เสียงกระดิ่งร้านดังขึ้น แทรกผ่านเสียงหัวแร้งบัดกรีและเสียงหึ่งเบาของกล่องกักกัน ผมเงยหน้าขึ้น เห็นหลินเดินเข้ามา เสื้อโค้ทยาวของเธอพลิ้วตามหลังราวกับเงา
Sponsored Ads
“หลิน” ผมทัก วางสมาร์ทวอทช์ต้องคำสาปลง “มาจับฉันข้อหาเดินสายไฟผิดมาตรฐานเหรอ?”
ริมฝีปากเธอขยับเหมือนจะยิ้ม แต่แววตากลับจริงจัง “เราต้องคุยกัน”
ผมผายมือไปที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ “อย่าบอกนะว่า สมาคมแห่งความสงบอันเป็นนิรันดร์จะกลับมาอีก ฉันคิดว่าเราปิดประตูนั้นไปแล้ว”
หลินนั่งลง สายตาคมกริบของเธอกวาดมองรอบร้าน “ไม่ใช่แบบนั้น แต่มี… เศษซาก เหมือนเสียงกระซิบของอิทธิพลพวกนั้น มันยังมีปลายหลวม ๆ ที่ไม่ได้จัดการ”
ผมลังเล น้ำหนักของเหตุการณ์เมื่อเช้ากดทับอยู่บนอก “ฉันคิดว่าฉันอาจเป็นหนึ่งในปลายหลวม ๆ พวกนั้น”
คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน “หมายความว่าไง?”
ผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง—สัญลักษณ์ที่แตกละเอียด มอเตอร์ไซค์ปริศนา เบรกที่ถูกตัด สีหน้าของหลินตึงขึ้นเรื่อย ๆ กรามของเธอขบแน่นขณะฟัง
“นาวิน” เธอพูด น้ำเสียงเฉียบขาด “คุณน่าจะโทรหาฉัน”
ผมยักไหล่ ชี้ไปที่มีดหมอบนเคาน์เตอร์ “ฉันมีวิธีของฉัน”
หลินเอนตัวมาข้างหน้า น้ำเสียงเธอเจาะลึกทะลุความไม่ใส่ใจของผม “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของคุณ ถ้ามีใครจากภาคี กำลังเล็งเป้ามาที่คุณ นี่ไม่ใช่ความหวาดระแวง—แต่มันคือสงคราม และคุณไม่มีทางชนะได้ถ้าคิดจะสู้คนเดียว”
คำพูดของเธอหนักแน่นเกินกว่าจะปฏิเสธ ผมรู้ว่าเธอพูดถูก แต่การยอมรับมันไม่ใช่สิ่งที่ผมถนัด
Sponsored Ads
———————
เกมของนักฆ่า
สองสามวันต่อมาชีวิตผมกลายเป็นเกมเอาตัวรอด กับดักแปลก ๆ รออยู่ทุกที่ที่ผมไป—ไม่ใช่แค่กับดักทางกายภาพ แต่เป็นกับดักทางจิตใจด้วย
ที่ร้าน ไฟดับอย่างไม่คาดคิด ทิ้งผมไว้ในความมืด เมื่อผมไปตรวจกล่องฟิวส์ ผมพบสัญลักษณ์แปลก ๆ สลักอยู่บนแผงไฟ—สัญลักษณ์ที่ออกแบบมาเพื่อกัดกร่อนความมั่นคงในจิตใจและปลุกความหวาดระแวง มีดหมอในมือเรืองแสงจาง ๆ พลังปกป้องของมันช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจผมไว้
ที่คอนโด ประตูลิฟต์เปิดผิดชั้น เผยให้เห็นสัญลักษณ์สลักอยู่บนกำแพงฝั่งตรงข้าม ผมรีบปิดคลุมมันด้วยผ้ายันต์ เพื่อปิดกั้นอิทธิพลของมันก่อนที่มันจะแพร่กระจาย
แต่จุดเปลี่ยนจริง ๆ คือเมื่อผมพบรอยขีดลึกบนประตูห้อง—รอยที่ชัดเจนและตั้งใจ สร้างเป็นลวดลายแหลมคม มันไม่ใช่การขีดเขียนมั่ว ๆ แต่มันคือคำเตือน
Sponsored Ads
———————
“ความช่วยเหลือ” ของธนา
ท่ามกลางพายุแห่งปัญหา ธนาก็โผล่มาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“กล้องจับผี!” เขาประกาศพร้อมกับแกว่งกล่องอุปกรณ์ที่สั่งมาจากออนไลน์ “ได้รับการจัดอันดับหนึ่งจากคนที่ไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีแน่นอน!”
ผมครางเบา ๆ ขณะที่มองเขาติดตั้งระบบกล้องที่ดูเกะกะในร้าน กล้องมาพร้อมเลนส์มองกลางคืนและเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว
“ธนา” ผมพูดพลางนวดขมับ “ฉันไม่ต้องการรายการเรียลลิตี้ ฉันต้องการความสงบ”
เขายิ้มกว้าง “นายต้องพักผ่อนบ้าง แล้วก็ถ้าไอ้โรคจิตที่สะกดรอยตามนายมันโผล่มา เราจะจับมันได้ในคุณภาพภาพสุดอลังการ 480p!”
ถึงผมจะคัดค้าน แต่ธนาก็ติดตั้งกล้องจนเสร็จ ความกระตือรือร้นของเขาแทบจะติดต่อมาหาผม แม้ว่าอุปกรณ์จะดูน่าหัวเราะก็ตาม
คืนนั้น ขณะผมตรวจดูภาพจากกล้อง—ส่วนใหญ่เป็นภาพหยาบ ๆ ของตัวเองกำลังบัดกรีสายไฟหรือมองกาแฟด้วยสายตาไม่สบอารมณ์—ผมชะงัก
มีร่างเบลอ ๆ ปรากฏในเฟรมหนึ่ง ยืนอยู่ใกล้ทางเข้าร้าน มันอยู่ตรงนั้นแค่แวบเดียวก่อนจะเลือนหายไปในเงามืด
ธนาโน้มตัวมาดูข้างหลังผม รอยยิ้มของเขาจางลง “เอ่อ… นั่นน่าขนลุกแฮะ”
คราวนี้ ผมไม่อาจปฏิเสธได้
Sponsored Ads
———————
ถอดรหัสสัญลักษณ์
ด้วยความช่วยเหลือของหลิน ผมตรวจสอบสัญลักษณ์ที่พบในกล่องฟิวส์และประตูคอนโด สัญลักษณ์เหล่านั้นซับซ้อน เต็มไปด้วยเจตนาซ่อนเร้น—เป็นพิธีกรรมที่ออกแบบมาเพื่อทำลายความมั่นคงในจิตใจและปลูกฝังความสงสัย
“นี่ไม่ใช่แค่คำเตือน” หลินพูดขณะใช้นิ้วลากไปบนลวดลายที่คัดลอกมา “นี่คือการโจมตีทางจิตวิทยา คนที่ทำแบบนี้ต้องการทำลายนายก่อนจะลงมือ”
“ยอดเยี่ยม” ผมพึมพำ ขณะพลิกหน้ากระดาษเรืองแสงของใบลาน “แต่พวกเขาประเมินความดื้อของฉันต่ำเกินไป”
หลินยิ้มมุมปากเล็กน้อย “พวกเขามักจะทำแบบนั้นเสมอ”
ด้วยความช่วยเหลือของใบลานและมีดหมอ ผมเริ่มทำลายอิทธิพลของสัญลักษณ์เหล่านั้น ใช้ยันต์และบทสวดอย่างระมัดระวังเพื่อต่อต้านผลกระทบของมัน แต่ถึงแม้ผมจะทำงานอย่างตั้งใจ แต่ความรู้สึกไม่สบายใจก็ยังคงอยู่
ร่างในเงามืดนั้นไม่ได้แค่เฝ้ามอง พวกเขากำลังรอ
Sponsored Ads
———————
น่าตื่นเต้น
ในคืนวันหนึ่งขณะที่ผมล็อกร้าน บรรยากาศรู้สึกหนักอึ้งกว่าปกติ ป้ายไฟนีออนเหนือประตูร้านกระพริบเป็นจังหวะ สาดแสงแตกกระจายลงบนถนนที่ว่างเปล่า
ผมปรับสายกระเป๋า มีดหมออยู่ข้างตัวอย่างมั่นคง เสียงจอแจของเมืองดูเหมือนจะเงียบลง แทนที่ด้วยความเงียบงันที่ตึงเครียด
แล้วผมก็เห็นเขา
ฝั่งตรงข้ามถนน ใต้เสาไฟชายปริศนายืนอยู่ ใบหน้าของเขาถูกบดบังด้วยเงามืด แต่การปรากฏตัวของเขานั้นชัดเจน—นักล่าที่รอโอกาสจู่โจม
เขาไม่ขยับตัว ไม่พูด เขาแค่ยืนอยู่ที่นั่น เงาของเขากลมกลืนกับความมืดราวกับเป็นเงาที่มีชีวิต
ผมกำมีดหมอแน่น หัวใจเต้นแรงขณะที่ถอยหลังไปทางร้าน
ชายคนนั้นเอียงหัวเล็กน้อย ท่าทีดูผ่อนคลายเกินคาด จากนั้นด้วยเสียงที่แทบจะเบากว่ากระซิบ เขาพูด
“ความยุติธรรมอาจล่าช้า แต่มันไม่เคยลืมเลือน”
ก่อนที่ผมจะตอบโต้ เขาหันหลังและเลือนหายไปในเงามืด ทิ้งไว้เพียงเสียงสะท้อนของคำพูดในยามค่ำคืน
ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ความหมายในคำพูดของเขากดทับบนอกเหมือนมือเย็นเฉียบ
นี่ไม่ใช่แค่เกมอีกต่อไป
มันคือการล่า และผมคือเหยื่อ