผ่านกระเป๋ากางเกงจนรู้สึกได้ ขนลุกวาบไปทั้งตัวเมื่อผมตระหนักว่าต้นเหตุมันไม่ได้มาจากแค่แหวน แต่มันคือบางสิ่งที่อยู่เหนือกว่า บางสิ่งที่พยายามจะผ่านเข้ามา
น้ำส่งเสียงร้องเบา ๆ มือของเธอกำขอบม้านั่งไว้แน่น ขณะที่สายตาจ้องเขม็งไปที่พื้น “พวกมันบอกว่า… มันสายไปแล้ว”
เสียงของเธอสั่นระริก และผมเบนสายตาไปที่แหวนซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะเปล่งแสงวาบออกมาเล็กน้อย เกือบจะตรงจังหวะเดียวกับการหายใจของเธอ จากอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ดูปลอดภัย มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง
ผมคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ พยายามรักษาน้ำเสียงให้สงบ แม้ว่าความหวาดหวั่นจะคืบคลานอยู่ในใจ “น้ำ ผมอยากให้คุณเชื่อใจผมนะ เราจะจัดการเรื่องนี้ให้ได้ แต่ผมต้องตรวจสอบแหวนวงนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง”
เธอพยักหน้าเบา ๆ แต่มือที่สั่นระริกของเธอก็ยังเผยความกลัวออกมาอย่างชัดเจน
เมื่อผมล้วงแหวนออกจากกระเป๋า เสียงสั่นเหมือนคลื่นไฟฟ้าสถิตดังขึ้นที่หูผม ริมขอบสายตาเริ่มพร่ามัว และในชั่วขณะหนึ่ง ผมคิดว่าผมเห็นบางอย่าง—เงามืดที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังกลุ่มคนที่กำลังเดินไปมาโดยไม่รู้เรื่อง
เสียงกระซิบดังขึ้นเรื่อย ๆ คำพูดของมันสลับซับซ้อนเกินกว่าจะจับใจความได้
“นาวิน” น้ำพูดด้วยเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน “พวกมันมาแล้ว”
และเมื่อแสงจากแหวนสว่างขึ้น ความเย็นยะเยือกที่ไม่ผิดแน่ว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติก็เข้ามาเกาะกุม
นี่ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ที่เสียธรรมดา แต่มันคือบางสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นมากนัก
Sponsored Ads