NOVEL / The Signal Beyond the Veil · March 15, 2025 0

104-เงาสุดท้ายแห่งความสงบ (คมมีดแห่งกรรม)

หน่วยม่านมาถึงที่เกิดเหตุราวกับพายุ ความเคลื่อนไหวของพวกเขาแม่นยำและรอบคอบ ผู้บัญชาการหลินอยู่ตรงศูนย์กลาง สายตาคมกริบของเธอไล่สังเกตรายละเอียดทุกอย่าง—คราบเลือดบนกระเบื้องทางเดิน เศษกระจกแตกจากการต่อสู้ และพลังงานที่หลงเหลือลอยวนอยู่บนกำแพง

Sponsored Ads

ผมพิงกำแพงด้านนอกคอนโด สีข้างถูกพันแผลไว้แต่ยังปวดตุบ ๆ ทีมพยาบาลช่วยทำแผลให้แล้ว แต่คำเตือนอันเข้มงวดของพวกเขาเรื่องการพักผ่อนกลับถูกผมมองข้ามไป ความสนใจของผมจดจ่ออยู่กับความวุ่นวายในคอนโด

“สัญลักษณ์ยังหลงเหลืออยู่” หลินพึมพำขณะนั่งยอง ๆ ใกล้ประตูห้องของผม นิ้วมือที่สวมถุงมือของเธอลากผ่านรอยจางๆ ที่สลักบนเนื้อไม้ “คนนี้ฝีมือไม่ธรรมดาเลย ตั้งใจซ้อนชั้นไว้หลายชั้น เพื่อบั่นทอนนายก่อนลงมือ”

ผมขมวดคิ้ว มีดหมอที่คาดอยู่ข้างตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจ “ก็เหมือนที่เขายังไม่รู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่ล้มง่าย ๆ”

หลินมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดและความห่วงใย “นายโชคดีมากที่ที่เขาทำมันไม่สำเร็จ”

หน่วยม่านกระจายกำลังตรวจสอบพื้นที่ เก็บหลักฐานทุกชิ้นที่บ่งบอกถึงอิทธิพลของภาคี พวกเขาพบเศษสัญลักษณ์ที่แตก พลังงานจาง ๆ ที่บันได และรอยเลือดที่ทอดยาวออกไปยังถนน

เจ้าหน้าที่รินเดินเข้ามาหา พร้อมแท็บเล็ตที่แสดงข้อมูล “ผู้บัญชาการ สัญลักษณ์เหล่านี้เก่าแล้ว—น่าจะเชื่อมโยงกับพิธีกรรมของครูบาสวรรค์ นักฆ่าคนนี้ไม่ได้แค่มาล้างแค้น  เหมือนเขากำลังพยายามจุดประกายอะไรบางอย่างขึ้นมาใหม่”

สีหน้าของหลินเคร่งเครียดขึ้น “นาวิน นายต้องอยู่เงียบ ๆ ไปก่อน จนกว่าเราจะรู้ว่ามันลึกแค่ไหน”

ผมยืดตัวตรง เมินความเจ็บปวดจากแผลที่ถูกเย็บ “ฉันมีร้านที่ต้องดูแล”

“แต่นายก็มีเป้าติดอยู่ที่หลังด้วย” หลินสวนกลับอย่างดุดัน “อย่าทำให้เรื่องนี้ยากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่แล้ว”

ความหงุดหงิดของเธอเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ความดื้อรั้นของผมก็เช่นกัน “ฉันจะระวัง”

“ระวังอย่างเดียวยังไม่พอ” เธอพึมพำก่อนหันกลับไปสั่งการทีม “ตรวจสอบพื้นที่ให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรตกหล่น”

ขณะที่ผมมองเธอทำงาน ความรู้สึกบางอย่างก็กัดกินในใจ นี่อาจไม่ใช่แค่เรื่องของผม ความเกลียดชังของนักฆ่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่มันคือเสียงสะท้อนของอุดมการณ์ที่บิดเบี้ยวของภาคี

Sponsored Ads

———————

ความผิดพลาดของนักฆ่า

ร่างในเงามืดยืนอยู่ริมถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ฮู้ดที่คลุมศีรษะปกปิดใบหน้าของเขา ดวงตาจับจ้องมาที่เหตุการณ์ตรงหน้า ลมหายใจของเขาหอบเหนื่อย เป็นส่วนผสมของความหงุดหงิดและความโกรธแค้น เลือดไหลซึมผ่านผ้าพันแผลที่พันแขนไว้—เป็นเครื่องเตือนใจถึงความล้มเหลวของเขา

“เรื่องนี้มันยังไม่จบ” เขาพึมพำ ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในตรอกซอกซอยของกรุงเทพฯ ความวุ่นวายของเมืองกลืนเขาไป เป็นที่กำบังที่สมบูรณ์แบบสำหรับการหลบหนี

เขาเดินผ่านถนน ซอกซอยต่าง ๆ จิตใจของเขาพลุ่งพล่าน นาวินรอดชีวิตมาได้ และตอนนี้หน่วยม่านก็อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมสูงสุด ในใจของเขาคิดถึงแผนใหม่—แผนที่เด็ดขาดและจบเรื่องทั้งหมด

แต่กรรม มีวิธีของมันในการปรับสมดุลเสมอ

มอเตอร์ไซค์ของเขาคำรามวิ่งตัดเข้าการจราจร เมื่อเขาเร่งความเร็วผ่านถนนที่แออัด สายตาเหลือบไปที่กระจกมองหลัง ความหวาดระแวงค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในความคิดของเขา มีใครตามเขาอยู่หรือเปล่า? พวกนั้นจะตามมาถึงที่ซ่อนของเขาไหม?

ขณะที่เขาหักหลบรถตุ๊กตุ๊ก สายตาของเขาวอกแวกไปชั่วขณะ รถบรรทุกปรากฏในมุมสายตา เสียงแตรดังก้อง แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป

การชนเกิดขึ้นอย่างรุนแรง โลหะกระแทกกับโลหะ และร่างของนักฆ่าลอยขึ้นจากอานมอเตอร์ไซค์เหมือนตุ๊กตาผ้าถูกโยนลงบนพื้น เขาตกกระแทกกับถนน แขนขานิ่งสนิท ขณะที่เสียงวุ่นวายของโลกรอบตัวเขากำลังปะทุขึ้นด้วยความโกลาหล

รถบรรทุกหยุดกึก คนขับก้าวลงมาด้วยท่าทางตกใจ ผู้คนมุงดูเหตุการณ์ เสียงซุบซิบเริ่มกระจายไปทั่วอากาศร้อนชื้นของคืนนั้น

ร่างของนักฆ่านอนนิ่งอยู่ที่พื้นถนน ดวงตาของเขาเบิกกว้างจ้องไปที่ท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า ในวินาทีสุดท้ายของเขา ริมฝีปากขยับเบา ๆ เอื้อนเอ่ยคำที่ได้ยินเพียงตัวเขาเอง

“ความสงบกำลังรอ…”

Sponsored Ads

———————

คมมีดแห่งกรรม

ข่าวอุบัติเหตุไปถึงหน่วยม่านในเวลาไม่ถึงชั่วโมง หลินยืนอยู่ที่ประตูร้าน โทรศัพท์แนบหู ขณะที่เจ้าหน้าที่รินรายงานรายละเอียดให้ฟัง

“เขาตายแล้ว” หลินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ได้พูดออกมา “อุบัติเหตุรถชน มันไม่ได้จบอย่างสะอาดนัก แต่จบแล้ว”

ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ซ่อมแกดเจ็ตต้องคำสาปอีกชิ้น โดยมีแผลที่ถูกพันไว้ที่สีข้างคอยเตือนใจว่าผมเคยเฉียดใกล้การกลายเป็นคนที่นอนอยู่ในโลงแค่ไหน

“ก็ดีแล้ว” ผมพึมพำ ขันสกรูให้แน่น “เงาที่ต้องจัดการน้อยลงอีกหนึ่งเงา”

หลินก้าวเข้ามาในร้าน ลดโทรศัพท์ลง “มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น”

เธอยื่นสมุดบันทึกเล่มเล็กหุ้มหนังมาให้—มันดูเก่า เปื้อนเลือด และมีกลิ่นเวทมนตร์โบราณโชยมา “พบบนตัวเขา มันเต็มไปด้วยข้อความจากคำสอนของภาคี และ…บางอย่างที่มากกว่านั้น”

ผมเปิดสมุด พลิกดูหน้ากระดาษสีเหลืองเก่า มีสัญลักษณ์และวลีลึกลับกระจายอยู่ตามขอบกระดาษ ความหมายของมันยังคงเข้าใจยาก แต่มีประโยคหนึ่งที่เขียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ผมรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง:

“ความสงบยังรออยู่ แม้กระทั่งในความตาย”

คำพูดเหล่านั้นดูหนักอึ้ง เหมือนกับคำสัญญาที่ยังไม่ถูกเติมเต็ม

Sponsored Ads

———————

เสียงสะท้อนของภาคี

ยิ่งดึกลงเรื่อย ๆ หลินและผมก็นั่งวิเคราะห์สมุดบันทึกเล่มนั้น พยายามถอดรหัสเนื้อหาที่กระจัดกระจาย มันพูดถึงสมดุล การฟื้นคืนความรุ่งเรืองของภาคี และเสียงกระซิบครั้งสุดท้าย—พิธีกรรมที่มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงระหว่างชีวิตและความตาย

“นี่ไม่ใช่แค่การล้างแค้น” หลินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เขาเชื่อว่าเขาเป็นผู้พลีชีพ เป็นแสงสุดท้ายของภาคี”

ผมพยักหน้า มือไล้ไปตามขอบสมุด “และตอนนี้แสงนั้นก็ดับไปแล้ว”

“อาจจะ” เธอพูด สายตาเหม่อมองไปไกล “หรือไม่ก็อาจจะรอใครบางคนจุดมันขึ้นมาใหม่”

ความคิดนั้นลอยวนอยู่ในอากาศ เหมือนควันไฟที่หนักอึ้งและกดดัน แม้นักฆ่าจะตายไปแล้ว แต่ความตายของเขากลับรู้สึกเหมือนเป็นเพียงการหยุดพัก ไม่ใช่จุดจบ

Sponsored Ads

———————

น่าตื่นเต้น

ในคืนนั้นหลังจากปิดร้าน เมืองดูเงียบสงบกว่าปกติ ป้ายไฟนีออนเหนือประตูร้านกระพริบเบา ๆ สาดแสงที่กระจัดกระจายลงสู่พื้นถนนเบื้องล่าง

ผมล็อกร้านก่อนจะหันหลัง กระเป๋าสะพายอยู่บนไหล่ สมุดบันทึกถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยข้างใน

แต่ขณะที่เดินไปตามถนนที่ว่างเปล่า เสียงกระซิบเบา ๆ ก็ลอยมาตามสายลม—นุ่มนวล แทบไม่ได้ยิน แต่ไม่ผิดพลาดแน่นอน

“ความสงบยังรออยู่…”

ผมหยุดเดิน หันมองข้างหลัง ถนนยังคงว่างเปล่า เงายาวทอดไปไกลโดยไม่มีอะไรเคลื่อนไหว แต่เสียงกระซิบยังคงลอยอยู่ในอากาศเหมือนการเย้ยหยัน

“ความสงบยังรออยู่…” ผมพึมพำ คำพูดนั้นรู้สึกเหมือนคำสัญญา—และคำเตือน

ผมกำมีดหมอแน่น กรามขบแน่น

ถ้าความสงบกำลังรอ มันก็คงต้องรอต่อไป เพราะผมยังไม่หยุดสู้

ยังไม่ใช่ตอนนี้