NOVEL / The Signal Beyond the Veil · March 11, 2025 0

102-เงาสุดท้ายแห่งความสงบ (นักล่าและผู้ถูกล่า)

เสียงกระดิ่งร้านดังขึ้น แทรกผ่านเสียงหัวแร้งบัดกรีและเสียงหึ่งเบาของกล่องกักกัน ผมเงยหน้าขึ้น เห็นหลินเดินเข้ามา เสื้อโค้ทยาวของเธอพลิ้วตามหลังราวกับเงา

Sponsored Ads

“หลิน” ผมทัก วางสมาร์ทวอทช์ต้องคำสาปลง “มาจับฉันข้อหาเดินสายไฟผิดมาตรฐานเหรอ?”

ริมฝีปากเธอขยับเหมือนจะยิ้ม แต่แววตากลับจริงจัง “เราต้องคุยกัน”

ผมผายมือไปที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ “อย่าบอกนะว่า สมาคมแห่งความสงบอันเป็นนิรันดร์จะกลับมาอีก ฉันคิดว่าเราปิดประตูนั้นไปแล้ว”

หลินนั่งลง สายตาคมกริบของเธอกวาดมองรอบร้าน “ไม่ใช่แบบนั้น แต่มี… เศษซาก เหมือนเสียงกระซิบของอิทธิพลพวกนั้น มันยังมีปลายหลวม ๆ ที่ไม่ได้จัดการ”

ผมลังเล น้ำหนักของเหตุการณ์เมื่อเช้ากดทับอยู่บนอก “ฉันคิดว่าฉันอาจเป็นหนึ่งในปลายหลวม ๆ พวกนั้น”

คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน “หมายความว่าไง?”

ผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง—สัญลักษณ์ที่แตกละเอียด มอเตอร์ไซค์ปริศนา เบรกที่ถูกตัด สีหน้าของหลินตึงขึ้นเรื่อย ๆ กรามของเธอขบแน่นขณะฟัง

“นาวิน” เธอพูด น้ำเสียงเฉียบขาด “คุณน่าจะโทรหาฉัน”

ผมยักไหล่ ชี้ไปที่มีดหมอบนเคาน์เตอร์ “ฉันมีวิธีของฉัน”

หลินเอนตัวมาข้างหน้า น้ำเสียงเธอเจาะลึกทะลุความไม่ใส่ใจของผม “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของคุณ ถ้ามีใครจากภาคี กำลังเล็งเป้ามาที่คุณ นี่ไม่ใช่ความหวาดระแวง—แต่มันคือสงคราม และคุณไม่มีทางชนะได้ถ้าคิดจะสู้คนเดียว”

คำพูดของเธอหนักแน่นเกินกว่าจะปฏิเสธ ผมรู้ว่าเธอพูดถูก แต่การยอมรับมันไม่ใช่สิ่งที่ผมถนัด

Sponsored Ads

———————

เกมของนักฆ่า

สองสามวันต่อมาชีวิตผมกลายเป็นเกมเอาตัวรอด กับดักแปลก ๆ รออยู่ทุกที่ที่ผมไป—ไม่ใช่แค่กับดักทางกายภาพ แต่เป็นกับดักทางจิตใจด้วย

ที่ร้าน ไฟดับอย่างไม่คาดคิด ทิ้งผมไว้ในความมืด เมื่อผมไปตรวจกล่องฟิวส์ ผมพบสัญลักษณ์แปลก ๆ สลักอยู่บนแผงไฟ—สัญลักษณ์ที่ออกแบบมาเพื่อกัดกร่อนความมั่นคงในจิตใจและปลุกความหวาดระแวง มีดหมอในมือเรืองแสงจาง ๆ พลังปกป้องของมันช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจผมไว้

ที่คอนโด ประตูลิฟต์เปิดผิดชั้น เผยให้เห็นสัญลักษณ์สลักอยู่บนกำแพงฝั่งตรงข้าม ผมรีบปิดคลุมมันด้วยผ้ายันต์ เพื่อปิดกั้นอิทธิพลของมันก่อนที่มันจะแพร่กระจาย

แต่จุดเปลี่ยนจริง ๆ คือเมื่อผมพบรอยขีดลึกบนประตูห้อง—รอยที่ชัดเจนและตั้งใจ สร้างเป็นลวดลายแหลมคม มันไม่ใช่การขีดเขียนมั่ว ๆ แต่มันคือคำเตือน

Sponsored Ads

———————

“ความช่วยเหลือ” ของธนา

ท่ามกลางพายุแห่งปัญหา ธนาก็โผล่มาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่

“กล้องจับผี!” เขาประกาศพร้อมกับแกว่งกล่องอุปกรณ์ที่สั่งมาจากออนไลน์ “ได้รับการจัดอันดับหนึ่งจากคนที่ไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีแน่นอน!”

ผมครางเบา ๆ ขณะที่มองเขาติดตั้งระบบกล้องที่ดูเกะกะในร้าน กล้องมาพร้อมเลนส์มองกลางคืนและเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว

“ธนา” ผมพูดพลางนวดขมับ “ฉันไม่ต้องการรายการเรียลลิตี้ ฉันต้องการความสงบ”

เขายิ้มกว้าง “นายต้องพักผ่อนบ้าง แล้วก็ถ้าไอ้โรคจิตที่สะกดรอยตามนายมันโผล่มา เราจะจับมันได้ในคุณภาพภาพสุดอลังการ 480p!”

ถึงผมจะคัดค้าน แต่ธนาก็ติดตั้งกล้องจนเสร็จ ความกระตือรือร้นของเขาแทบจะติดต่อมาหาผม แม้ว่าอุปกรณ์จะดูน่าหัวเราะก็ตาม

คืนนั้น ขณะผมตรวจดูภาพจากกล้อง—ส่วนใหญ่เป็นภาพหยาบ ๆ ของตัวเองกำลังบัดกรีสายไฟหรือมองกาแฟด้วยสายตาไม่สบอารมณ์—ผมชะงัก

มีร่างเบลอ ๆ ปรากฏในเฟรมหนึ่ง ยืนอยู่ใกล้ทางเข้าร้าน มันอยู่ตรงนั้นแค่แวบเดียวก่อนจะเลือนหายไปในเงามืด

ธนาโน้มตัวมาดูข้างหลังผม รอยยิ้มของเขาจางลง “เอ่อ… นั่นน่าขนลุกแฮะ”

คราวนี้ ผมไม่อาจปฏิเสธได้

Sponsored Ads

———————

ถอดรหัสสัญลักษณ์

ด้วยความช่วยเหลือของหลิน ผมตรวจสอบสัญลักษณ์ที่พบในกล่องฟิวส์และประตูคอนโด สัญลักษณ์เหล่านั้นซับซ้อน เต็มไปด้วยเจตนาซ่อนเร้น—เป็นพิธีกรรมที่ออกแบบมาเพื่อทำลายความมั่นคงในจิตใจและปลูกฝังความสงสัย

“นี่ไม่ใช่แค่คำเตือน” หลินพูดขณะใช้นิ้วลากไปบนลวดลายที่คัดลอกมา “นี่คือการโจมตีทางจิตวิทยา คนที่ทำแบบนี้ต้องการทำลายนายก่อนจะลงมือ”

“ยอดเยี่ยม” ผมพึมพำ ขณะพลิกหน้ากระดาษเรืองแสงของใบลาน “แต่พวกเขาประเมินความดื้อของฉันต่ำเกินไป”

หลินยิ้มมุมปากเล็กน้อย “พวกเขามักจะทำแบบนั้นเสมอ”

ด้วยความช่วยเหลือของใบลานและมีดหมอ ผมเริ่มทำลายอิทธิพลของสัญลักษณ์เหล่านั้น ใช้ยันต์และบทสวดอย่างระมัดระวังเพื่อต่อต้านผลกระทบของมัน แต่ถึงแม้ผมจะทำงานอย่างตั้งใจ แต่ความรู้สึกไม่สบายใจก็ยังคงอยู่

ร่างในเงามืดนั้นไม่ได้แค่เฝ้ามอง พวกเขากำลังรอ

Sponsored Ads

———————

น่าตื่นเต้น

ในคืนวันหนึ่งขณะที่ผมล็อกร้าน บรรยากาศรู้สึกหนักอึ้งกว่าปกติ ป้ายไฟนีออนเหนือประตูร้านกระพริบเป็นจังหวะ สาดแสงแตกกระจายลงบนถนนที่ว่างเปล่า

ผมปรับสายกระเป๋า มีดหมออยู่ข้างตัวอย่างมั่นคง เสียงจอแจของเมืองดูเหมือนจะเงียบลง แทนที่ด้วยความเงียบงันที่ตึงเครียด

แล้วผมก็เห็นเขา

ฝั่งตรงข้ามถนน ใต้เสาไฟชายปริศนายืนอยู่ ใบหน้าของเขาถูกบดบังด้วยเงามืด แต่การปรากฏตัวของเขานั้นชัดเจน—นักล่าที่รอโอกาสจู่โจม

เขาไม่ขยับตัว ไม่พูด เขาแค่ยืนอยู่ที่นั่น เงาของเขากลมกลืนกับความมืดราวกับเป็นเงาที่มีชีวิต

ผมกำมีดหมอแน่น หัวใจเต้นแรงขณะที่ถอยหลังไปทางร้าน

ชายคนนั้นเอียงหัวเล็กน้อย ท่าทีดูผ่อนคลายเกินคาด จากนั้นด้วยเสียงที่แทบจะเบากว่ากระซิบ เขาพูด

“ความยุติธรรมอาจล่าช้า แต่มันไม่เคยลืมเลือน”

ก่อนที่ผมจะตอบโต้ เขาหันหลังและเลือนหายไปในเงามืด ทิ้งไว้เพียงเสียงสะท้อนของคำพูดในยามค่ำคืน

ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ความหมายในคำพูดของเขากดทับบนอกเหมือนมือเย็นเฉียบ

นี่ไม่ใช่แค่เกมอีกต่อไป

มันคือการล่า และผมคือเหยื่อ