088-ดึงดัน

ไม่มีความเงียบที่แท้จริงในกรุงเทพ อภิวัฒน์

เที่ยงคืนแล้ว แต่หมาข้างซอยยังให้คำปรึกษาเรื่องความรักกับแท็กซี่  ฟังดูมี สติสัมปชัญญะกว่าฉันตอนนี้ด้วยซ้ำ

Sponsored Ads

โต๊ะทำงานของฉันดูเหมือนร้านเครื่องเขียนที่ระเบิดแล้วไม่มีใครเก็บ เดโมเทป แผ่นโน้ต โพสต์อิท ใบเสร็จปีที่แล้ว แก้วกาแฟที่กลายเป็นหลุมศพของปากกาแห้ง 

ลาเต้ สิ่งมีชีวิตที่เชื่อว่าความวุ่นวายควรเริ่มจากจุดที่สะอาดที่สุด นอนทับสมุดเนื้อเพลงฉันเรียบร้อยแล้ว เขาเลือกตำแหน่งที่บล็อกแรงบันดาลใจแบบพอดีเป๊ะ ราวกับวัดมุมด้วยวงเวียน

ฉันยังไม่นอน เพราะอาการนอนไม่หลับเป็นสิ่งสุดท้ายที่ยังไม่ถูกจำนำ เลยนั่งอ่านกระทู้เว็บบอร์ดที่เหมือนจะไม่มีวันตาย มันกระพริบเยาะเย้ยตรงหน้า

“นักแต่งเพลงนี่ไม่เคยโผล่หน้าเลย หรือว่าไม่มีจริง? หรือก็แค่แปลจากเพลงฝรั่งแล้วหวังว่าไม่มีใครจับได้?”

คลาสสิก

ในเมืองที่นามสกุลที่ฮิตที่สุดคือ “ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง” การถูกเรียกว่า “ผี” ถือว่าให้เกียรติด้วยซ้ำ 

ลาเต้พิมพ์ “6ddx” ลงบนคีย์บอร์ดแล้วหยุดอย่างมีจังหวะ ก่อนจะตวัดหางลงบนโมเด็ม อินเทอร์เน็ตหลุดตรงนั้นเลย เหมือนมีพระเจ้าที่เชื่อในระบบ dial-up คอยบงการ

*บางทีความเงียบอาจจะขี้ขลาดจริง ๆ หรือไม่ก็แค่ฉันรู้ว่าการเถียงกับคนที่ใช้ดราม่าเป็นคาร์ดิโอ มันไม่คุ้มพลังงาน* 

แต่คืนนี้มันไม่ใช่แค่ดราม่า — มันคือการยืนยันว่าเรามีตัวตนแค่ตอนคนอื่นลากชื่อเราไปพาดหัว หรือใส่วงเล็บว่า “เครดิตไม่ชัดเจน” 

ฉันยอมแพ้กับความเงียบระดับหนึ่ง เลยยอมฟังเสียงของตัวเองผ่านสายกีตาร์

ฉันหยิบกีตาร์ขึ้นมา อาวุธกึ่งข้ออ้างกึ่งเครื่องมือปัดฝุ่น สายมันเพี้ยนพอ ๆ กับความหวังดีรอบล่าสุด  มือที่ไม่ค่อยซ้อมแต่จำได้ดีกว่าหัวใจ กดคอร์ดแรกตามนิสัย 

บรรทัดแรก ไม่แก้ ไม่กลั่นกรอง

🎶 “ฉันก็รักเธอมาตั้งนานแล้ว และก็รักเธอมากจนล้นใจ
เธอทำไมไยเธอไม่เคยแล ไม่เคยมอง”
🎶

ฉันชำเลืองมองลาเต้เพื่อขอความเห็น เขากะพริบตาช้า ๆ แบบที่ไม่แน่ใจว่าดูถูกหรือแค่จะหลับ อาจจะทั้งคู่

เมืองด้านนอกหน้าต่างก็ยังตื่นเหมือนกัน วิทยุเพื่อนบ้านสำลักเพลงลูกกรุงเก่า ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโฆษณายาแก้ไอ แล้วตามด้วยเสียงจานแตก ผีย่านนี้ก็คงนอนไม่พอเหมือนกัน

ลาเต้ขยับตัวเล็กน้อย เหมือนจะพูดว่า แค่นี้พอ แล้วก็นิ่ง

แต่ฉันเขียนต่อ ไม่ใช่เพราะอยากเขียน แต่เพราะคำว่า “ไม่มีตัวตน” มันกัดแรงกว่า “เป็นผี” คืนนี้ ปล่อยเสียงออกไป ใครสะดุ้งก่อนแพ้ 

Sponsored Ads

———————

เขียนกับผี (และแมว)

มีช่วงหนึ่งในการแต่งเพลงยามดึกทุกครั้ง ที่คุณตระหนักได้ว่าคุณกำลังโต้เถียงกับคนในจินตนาการในหัวของคุณเอง
คืนนี้ แขกรับเชิญในหัวฉันประกอบด้วย โทรลเว็บบอร์ดเริ่มเถียงกับครูสมัย ป.3 ว่าฉันแต่งเนื้อแบบนี้เพราะ “อินดี้” หรือแค่ “ไม่มีความสามารถ” ส่วนหมอดูยืนเฉย ๆ อยู่ตรงมุมห้อง เหมือนยังหาทางออกจากปี 2540 ไม่ได้

ลาเต้ย้ายจากสมุดเนื้อเพลงไปครองถุงข้าวเกรียบกุ้งที่เหลือครึ่งเดียว เขาไม่ได้กินหรอก  แค่นอนทับมันไว้ เหมือนเป็นสิ่งสุดท้ายในเมืองนี้ที่ยังมีรสชาติ

ท่อนฮุกเริ่มวนอยู่ในหัวฉัน

🎶 “โอ้ใจเอ๋ย ทำไมหัวใจไม่หลาบจำ ดึงดันจะรักเธออยู่ ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ใช่
แต่ยังจะรักเขาหมดหัวใจ ปล่อยเขาทำร้าย ย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ เติมอยู่”
🎶

ฉันพึมพำทำนองใส่เครื่องอัดเทป…แต่สิ่งที่ออกมาคือเสียงหาวตอนติดไฟแดงมากกว่าทำนอง

ลาเต้พลิกตัวโชว์พุง เหมือนจะบอกว่า จะขายขี้หน้าทั้งที ก็หาขนมให้ฉันก่อนสิ

ฉันเหลือบดูนาฬิกา มันดึกเกินจะยอมรับ และเช้าเกินจะอ้างว่าเป็นแรงบันดาลใจ

บางทีนี่แหละคือเสียงของความซื่อสัตย์ตอนตีหนึ่งครึ่ง เหงื่อไม่อาบ แอบเพี้ยน และต้องการเพื่อนคุยอย่างหมดหวัง

ในหัวฉันเหมือนมีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา ไม่ใช่เสียงฉัน ไม่ใช่เสียงความมั่นใจเก๊ ๆ ด้วยซ้ำ มันเหมือนเสียงของนีน่า แบบที่เคยดังในหูฟังตอนแอบเปิดเดโมของเธอ

🎶 “เพราะเธอรักก็เพียงแค่แต่เขา เราก็ต้องทำความเข้าใจเอา
เพราะรักฉันนั้นไม่ใช่รักเรา เธอรักเขา (ฮื้ม)”
🎶

ฉันรีบจดลงสมุด แล้วซดบะหมี่ถ้วยต่อแบบไม่ตั้งใจ น้ำซุปกระเด็นลงกระดาษ ผลงานศิลปะฉบับกรุงเทพฯ อภิวัฒน์ น้ำซุปรสหมูสังเคราะห์กลิ่นเหมือนห้องซ้อมเพลงราคาถูกตอนหน้าฝน  ไม่มีอะไรสมบูรณ์ แต่ก็ไม่มีอะไรขัดขวาง แค่นี้มันก็พอจะทำให้ฉันรู้สึกว่าเพลงยังมีอยู่ 

ที่ถนนข้างล่างมอเตอร์ไซค์ปะทุดังแปร๋น  ลาเต้กระพริบตาแค่ทีเดียวแล้วนอนต่อ 

ฉันพึมพำว่า “ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเอาเพลงนี้ไปเปิดก่อนหกโมงเช้าหรอก”

เขาไม่ตอบ แน่นอนอยู่แล้ว

ฉันฝืนเขียนต่อ ท่อนฮุกค่อย ๆ ขึ้นรูปจากการดื้อดึงและแรงสะกิดจากความแค้นนิด ๆ

🎶 “เจ็บยังไงก็รักเธอ ซ้ำยังไงก็รักเธอ ใครจะพูดยังไงก็รักเธอ ก็รัก (ฮู้ว))” 🎶

ไม่สวยหรอก แต่จริง คืนนี้… แค่นี้ก็ถือว่าชนะละ

Sponsored Ads

———————

เดโมที่ปลายโลก

การทำดนตรีแม้แมลงสาบจะเข้านอนไปแล้วก็ให้ความรู้สึกเป็นอิสระอยู่บ้าง

นอกหน้าต่าง เมืองเหมือนปอดข้างหนึ่งหยุดหายใจ ในห้อง ฉันอยู่กับบรรยากาศรายการวาไรตี้ตกชั้น ไม่มีพิธีกร ไม่มีแขกรับเชิญ เหมือนเทปรายการที่ไม่มีคนดู แต่ยังอัดอยู่เพราะโปรดิวเซอร์ลืมกดหยุด

มีแค่ฉันกับลาเต้ เล่นเกมวัดใจกับความล้มเหลวทางความคิดสร้างสรรค์

ฉันกด replay ท่อนฮุกในแอปบันทึกเสียง เสียงออกมาคล้ายเทปคาสเซ็ตต์ที่หอบเหนื่อยตอนแบตใกล้หมด

ลาเต้หาว แล้วสะบัดขาเตะปากกาดีสุดที่ฉันเหลือให้กลิ้งลงใต้โต๊ะ ถือเป็นสัญญาณจากจักรวาล ถ้าฉันเชื่อเรื่องสัญญาณ

ฉันอัดท่อนฮุกผ่านแอป

🎶 “โอ้ใจเอ๋ย ทำไมรักใครช่างง่ายดาย ใจง่ายเกินไปไหมเธอ
โอ้ใจเอ๋ย โอ้ใจเอ๋ย ทำไมเจ็บไม่จำ”
🎶

ฉันฮัมท่อนถัดมา เบา แหบ เหมือนกระซิบใส่หมอนเก่า มันไม่ใช่เสียงของนีน่าจริง ๆ แต่เป็นเงาเลือนจากโลกที่เราทั้งคู่มีปัญหากับค่าย และไม่มีที่อื่นให้ไปตอนตีสาม

ถ้าเธอได้ยินเดโมนี้… เธอน่าจะล้อเสียงประสานของฉัน หรือไม่ก็ล้อเสียงอื้ดของเทป หรือทั้งสองอย่าง

ท่อนสุดท้ายของคืนนี้  เขียนด้วยความง่วงแบบไม่ปฏิเสธ

🎶 “เจ็บยังไงก็รักเธอ ซ้ำยังไงก็รักเธอ ใครจะพูดยังไงก็รักเธอ ก็รัก (ฮู้ว)” 🎶

ฉันกด play ย้อนกลับ ฟังตัวเองแล้วสะดุ้ง นี่แหละ “ไม่มีฟิลเตอร์” ของจริง ไม่ใช่กล้าหาญ แค่ไม่มีข้ออ้างเหลือ ลาเต้มองไฟ “REC” ที่กระพริบเหมือนจะโทรเรียกตำรวจ  เดโมไม่ต้องเพอร์เฟกต์ มันแค่ต้องส่งให้ทันก่อนความหวังหมดอายุ

ฉันพึมพำว่า “จะเสร็จแล้ว… แล้วนายจะได้กลับไปตัดสินคนที่นอนตอนกลางคืน”

ความจริงคือ ฉันไม่ได้แต่งเพลงนี้เพราะแรงบันดาลใจ แต่เพราะถ้าไม่จบคืนนี้ ก็เหลือแต่ข้ออ้าง และข้ออ้าง… คืออาหารเช้าของนักแต่งเพลงที่ไม่มีรายได้

ฉันกด stop เบา ๆ  จักรวาลยังไม่รู้สึกอะไรเหมือนเดิม

Sponsored Ads

———————

ส่งไปเหอะ

ฟ้ารุ่งในกรุงเทพฯ อภิวัฒน์มีสีเทาแบบไม่ถามอารมณ์เจ้าของห้อง ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จ ล้มเหลว หรือไม่ก็แค่หวังว่าผ้าที่ตากไว้จะไม่กลายเป็นเหยื่อจากขโมยอีก

โต๊ะฉันดูเหมือนซากสนามรบ ถ้วยมาม่า, เนื้อเพลงขีด ๆ ฆ่า ๆ แผ่นคอร์ดอย่างน้อยสองใบ ใบหนึ่งมีรอยเท้าแมว อีกใบมีคราบแกงปริศนา

ฉันเลือกใบที่ดูอายชาวบ้านน้อยกว่า ถ่ายรูป (เพราะเครื่องสแกนตายไปตั้งแต่เดือนกุมภา) แล้วแนบไฟล์ลงอีเมล

duengdan_song_v1.wav 

duengdan _chord_sheet.jpg

ฉันจ้องหัวข้ออีเมลอยู่หนึ่งนาทีเต็ม  Demo for next rehearsal” ฟังดูโลกสวยเกิน “ขอโทษที่มันเละ” ซื่อสัตย์แต่ก็เศร้าไปหน่อย

สุดท้ายฉันก็พิมพ์ว่า “แนบเดโม + คอร์ด ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ โทรมา อย่าโทรปลุกก่อนเที่ยงนะ”

ฉันลังเลอีกสิบวินาทีแบบไม่ได้เรื่อง ก่อนจะลากเมาส์ไปใกล้ปุ่ม Send แล้วหยุด ความคิดลอยมาแบบไร้ประโยชน์ ถ้าแนบไฟล์ผิดล่ะ? ถ้าลืมตั้งชื่อไฟล์? ถ้าหมาที่เห่าเมื่อคืนมาฟังได้ก่อนพี่ต้น? เหตุผลพวกนี้ไม่มีใครสนใจนอกจากฉัน แล้วฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันยังสนใจอยู่ไหม

ลาเต้กระโดดขึ้นโต๊ะ นั่งทับปุ่ม Enter ส่งอีเมลออกไปก่อนฉันจะลังเลอีกรอบ การแทรกแซงจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สายขนปุย อยู่ดี ๆ ฉันรู้สึกตัวเบา ไม่ถึงขั้นภูมิใจ ไม่ถึงขั้นกังวล แค่เสร็จแล้ว เหมือนคนที่เพิ่งโยนชุดซักไม่ออกทิ้งลงถังขยะ

เมืองข้างนอกเริ่มตื่น มอเตอร์ไซค์คันแรกของวันเร่งเครื่องแบบเย้ยอารมณ์ฉัน 

ฉันสงสัยว่าพี่ต้นจะได้ยินเสียงประสานผี ๆ ไหม หรือแค่เสียงอื้ดในเทป เขาอาจจะโทรมาด่าคอร์ด F ของฉันที่เขียนเหมือนใบสั่งยาจากหมอเมา

ฉันหยิบปากกาขึ้น เขียนโพสต์สคริปต์ใส่กระดาษแผ่นเล็ก

“P.S. ถ้าคอร์ดมันแปลก ๆ โทษแมว
P.P.S. ถ้านีน่าได้ฟังเพลงนี้ บอกเธอว่าฉันยืมเสียงสะท้อนมา จะคืนวันหลัง”

ฉันยัดแผ่นคอร์ดที่เหลือใส่แฟ้มชื่อ “เรื่องให้เสียดายภายหลัง” 

ลาเต้กระโดดขึ้นไปนอนบนแฟ้มเหมือนประทับตรารับรอง หรือไม่ก็จองเป็นที่นอนใหม่ เขานอนนิ่งแบบแมวที่ไม่ได้รอคำชม แค่อยู่ตรงนั้น เพราะรู้ว่ามันสำคัญ ฉันเอื้อมไปแตะสันแฟ้มเบา ๆ เหมือนจะขอบคุณตัวเองในอนาคตที่อาจจะกล้ามองกลับมา 

ภารกิจคืนนี้จบแล้ว ไม่ใช่เพราะมันสมบูรณ์ แต่เพราะเมืองนี้ไม่มีเวลาให้ใครแก้ไขอะไรได้นานเกินห้านาทีพอแสงแดดเริ่มเลียขอบตึก ฉันถึงรู้ว่า การกดส่ง มันไม่ใช่ความกล้า ไม่ใช่การปฏิวัติ แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เมืองนี้ไม่สามารถทำเป็นมองไม่เห็นเรา

Sponsored Ads

ดึงดัน
COCKTAIL X ตั๊ก ศิริพร (JOOX 100×100 SEASON 2)